ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เกมพลิกวิกฤติหรือเปล่า ? เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล รับมือ เบิร์นลี่ย์

เกมพลิกวิกฤติหรือเปล่า ? เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล รับมือ เบิร์นลี่ย์

Posted 21/01/2021 by siamsport

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล มีคิวต้องรับลูกทีมรับมือ เบิร์นลี่ย์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคมนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแมตช์สำคัญในการวัดว่า "หงส์แดง" จะกลับมาสู่สภาวะปกติ หรือยังตกอยู่ในห่วงวิกฤติต่อไป
 ฟอร์มของ "เดอะ เร้ดส์" ตอนนี้อยู่ในช่วงขาลงมากๆ แต่ด้วยศักยภาพในการปลุกขวัญกำลังใจของ คล็อปป์ จะทำให้บรรดาลูกทีมของเขากลับมาสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยเฉพาะการได้เล่นในบ้านที่เป็นสนามเหย้าสุดเต็มไปด้วยมนต์ขลังของพวกเขา

 ด้วยสถิติไร้พ่ายในบ้านมายาวนานกว่า 3 ปี นั่นคือหนึ่งในข้อได้เปรียบที่ ลิเวอร์พูล จะสามารถจัดการกับ เบิร์นลี่ย์ ได้ แต่กระนั้นหากพวกเขายังไม่ฟื้นจากฟอร์มสุดย่ำแย่ สถิติดังกล่าวอาจจะไม่สามารถช่วยทำอะไรได้เลย

1. มาติป ลุ้นกลับมาลงสนาม โชต้า รอต่อไป

    หลังจากที่ต้องอาศัย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาทำหน้าที่เป็นเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ ฟาบินโญ่ ทำให้ "หงส์แดง" ต้องใช้กองกลางเป็นกองหลังชั่วคราวในแมตช์ล่าสุดที่เปิดรังแอนฟิลด์ เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบไร้สกอร์ งานนี้พวกเขาอาจจะได้ โฌเเอล มาติป กลับมาทำหน้าที่หลักซะที

    มาติป โดนอาการบาดเจ็บพรากไปนานเกือบเดือน หลังได้รับบาดเจ็บตรงโคนขาหนีบจากเกมลีกนัดที่ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เปิดบ้านเสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 ซึ่งแน่นอนว่านี่คือปัญหาโลกแต่ที่ คล็อปป์ ต้องแก้ไขแบบเกมต่อเกม

    ไม่ว่าจะเป็นการใช้นักเตะดาวรุ่งอย่าง ริส วิลเลี่ยมส์ กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ลงเล่นคู่กับ ฟาบินโญ่ หรือการถอย "เฮนโด้" มายืนเป็นปราการหลังตัวกลาง ซึ่งผลงานที่ออกมาก็ไม่ได้ขี้เหร่ เพราะ 4 เกมลีกที่ผ่านมาพวกเขาเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น

    แม้กองหลังจะพิการแต่พวกเขายังคงรักษาเกมรับได้เหนียวแน่น ฉะนั้นเมื่อได้ มาติป กลับมายืนในตำแหน่งประจำอีกครั้ง คาดว่าทีมน่าจะเล่นได้อย่างเหนียวแน่นมากขึ้น แต่กระนั้นก็ต้องลุ้นอย่างให้ ดาวเตะชาวแคเมอรูน เกิดอาการเดี้ยงซ้ำซากอีกครั้งก็พอ

2.  พิสูจน์แนวรุกยังมีค่าขู่กองหลังคู่แข่ง

    ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไล่ล่าตาข่ายของ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เพราะฟอร์มการยิงประตูของพวกเขาอยู่ในช่วงวิกฤติอย่างไม่น่าเชื่อ และนั่นทำให้ทั้งสามคนกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ

    ผลงานการไร้ประตูในเกมรุกของ "หงส์แดง" ถือว่าย่ำแย่ที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 ที่พวกเขาไม่สามารถยิงประตู 3 เกมติดต่อกัน ฉะนั้นนี่คือฟอร์มที่น่าเป็นห่วงอย่างมากสำหรับ 3 ประสาน "หิน เหล็ก ไฟ" อย่างแท้จริง

    ยิ่งไปกว่านั้นผลงานของ "เดอะ เร้ดส์" ยังย่ำแย่สุดๆ นับตั้งแต่วันคริสต์มาสลามมาจนถึงกลางเดือนมกราคม พวกเขาสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย 4 เกมลีกติดต่อกัน ที่สำคัญพวกเขาต้องพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการยิงประตูไม่ได้ 4 เกมติดต่อกันด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อฤดูกาล 1999/2000

    ฉะนั้นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องทำก็คือการเรียกความเชื่อมั่นจาก มาเน่, ซาลาห์ และ ฟีร์มีโน่ กลับคืนมาอีกครั้ง เพราะหากทั้งสามคนสามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้ นั่นคงเป็นสัญญาณที่ดีที่จะได้เห็นพวกเขากลับมาเป็น 3 ประสานเพชฌฆาตอีกครั้ง
 
3. แดนกลางกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิม

    การที่ทีมจำเป็นต้องใช้กองกลางมายืนเป็นกองหลังทำให้แผงมิดฟิลด์ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ค่อนข้างขาดความแข็งแกร่งไปเลยทีเดียว และแน่นอนว่านั่นทำให้ประสิทธิภาพในการทำลายล้างคู่แข่งลดทอนลงไปเยอะ

    คล็อปป์ ต้องใช้ ฟาบินโญ่ ยืนเป็นเซนเตอร์แบ็กชั่วคราว จนตอนนี้แทบจะถาวรไปแล้ว เพราะ คล็อปป์ ไม่มีปราการหลังตัวกลางที่มีประสบการณ์ แถมในยามที่ มาติป เจ็บ ในแมตช์ใหญ่ก็ต้องขยับ เฮนเดอร์สัน มายืนคู่กับ ดาวเตะชาวบราซิเลียน

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แดนกลางของ "เดอะ เร้ดส์" ขาดพลังขับเคลื่อนเกมบุกไปเยอะ ที่สำคัญ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นเกมบุกอย่างอิสระ เพราะต้องคอยช่วยเกมรับของทีม เนื่องจาก จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ต้องแบกรับทั้งการเชื่อมเกม และคอยตัดเกม ทำให้ ดาวเตะทีมชาติสเปน ต้องมาช่วยแบ่งเบาภาระ แข้งเลือดดัตช์

    ฉะนั้นหาก มาติป หายเจ็บกลับมายืนเซนเตอร์แบ็ก นั่นทำให้ เฮนเดอร์สัน จะได้มาประจำตำแหน่งที่ถนัดของตัวเอง และคงจะช่วยขับเคลื่อนแดนกลางของแชมป์เก่าให้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ติอาโก้ จะได้มีอิสระในการเล่นเกมบุกอย่างเต็มที่

4. ไม่เพอร์เฟกต์ แต่ยังไม่ได้หายนะ

    เสียงวิจารณ์ที่ว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงหายนะ ดูเหมือนว่าหลายๆ คนค่อนข้างจะเชื่อ เพราะผลงานที่แสดงให้เห็นมันค่อนข้างชัดเจนว่า "หงส์แดง" กำลังวิกฤติ เนื่องจากทีมไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในเกมลีก 4 แมตช์ติดต่อกัน

    อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยืนยันด้วยตัวเองว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้รุนแรงน่ากลัวอย่างที่หลายๆ คนวิจารณ์ แต่ก็ยอมรับทีมไม่ได้อยู่ในช่วงที่เพอร์เฟกต์  โดยเฉพาะเกมรุกที่อาจจะอยู่ในช่วงสนิมเกาะหน้าแข้ง แต่เรื่องศักยภาพยังคงอันตราย เพียงแค่ต้องปรับเรื่องความมั่นใจเท่านั้น 


    แน่นอนว่าการที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ออกมาพูดแบบนี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิทยาในการกระตุ้นลูกทีมได้เป็นอย่างดี เพราะตอนนี้นักเตะ "หงส์แดง" กำลังมีสภาพจิตใจที่ตกต่ำสุดๆ และการที่เจ้าตัวประกาศเชื่อมั่นในตัวพวกเขา นั่นจะเป็นจุดพลิกผลันที่จะทำให้ฟอร์มเก่งของทีมกลับคืนมาอีกครั้ง

5. ชัยชนะเพื่อกลับมาสู่การลุ้นแชมป์


    เกมรับมือกับ เบิร์นลี่ย์ ไม่ใช่แค่ความมุ่งมั่นที่ ลิเวอร์พูล ต้องคว้าชัยชนะให้ได้เท่านั้น แต่ 3 แต้มในแมตช์นี้ จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนของทีม และยังช่วยให้พวกเขาได้กลับมาอยู่ในสถานะหนึ่งในสโมสรที่ท้าชิงโทรฟี่พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง

    แน่นอนว่าบรรดานักเตะ "เดอะ เร้ดส์" ต่างมุ่งมั่นที่จะเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะคว้า 3 คะแนนในเกมนี้ให้ได้ เพราะมันจะเป็นการเรียกขวัญกำลังใจกลับมาสู่ทีม และสร้างความเชื่อมั่นในการสู้กับทีมนำช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้


    โอกาสที่ "หงส์แดง" จะประสบความสำเร็จในเกมนี้ค่อนข้างจะมีสูง เพราะ แอนฟิลด์ คือสนามที่ยังคงได้รับการกล่าวขวัญว่าสุดแข็งแกร่งทุกครั้งที่ ลิเวอร์พูล ลงเล่นที่นี่ และพวกเขายังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในเกมลีกมายาวนาน 68 แมตช์ หรือตั้งแต่เดือนเมษายน 2017

    ฉะนั้นเกมรับมือ เบิร์นลี่ย์ เป็นอีกหนึ่งแมตช์สำคัญที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล กลับสู่สภาวะปกติ หรือยังคงวิกฤติต่อไป !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »