ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เวรกรรมเจ็บอีกแล้ว! เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน เลสเตอร์ ซิตี้

เวรกรรมเจ็บอีกแล้ว! เจาะ 5 ประเด็นก่อนเกม ลิเวอร์พูล เยือน เลสเตอร์ ซิตี้

Posted 13/02/2021 by siamsport

ปีฉลูคงไม่ถูกโฉลกกับ ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาเจอวิกฤติทั้งฟอร์มการเล่นและตัวผู้เล่นบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ฟาบินโญ่ โดนโรคเดี้ยงเล่นงานอีกครั้งทำให้พลาดช่วยทีมในแมตช์เยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม  เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์นี้
    
ฟอร์มของ "หงส์แดง" ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นน่าเป็นห่วงเมื่อเจอกับทีมที่กำลังมีหัวจิตหัวใจฮึกเหิมอย่าง "เดอะ ฟ็อกซ์" แถมแนวรุกของพวกเขาค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะการมี เจมส์ แมดดิสัน, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, เจมี่ วาร์ดี้ และยูริ ตีเลมันส์ ที่สร้างโอกาสยิงประตูคู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามแมตช์นี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล ในการผ่าวิกฤติฟอร์มย่ำแย่ของพวกเขา และหากสามารถบุกไปคว้า 3 คะแนนกลับบ้านได้ จะเป็นการเปิดเมฆให้แสงสว่างในการลุ้นแชมป์ส่องมายังสนามแอนฟิลด์ อีกครั้ง

1. ไร้ ฟาบินโญ่ โอกาส คาบัค-เดวิส เปิดตัว
คล็อปป์ คงต้องพาลูกทีมไปสะเดาะเคราะห์ปัดรังควานสิ่งชั่วร้ายกันบ้างแล้ว เพราะฤดูกาลนี้พวกเขาต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บต่อเนื่อง ล่าสุด ฟาบินโญ่ ก็เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บ จนส่งผลให้พลาดลงสนามในเกมเยือนเลสเตอร์ ซิตี้

ในตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่า มิดฟิลด์ชาวบราซิเลียน จะได้ยืนเป็นเซนเตอร์แบ็กคู่กับ โอซาน คาบัค ปราการหลังป้ายแดง ที่จะได้ลงสนามเปิดตัวกับทัพ "หงส์แดง" แต่เมื่อสถานการณ์บังคับให้ คล็อปป์ จำเป็นต้องเลือกว่าจะใช้ เบน เดวิส เซนเตอร์แบ็กที่เพิ่งซื้อมา ลงเล่น หรือจะจับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำหน้าที่กองหลังจำเป็นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ยังมีอีกทางเลือกนั่นก็คือใช้งาน นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กับ คาบัค เพราะผลงานในช่วงที่ผ่านมา ปราการหลังดาวรุ่งของ "เดอะ เร้ดส์" ก็โชว์ฟอร์มได้ดี เพียงแต่ยังมีจังหวะโฉ่งฉางอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ทำให้ กุนซือชาวเยอรมัน ต้องคิดหนักเพราะแนวรุกของ "เดอะ ฟ็อกซ์" มีความคล่องตัวมากๆ หากเล่นแบบขาดความละเอียดมีสิทธิ์โดยยิงประตูเอาได้ง่ายๆ

ไม่ว่าจะใช้ทางเลือกไหนสิ่งที่สาวก "เดอะ ค็อป" คาดหวังอีกเรื่องก็คือ อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารทีมชาติบราซิล จะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากฟอร์มออกทะเลในเกมแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะหาก "พ่อหมี" กลับมาฟอร์มหนึบเหมือนเดิม คงทำให้แผงแบ็กโฟร์ของแชมป์เก่ามีความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

2. ห้าแข้งฟอร์มโหดโคตรอันตราย
หากจะวัดฟอร์มการเล่นของนักเตะทั้งสองทีม หลายคนอาจจะบอกว่า "หงส์แดง" มีตัวผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงกว่า แต่อย่าลืมว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังอยู่ในช่วงขาดความมั่นใจ สวนทางกับ "จิ้งจอกสยาม" ที่กำลังฮึกเหิมสุดๆ

สำหรับในเวลานี้สิ่งที่ ลิเวอร์พูล ต้องระวังให้ดีๆ ก็คือ 4 นักเตะสำคัญของเจ้าบ้าน เริ่มที่ ยูริ ตีเลมันส์ กองกลางชาวเบลเยียม ที่อายุเพียงแค่ 23 ปีแต่มีธรรมชาติความเป็นผู้นำสูง โดย เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยกให้เขาเป็น "โค้ชเวลาอยู่ในสนาม" เลยทีเดียว

ตีเลมันส์ คอยทำหน้าที่คุมจังหวะการเล่นของ เลสเตอร์ โดยเขาสามารถวิ่งไล่กดดันคู่แข่งตั้งแต่แดนของพวกเขา หากจะเปรียบเทียบความสำคัญของเขาก็เหมือนกับควอเตอร์แบ็กอย่าง ทอม เบรดี้ จอมทัพที่คว้านำแทมปาเบย์ บัคคาเนียร์สคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ล

สามประสานแนวรุก เจมส์ แมดดิสัน, เจมี่ วาร์ดี้ และ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ที่แนวรับพิการของ "หงส์แดง" ต้องหวาดหวั่นกันเลยทีเดียว แม้ วาร์ดี้ เพิ่งจะฟิตสมบูรณ์แต่หากเขาได้บอลในจังหวะที่เหมาะสมโอกาสที่จะยิงประตู ลิเวอร์พูล ก็มีค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ขณะที่ บาร์นส์ ตอนนี้เขายกระดับฝีเท้าขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ทั้งความเร็ว, การวิ่งหาพื้นที่ว่าง และการยิงประตูที่เฉียบคม ทำให้เขาอันตรายอย่างมาก ส่วน แมดดิสัน เป็นจอมทะลุทะลวง และยังมีทีเด็ดในการเล่นลูกตั้งเตะ และฟรีคิก งานนี้คงทำให้ "หงส์แดง" ต้องกระอักกระอ่วมแน่นอน

สุดท้ายก็คือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารจอมเก๋า ที่อยู่กับทีมมานาน 10 ปี ยังคงฟอร์มยอดเยี่ยม เขามีประสบการณ์ทั้งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พาทีมทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังเป็นกัปตันทีมชาติเดนมาร์ก และ เลสเตอร์ ซิตี้

ชไมเคิ่ลจูเนียร์ มักจะช่วยเซฟจังหวะสำคัญทำให้ เลสเตอร์ เก็บแต้มสำคัญๆ ได้หลายครั้ง นอกจากนี้การเตะบอลยาวในจังหวะสวนกลับของเขาสร้างโอกาสทำประตูให้กับทีมได้อยู่บ่อยๆ ฉะนั้นนี่เป็นอีกจุดที่แนวรุกทีมเยือนที่กำลังอยู่ในช่วงสนิมเกาะหน้าแข้งต้องเครียดชัวร์

3. สามประสานขอแก้ตัวเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา
คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกในเกมรุกมากนัก ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ลิเวอร์พูล จะโดนคู่แข่งจับทางได้ เนื่องจากเกมบุกของพวกเขาต้องอาศัย ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ทำหน้าที่ทะลุทะลวงเกมรับคู่แข่ง

ผลงานของสามประสาน "หิน เหล็ก ไฟ" (SMF) ในเวลานี้ค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควร เนื่องจากบรรดาคู่แข่งโดยเฉพาะทีมที่เน้นการเล่นตั้งรับ สามารถจับทางวิธีการเข้าทำของพวกเขาได้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "หงส์แดง" จะมีปัญหาในการยิงประตู

ยิ่งในกรณีที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่สามารถเปิดบอลจากริมเส้นได้แม่นยำ ยิ่งทำให้โอกาสในการเจาะตาข่ายคู่แข่งยิ่งยากเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามทั้ง 3 คนยังคงอันตรายเสมอเมื่อได้พบกับ เลสเตอร์

ในรายของ "บังโม" แม้จะไม่ค่อยได้ยิงประตูเจ้าบ้านมากนัก แต่ก็เป็นผู้เล่นหลักในแนวรุกเสมอ ขณะที่ มาเน่ กับ ฟีร์มีโน่ ต้องบอกเลยว่าเป็นของแสลงสำหรับ "เดอะ ฟ็อกซ์" จริงๆ เพราะใน 5 เกมหลังสุดที่ทั้งสองทีมพบกับ สตาร์ชาวบราซิเลียน ซัดไป 4 ประตู ส่วนดาวเตะทีมชาติเซเนกัล ตะบันไป 5 ลูก

ฉะนั้นหาก เลสเตอร์ ติดลูกประมาทคิดว่า ลิเวอร์พูล กำลังฟอร์มตก มีสิทธิ์ได้น้ำตาร่วงเหมือนที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดนมาแล้ว

4. แผงมิดฟิลด์จะเอายังไงดี
ในตอนแรกมีการคาดการณ์กันว่า คล็อปป์ จะเลือกใช้ คาบัค ยืนคู่กับ ฟาบินโญ่ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก และจับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลับไปทำหน้าที่โฮลดิ้งมิดฟิลด์ตามเดิม แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจาก ดาวเตะเลือดแซมบ้า มีปัญหาบาดเจ็บ

ฉะนั้นหาก คล็อปป์ ตัดสินใจที่จะใช้งาน "กัปตันเฮนโด้" ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางอีกครั้ง นั่นหมายความว่าแผงกองกลางอาจจะได้เห็น จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และอีกรายถ้าไม่ใช่ เคอร์ติส โจนส์ ก็คงเป็น เจมส์ มิลเนอร์

อย่างไรก็ตามหาก คล็อปป์ เลือกใช้ เดวิส จับคู่กับ คาบัค งานนี้สาวก "เดอะ ค็อป" คงจะได้เห็น เฮนเดอร์สัน ทำหน้าที่บัญชาเกมแดนกลาง โดยมี ไวจ์นัลดุม คอยเป็นกำลังสนับสนุน และปล่อยให้ ติอาโก้ ได้เล่นเกมบุกเต็มตัว

