ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » เชลซี ไร้ปาฏิหาริย์! เรอัล มาดริด บุกย้ำชัยทะลุตัดเชือก 11 หนจาก 13 ซีซั่นหลังสุด

เชลซี ไร้ปาฏิหาริย์! เรอัล มาดริด บุกย้ำชัยทะลุตัดเชือก 11 หนจาก 13 ซีซั่นหลังสุด

Posted 19/04/2023 by siamsport

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อวันอังคารที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าบ้าน เชลซี กลับมาเฝ้ารังรับมือ เรอัล มาดริด หลังนัดแรก "สิงห์บลูส์" บุกไปพ่ายมาก่อน 0-2

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือขัดตาทัพพาทีมแพ้มา 3 นัดรวด เกมนี้ไร้ เบล ชิลเวลล์ ที่ติดโทษแบนจากใบแดงที่เบร์นาเบว ส่ง มาร์ก กูกูเรย่า ลงเล่นแทน ส่วนแนวรุกวาง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ สนับสนุน ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่รับบทหน้าเป้า โดยมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ มาเตโอ โควาซิช คุมแดนกลาง

ส่วนทางฝั่งแชมป์เก่า "ราชันชุดขาว" แชมป์สูงสุดรายการนี้ 14 สมัย ภายใต้การคุมทัพของ คาร์โล อันเชลอตติ ใช้ 11 แข้งตัวจริงจากเกมแรก สามแนวรุกเป็น โรดริโก้, เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์

เปิดฉากมาแค่ 11 นาที เชลซี ทิ้งโอกาสทองขึ้นนำหลัง รีซ เจมส์ บอลครอสมาให้ ฮาแวร์ตซ์ ซัดไม่เต็มใบบอลไปเข้าทาง ก็องเต้ ที่เติมมาได้ยิงจ่อๆ กว่า 12 หลา ซัดหลุดเสาแรกออกไปอย่างเหลือเชื่อ

นาที 19 ชุดขาว ได้ทักทายหนแรกและเกือบได้ชิงขึ้นนำเหมือนกันหลัง โรดรีโก้ ซัดเสาแรกบอลพุ่งแรงแต่ไปชนข้างเสาด้านนอกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

เกมรุกของชุดขาวเริ่มดุขึ้นเรื่อยๆ นาที 33 การ์บาฆาล แทงบอลให้ ลูก้า โมดริช หลุดไปซัดมุมแคบแต่ยังไม่ผ่านมือ เกป้า ที่เซฟช่วยเจ้าบ้านไว้ได้

นาที 42 ลูก้า โมดริช ได้บอลหลุดมาทางขวาก่อนเปิดไปเสาไกลถึง วินิซิอุส ที่เบียดเอาชนะ รีซ เจมส์ ได้แล้วแต่แปบอลหลุดกรอบออกไปเอง

ช่วงทดเจ็บ นาที 45+1 แฟนเจ้าบ้านเกือบได้เฮหลัง รีซ เจมส์ ครอสมาถึง มาร์ก กูกูเรย่า ทางเสาไกลก่อนฟูลแบ็กชาวสเปนจะจับก่อนซัดไปติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำให้ครึ่งแรกจบแบบไร้สกอร์ 0-0

ครึ่งหลัง เรอัล มาดริด เปลี่ยนตัวคนแรก ถอดเอา ดาวิด อลาบา ออกแล้วส่ง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ลงเล่นแทน

นาที 53 สิงห์บลูส์ เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกจากจังหวะที่ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ โขกต่อมาให้ ก็องเต้ ได้ซัดก่อนเข้ากรอบ 6 หลาแต่บอลยังโดน มิลิเตา ขวางเอาไว้ได้แค่เตะมุม

นาที 58 แฟนเจ้าบ้านใน เดอะ บริดจ์ ต้องเงียบกันกริบหลังเป็น เรอัล มาดริด ที่บุกมาขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โรดรีโก้ หนีการสกัดของ ชาโลบาห์ ก่อนลากเดี่ยวถึงเส้นหลังแล้วครอสมาให้ เบนเซม่า เข้าไม่ถึงบอล เลยไปถึง วินิซิอุส ดึงจังหวะก่อนคืนให้ โรดริโก้ ซัดกลางประตูเข้าไป สกอร์รวมของชุดขาวนำห่าง 3-0

หลังเสียประตูเจ้าบ้านโหมพยายามทวงประตูคืนให้ได้ นาที 65 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ได้ซัดจากนอกกรอบแต่บอลไม่ห่างตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดออกไปได้

ไม่ถึงนาทีถัดมา เจ้าถิ่นเกือบเสียเม็ดสองหลัง เบนเซม่า ได้ซัดไม่ถึง 10 หลาแต่ยิงเบาไปและไปเข้ามือ เกป้า

นาที 67 แลมพาร์ด เปลี่ยนสามคนรวดส่ง ชูเอา เฟลิกซ์, ราอีม สเตอร์ลิง และมิไฮโล มูดริค ลงมาแทน คอเนอร์ กัลลาเกอร์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ มาร์ก กูกูเรย่า

นาที 75 มิไฮโล มูดริค ได้โอกาสลุ้นบ้างหลังหนีตัวประกบก่อนลากเข้ามาซัดนอกกรอบแต่บอลเหินคานออกไป

นาที 80 ลูกทีมของ อันเชลอตติ มาได้เม็ดที่สองนำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ วินิซิอุส หลุดไปทางซ้ายก่อนตบเข้ากลางให้ วัลเลร์เด้ แตะหนี มูดริค และซิลวา สองคนแล้วหักมาให้ โรดริโก้ ยิงง่ายๆ เข้าไป เป็นประตูที่สองของปีกบราซิเลี่ยนในเกมนี้

จบเกม เรอัล มาดริด บุกย้ำชัยอัด เชลซี  2-0  ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 3-0 โดยจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค หรือ แมนฯ ซิตี้ ช่วงกลางเดือนหน้า ขณะที่ แลมพาร์ด ยังต้องหาชัยชนะนัดแรกต่อไป หลังพาทีมแพ้ 4 นัดติดทุกรายการ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี (3-5-2) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - เทรโวห์ ชาโลบาห์ ,เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, ติอาโก้ ซิลวา - รีซ เจมส์, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (ราอีม สเตอร์ลิง น.67), มาเตโอ โควาซิช, มาร์ก กูกูเรย่า (มิไฮโล มูดริค น.67) - คอเนอร์ กัลลาเกอร์ (ชูเอา เฟลิกซ์ น.67), ไค ฮาแวร์ตซ์ (เมสัน เมาท์ น.77)

เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - ดานี่ การ์บาฆาล (นาโช่ เฟร์นานเดซ น.82), เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา (อันโตนิโอ รือดิเกอร์ น.46), เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า - เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้, โทนี่ โครส (ดานี่ เซบายอส น.76), ลูก้า โมดริช - โรดริโก้ โกเอส (มาร์โก อเซนซิโอ น.81), คาริม เบนเซม่า (โอเลเลียง ชูอาเมนี่ น.71), วินิซิอุส จูเนียร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »