แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาสู่การไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้ เมื่อพวกเขาชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ "ผีแดง" ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงแค่ 8 คะแนนเท่านั้น
   
สำหรับการแข่งขันเกมลีกในฤดูกาลนี้เหลืออีก 6 แมตช์ นั่นหมายความว่า "เรือใบสีฟ้า" และ "ผีแดง" ยังมีอีก 18 คะแนนให้ตามเก็บ และหากทีมใดทีมหนึ่งเกิดพลาดพลั้งสะดุดขาตัวเอง โอกาสที่จะต้องพบกับความเจ็บช้ำก็มีมากเลยทีเดียว

แน่นอนว่าแม้หลายคนจะมอง แมนฯ ซิตี้ มีภาษีเหนือกว่าเพราะมีแต้มนำหลายคะแนน แต่ในโลกฟุตบอลทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ฉะนั้นหากยังไม่จบซีซั่น ก็อย่าเพิ่งที่จะสรุปว่าทีมไหนเป็นแชมป์ เพราะสุดท้ายสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปได้ !!

1. กรีนวู้ดฟอร์มกระฉูดโดนใจ
สำหรับตอนนี้ เมสัน กรีนวู้ด ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะคีย์แมนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้วในเวลานี้ เพราะฟอร์มการเล่นและการยิงประตูของเขาเป็นสิ่งที่ "ปีศาจแดง" ต้องการอย่างมาก
 
หัวหอกดาวรุ่งได้รับคำชื่นชมอย่างมากในเรื่องการจบสกอร์ที่เฉียบคม และนักเตะได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายครั้งเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แม้ซีซั่นนี้ฟอร์มของเขาอาจจะไม่โดดเด่นเหมือนเดิมในช่วงต้นฤดูกาล แต่ตอนนี้ กรีนวู้ด ดูเหมือนจะกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้งแล้ว

ผลงานของ กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ ต้องบอกว่าร้อนแรงถูกใจสาวก "เร้ด อาร์มี่" อย่างมากโดยเฉพาะการที่เขาซัดประตูในลีก 3 แมตช์ติดต่อกัน ทำให้ตอนนี้เขาตะบันให้กับต้นสังกัดไปแล้ว 9 ประตูในฤดูกาล 2020/2021
 
ต้องยอมรับว่า กรีนวู้ด เป็นนักเตะที่พร้อมจะทำหน้าที่ตามคำสั่งของ โซลชา เพราะไม่ว่าเขาจะลงสนามในฐานะตัวสำรอง หรือตัวจริง นักเตะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมไม่มีที่ติ ฉะนั้นในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนี้ แฟนบอล "ผีแดง" คงจะได้เห็นฟอร์มที่สุดยอดเจ้าหนูมหัศจรรย์อีกแน่นอน

2. คาวานี่ ผลงานแบบนี้ควรได้สัญญาใหม่
แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการหน้าเป้าอย่างมาก และตอนนี้พวกเขามีนักเตะอย่าง เอดินสัน คาวานี่ แล้ว ซึ่งกองหน้าชาวอุรุกวัยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมาตลอดนับตั้งแต่ที่ย้ายมาสวมเสื้อ "ผีแดง" โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล เขาถือเป็นนักเตะสำคัญอย่างมาก

หัวหอกมากประสบการณ์เจ้าของฉายา "เอล มาทาดอร์" ถูกส่งมาเล่นเป็นตัวสำรองตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และสามารถสร้างปัญหาให้กับแนวรับของ เบิร์นลี่ย์ ได้ตลอด จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บความพยายามของเขาก็สัมฤทธิ์เมื่อจัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ

สำหรับประตูนี้ต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่จัดการแอสซิสต์ถาวรพานให้กับ คาวานี่ จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย และประตูนี้ยังเป็นการยิงประตู 3 เกมติดต่อกัน ฉะนั้นนี่คือผลงานที่ โซลชา ประทับใจมากๆ

ที่สำคัญฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของ คาวานี่ คงจะทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องรีบยื่นขยายสัญญาฉบับใหม่ให้กับเขาแน่นอน เพราะถ้า อดีตดาวยิงปารีส แซงต์-แชร์กแมง อยู่ในถิ่นโอดล์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไป แน่นอนว่านี่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อความสำเร็จในอนาคตของทีม

3. แรชฟอร์ดต้องได้รับการดูแลมากยิ่งขึ้น
มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำผลงานได้โดดเด่นมากๆ ในเกมนี้ โดยเขาโชว์ทักษะชั้นยอดให้เห็นหลายจังหวะ แน่นอนว่านักเตะรายนี้คือคีย์แมนที่จะนำ "เร้ด เดวิลส์" ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ และในอนาคต เพราะฟอร์มของเขานับวันยิ่งโดดเด่น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ แรชฟอร์ด ก็คือสภาพร่างกายของเขา เพราะในแมตช์นี้โดนจับเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 83 กับ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค แต่สิ่งที่ทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ใจหายก็คือตอนที่เขาเดินกระโผลกกระเผลกออกจากสนาม

ก่อนหน้านี้ โซลชา ได้ออกมายืนยันว่า แรชฟอร์ด มีสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยม และพร้อมสำหรับลงสนามในแมตช์รับมือ เบิร์นลี่ย์ แต่หลังจากที่ได้เห็นสภาพร่างกายของเขาตอนที่เดินออกจากสนาม ต้องบอกเลยว่าร่างกายของเขาไม่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อีกแล้ว

สำหรับการโดนเปลี่ยนตัวในแมตช์นี้เป็นครั้งที่ 6 จาก 7 เกมหลังสุดที่ แรชฟอร์ด ลงเล่นตัวจริง สาเหตุสำคัญที่ทำให้นักเตะต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ก็เพราะว่าเขาโดนกดดันให้รีบกลับมาลงสนามเร็วเกินไป มากกว่าที่จะได้มีเวลาพักฟื้นร่างกายอย่างเต็มที่

4. หัวใจแห่งผู้ชนะ
นี่เป็นอีกแมตช์ที่ยากลำบากจริงๆ สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาโดนทีเด็ดของ เบิร์นลี่ย์ โดยเฉพาะในเรื่องเกมรับที่ทีมเยือนเล่นได้อย่างเหนียวแน่น แต่สิ่งหนึ่งที่่ "เด็กผี" ชุดนี้แสดงให้เห็นก็คือ "หัวใจแห่งผู้ชนะ" ที่ไม่เคยยอมแพ้จนกว่าจะได้ยินเสียงนกหวีดหมดเวลา

"ปีศาจแดง" ดูเหมือนจะเจอเกมที่ไม่ยากลำบากมากนักเมื่อพวกเขาได้ประตูนำไปก่อนจาก เมสัน กรีนวู้ด ในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่แค่ไม่กี่นาทีทีมเยือนสามารถตามตีเสมอได้อย่างทันควัน และหลังจากนั้น เบิร์นลี่ย์ ก็จัดการใช้วิชามหาอุดเต็มกำลัง

อย่างไรก็ตาม "น้าลูกอม" สามารถกระตุ้นบรรดาแข้ง "ปีศาจแดง" ให้กลับมาสู่เกมได้อีกครั้ง และเดินหน้าอย่างเต็มสูบเพื่อที่จะยิงประตูให้ได้ จนกระทั่งในช่วง 6 นาทีสุดท้ายพวกเขาได้ 2 ประตูสำคัญ และคว้า 3 แต้มได้อย่างยอดเยี่ยม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้ในช่วงท้ายเกม ฉะนั้นสิ่งนี้เป็นการยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า โซลชา สามารถสร้างหัวใจแห่งผู้ชนะให้กับบรรดาแข้ง "เร้ด เดวิลส์" เหมือนที่สมัยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มักจะทำให้เห็นตอนที่นั่งกุมบังเหียนสโมสรแห่งนี้

5. การลุ้นแชมป์กลับมาเข้มข้น
ใครจะหาว่าโม้หรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เส้นทางในการลุ้นแชมป์ฤดูกาล 2020/2021 อีกครั้ง เพราะตอนนี้พวกเขาไล่บี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ และตอนนี้อะไรๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้

ชัยชนะเหนือ เบิร์นลี่ย์ ทำให้ "ปีศาจแดง" ตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" 8 คะแนนเท่านั้น และเหลือการแข่งขันอีก 6 แมตช์นั่นหมายความพวกเขายังมีอีก 18 คะแนนให้เก็บ ฉะนั้นด้วยความห่างเพียงเท่านั้น สถานการณ์ต่างๆ มีโอกาสพลิกผันได้เลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น แมนฯ ซิตี้ ยังมีเกมหนักรออยู่ไม่ว่าจะเป็นแมตช์ปะทะ เชลซี ซึ่งเพิ่งปราบพวกเขาในศึกเอฟเอ คัพ และปะทะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ฉะนั้นหากทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกิดพลาดสะดุดขาตัวเอง งานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงวาดฝันแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 8 ปีได้เลย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ต่างๆ ก็ไม่ใช่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเหนือกว่า เพราะ 8 คะแนนที่ต้องไล่ล่าพวกเขาก็ห้ามสะดุดขาตัวเองเช่นกัน เพราะหากพลาดแค่เกมหรือสองเกม ฤดูกาลนี้ของพวกเขาคงเป็นเพียงแค่พระรองอย่างน่าเสียดาย