อีกปัจจัยที่อาจทำให้ "เดอะ เร้ดส์" ได้เปรียบเจ้าบ้านนิดหน่อย นั่นก็คือพวกเขาได้พักเต็มที่เกือบทั้งสัปดาห์ เนื่องจากไม่ได้มีโปรแกรมลงสนามในศึกเอฟเอ คัพ (ตกรอบไปแล้ว) ฉะนั้นสภาพร่างกายในตอนนี้ค่อนข้างจะสมบูรณ์มากกว่า เลสเตอร์ ที่เพิ่งเล่นเกมฟุตบอลถ้วยเก่าแก่เมื่อกลางสัปดาห์นี้

 5. ชัยชนะเพื่อโอกาสลุ้นแชมป์ของทั้งสองทีม
คงต้องยอมรับว่านี่คือเกมที่มีความสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล และเลสเตอร์ มากๆ เพราะชัยชนะในแมตช์นี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และเป็นการส่งแรงกดดันไปยัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2

หาก "เดอะ ฟ็อกซ์" เก็บ 3 คะแนนได้ จะทำให้ทีมเขี่ย "ปีศาจแดง" ลงมาอยู่อันดับ 3 ทันที ถึงแม้ว่าทีมของกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะมีโปรแกรมไม่หนักเมื่อเจอกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่เวลาที่พวกเขาตกอยู่สภาวะกดดัน มักจะทำพลาด ดูได้จากแมตช์ที่บ๊วยติดคอแพ้ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้เลย

ขณะที่ "หงส์แดง" ชัยชนะในเกมนี้จะทำให้พวกเขามีแสงสว่างเพิ่มมากขึ้นในการลุ้นแชมป์แม้ว่าจะค่อนข้างห่างกับ แมนฯ ซิตี้ แต่อย่างน้อยๆ การที่ทีมมีอันดับสูงขึ้น จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้

ฉะนั้นแมตช์นี้คำว่า "เสมอ" กับ "แพ้" ไม่มีอยู่ในหัวของผู้เล่นทั้งสองทีม เพราะชัยชนะเท่านั้นที่จะเป็นการต่อยอดไปสู่ความสำเร็จ หากทำไม่ได้โอกาสพวกเขาจะไล่บี้ขยี้จ่าฝูง คงยากมากยิ่งขึ้น เพราะตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" กำลังกางใบแล่นชิวเก็บชัยเป็นว่าเล่น....


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • การันตีซ้อมทีมชุดใหญ่! 3 แข้งดาวรุ่งน่าจับตามองของแมนยู
    โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือ “ปีศาจแดง” คงจะผิดหวังไม่น้อยกับความล้มเหลวในตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมาหลังพลาดคว้าตัวเป้าหมายหลักอย่าง เจดอน ซานโช่ โดยสตาร์ดอร์ทมุนด์รายนี้ถือเป็นคำตอบของปัญหาปีกขวาที่มีมานานแต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวชวดมาสวมเสื้อแมนฯ​ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม โซลชา ไม่ยอมให้อุปสรรค์การซื้อขายมาขวางทางการพัฒนาขุมกำลังแน่ เขาส่องดูดาวรุ่งมากพรสวรรค์ในสโมสรและพิถีพิถันในการเลือกนักเตะที่เขาเชื่อว่ามีศักยภาพพอลงเล่นทีมชุดใหญ่และสามแข้งเหล่านี้มีโอกาสได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่แล้วซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดา “เร้ด อาร์มี่” ไม่น้อยเลยทีเดียว
  • ถาม ลิเวอร์พูล ได้เลย ! "เมด อิน ซัลซ์บวร์ก" แบรนด์ลูกหนังที่ทีมชั้นนำปรารถนา
    "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล, "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค กำลังตกเป็นข่าวว่าสนใจอยากเซ็นสัญญากับ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งจากสโมสรแอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัวประมาณ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,520 ล้านบาท)
  • ใครคุ้มสุด ? บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก กับการใช้เงินซื้อแชมป์
    "การใช้เงินซื้อความสำเร็จ" เป็นประโยคที่มักจะถูกใช้บ่อยๆ ในวงการกีฬาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในโลกฟุตบอล เพราะสมัยนี้มันมีการใช้งบในการทำทีมมากกว่าสมัยก่อนจนหลายคนมองว่าทีมที่พึ่งพาการปั้นเยาวชนเกิน 50-60 เปอร์เซ็นต์น่าจะประสบความสำเร็จได้ยาก
  • ฟังจากปากเพื่อนซี้! "ลอฟเรน" เผยคุยซาลาห์เรื่องอนาคตค้าแข้งแล้ว
    เดยัน ลอฟเรน กองหลังชาวโครแอตออกโรงเผยเกี่ยวกับแผนในอนาคตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ดัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล หลังจากที่เจ้าตัวตกเป็นข่าวได้รับความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »