ฟลอร็องต์ มาลูด้า สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัย ช่วย "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดบ้านไล่ยิงแซงเก็บชัยเหนือ "เดอะ แบ็กกี้ส์" เวสต์บอรมวิช อัลเบี้ยน แบบสุดมันส์ 1-1 เก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จในศึกพรีเมียร์ ชิพ อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2554

เชลซี  2  -  1  เวสต์บรอมวิช

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

 

　　คู่สุดท้ายของวันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซีได้เล่นในบ้านเกมแรกหลังจากนัดเปิดซีซั่นทำได้แค่บุกไปเสมอกับสโต๊คแบบไม่มีสกอร์ ขณะที่เวสต์บรอมวิชเจองานหนักต่ออีกนัดโดยสัปดาห์ก่อนแพ้แมนฯ ยูไนเต็ดหวุดหวิดในบ้าน

　　เกมนี้สิงห์บลูส์ไม่มีนายทวารปีเตอร์ เช็กที่เจ็บเข่าทำให้เอ็นริเก้ อิลาริโอได้เฝ้าเสา ขณะที่ดาวิด ลุยซ์ปราการหลังยังคงไม่ฟิต แต่ดิดิเยร์ ดร็อกบามีชื่อเป็นตัวสำรองอีกหนต่างไปจากนิโกล่าส์ อเนลก้าที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงก่อนหน้าฟลอร็องต์ มาลูด้า  ส่วนจอห์น โอบี มิเกลที่คุณพ่อถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ยังออกสตาร์ตเป็นตัวจริง

　　ด้านเดอะ แบกกีส์ใช้งานทีมชุดเดิม และได้ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้หัวหอกตัวกลั่นหายเจ็บข้อเท้ากลับมานั่งเป็นตัวสำรอง

　　เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาทีเชลซีก็พลาดท่าก่อนในจังหวะเดินเกมรุกทั้งแผงแล้วอเล็กซ์ได้บอลแถวแดนกลางแต่ถูกเชน ลองเข้าปั๊มแย่งได้ จึงสบโอกาสกระชากหนีเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วซัดจาก 12 หลาผ่านอิลาริโอพาเวสต์บรอมวิชนำ 1-0

　　กระนั้นผ่านมาถึงนาทีที่ 7 กาเบรียล ทามาสกองหลังอาคันตุกะก็โดนจดชื่อข้อหาทำฟาวล์ซาโลมง กาลู

　　ถึงนาทีที่ 14 สิงห์บลูส์มีลุ้นหนแรกเมื่อกาลูลากบอลจากกราบซ้ายเข้ามาตรงกลางแล้วง้างจากหน้าเขตโทษ แต่ส่งบอลโด่งข้ามคานไปเยอะ

　　อย่างไรก็ดี อีกสองนาทีต่อมาทีมเยือนเกือบได้อีกเม็ดเมื่อทำเกมสู้ขึ้นมาแล้วพอล ชาร์เนอร์หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาไปกระทุ้งเหน่งๆ แต่อิลาริโอปิดมุมมิดชิดจึงปัดทิ้งได้ที่เสาแรก

　　เจ้าบ้านมีโอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 20 จากจังหวะที่เฟร์นานโด ตอร์เรสได้บอลในเขตโทษด้านซ้ายแล้วกระชากหนีสตีเว่น รีดเข้ามาตะบันส่งบอลข้ามคานไปนิดเดียว

　　ผ่านมาถึงครึ่งทาง ฟอร์มของเชลซียังคงสะเปะสะปะ เกมรุกไร้จินตนาการ เกมรับหละหลวมมีรูโหว่รวมแล้วจึงไม่ได้เหนือกว่าเวสต์บรอมวิชมากมายอย่างที่ควรจะเป็น

　　กระทั่งนาทีที่ 34 แฟร้งค์ แลมพาร์ดก็ได้ใบเหลืองเมื่อเข้ารวบลองไม่ให้ลากบอลหนีป้องกันการโดนโต้กลับก่อนที่สิงโตน้ำเงินครามจะแก้ลำด้วยการส่งมาลูด้าลงไปแทนกาลูในนาทีต่อมา

　　ท้ายครึ่งแรกทีมเมืองหลวงโหมบุกอย่างหนัก และเกือบได้เรื่องในนาทีที่ 41 จากจังหวะเข่นแถวหน้าเขตโทษด้านซ้ายของแอชลีย์ โคล แต่เบน ฟอสเตอร์ขยับมาปัดหลุดสามเหลี่ยมเสาแรกได้ทัน

　　ล่วงมาอีกสองนาที นิคกี้ ชอรี่แบ็คซ้ายเดอะ แบกกีส์ทำเสียวพักอกคืนให้ฟอสเตอร์ในระยะประชิดหน้าปากประตู อเนลก้าจึงปรี่เข้าหาบอลแล้งชนกับนายทวารทีมเยือนล้ม แต่ผู้ตัดสินไม่คิดว่าสมควรเป็นลูกโทษ

　　ผ่านมาถึงนาทีที่ 45 ตอร์เรสโดนยุสโซฟ มูลุมบูทำฟาวล์หน้าเขตโทษทำให้ดาวเตะเวสต์บรอมวิชโดนจดชื่อ และเป็นอเล็กซ์ที่วิ่งเข้ากดเรียดลูกฟรีคิกระยะ 20 หลาเต็มแรงทะลุกำแพงได้ แต่ฟอสเตอร์ตะปบบอลบนเส้นได้เฉียดฉิว

　　เข้าสู่ช่วงทดเวลาเจ็บ เชลซีได้เสียวอีกจากบอลโยนทางกราบขวาที่อเนลก้าได้โขกในเขตโทษถูกฟอสเตอร์เซฟได้ที่เสาไกล จบครึ่งแรกเชลซีจึงตกเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 0-1 เช่นเดิม

　　ครึ่งหลังสิงห์บลูส์บู๊แหลก และนาทีที่ 53 ก็เรียกเสียงกรี๊ดจากกองเชียร์ได้เมื่ออเนลก้าตามไปเก็บบอลขลุกขลิกในเขตโทษด้านขวาแล้วง้างยิงไปกระทบขาโยนาส โอลส์สันส่งบอลเข้าประตูตีเสมอให้เจ้าถิ่นเป็น 1-1

　　นับจากนั้นเชลซีก็เดินหน้ากดดันเวสต์บรอมวิชหนักกว่าเก่า และนาทีที่ 57 อเนลก้าได้โอกาสซัลโวเหน่งๆอีกหนแถวจุดโทษ แต่คราวนี้ฟอสเตอร์ทิ้งตัวบล็อกได้

　　จากนั้นอีกสามนาที ตอร์เรสก็ถูกเปลี่ยนออกโดยดร็อกบาได้ลงไปแทนที่ และโอลส์สันมารับใบเหลืองข้อหาโวยผู้ตัดสิน

　　นาทีที่ 62 ทีมเยือนเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้งเมื่อโซเมน ชอยกลับตัวยิงจาก 18 หลาดื้อๆ แต่อิลาริโอพุ่งปัดได้เยี่ยม

　　เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวสำรองคนสุดท้ายในนาทีที่ 67 โดยส่งบรานิสลาฟ อิวาโนวิชลงไปแทนอเล็กซ์ กระทั่งนาทีที่ 75 ดับเบิ้ลยูบีเอก็เปลี่ยนโอเด็มวิงกี้ลงเล่นแทนชอย

　　อย่างไรก็ดี เชลซีพับสนามบุกได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และนาทีที่ 82 จากการทำเกมรุกแบบสายฟ้าแลบที่อเนลก้าได้ลูกแทงหลุดเดี่ยวขึ้นกราบขวา ฟอสเตอร์ก็ทำเฟอะฟะวิ่งออกมานอกเขตโทษเยอะอย่างไม่สมควรจึงถูกกองหน้าผิวสียิงสวนทันทีจาก 25 หลา ดีที่ว่าบอลเฉี่ยวเสาแรกออกไป

　　ถึงกระนั้น นาทีที่ต่อมาเดอะ แบกกี้ส์ก็ต้านไม่ไหวโดนทะลวงตาข่ายจนได้จากความเหนือชั้นของโชเซ่ โบซิงวาที่ลากบอลขึ้นฝั่งขวาแหวกสองตัวประกบได้เหลือเชื่อแล้วป้ายเข้าเสาไกลให้มาลูด้าเข้าชาร์จสามหลาพาทีมเงินถังแซงนำ 2-1

　　เวสต์บรอมวิชเปลี่ยนตัวสู้ในนาทีที่ 86 ให้เกรแฮม ดอร์แรนส์ลงไปแทนมูลุมบู และหวิดได้ประตูทันทีจากการโยนบอลทางกราบขวาของสตีเว่น รีดที่โอเด็มวิงกี้ได้วอลเลย์ระยะแปดหลาโดยไม่มีใครประกบ แต่อิลาริโอเซฟเข้าอกได้พอดี

　　นาทีสุดท้าย จอห์น เทอร์รี่ออกลูกหงุดหงิดกระชากคอเสื้อโอเด็มวิงกี้ในจังหวะปะทะกันจึงรับใบเหลือง แต่ช่วงทดเวลาเจ็บกองหน้าตัวสำรองของทีมเยือนก็โดนจดชื่อเช่นกันจากการทำฟาวล์แอชลีย์ โคล จบเกมสิงห์บลูส์จึงเก็บสามแต้มแรกได้ด้วยการกำชัย 2-1 ขณะที่เดอะ แบกกีส์แพ้หวุดหวิดเป็นนัดที่สองติดต่อกัน
 

　　รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

　　เชลซี : เฮนริเก้ ฮิลาริโอ, จอห์น เทอร์รี่, อเล็กซ์ (บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.66), แอชลี่ย์ โคล, โชเซ่ โบซิงวา, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, รามิเรส, ซาโลมง กาลู (ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.35), นิโกล่าส์ อเนลก้า, เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.60)

　　สำรองไม่ได้ใช้ : รอสส์ เทิร์นบูลล์, เปาโล เฟร์เรยร่า, ยอสซี่ เบนายูน, โจซัว แม็คเอ็คคราน

　　เวสต์บรอมวิช : เบน ฟอสเตอร์, โยนาส โอลส์สัน, กาเบรียล ทาร์มาส, นิคกี้ ชอร์รี่, สตีเว่น รีด, ยุสซุฟ มูลุมบู (แกรแฮม ดอร์รานส์ น.87), พอล ชาร์เนอร์, เจมส์ มอร์ริสัน, คริส บรันท์, โซเมน โชยี่ (ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ น.75), เชน ลอง

　　สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์ตัน ฟูล็อป, แกเร็ธ แม็คอูลี่ย์, มาเร็ค เช็ก, กอนซาโล่ ฮาร่า, ไซม่อน ค็อก

　　ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

- ซันเดอร์แลนด์ แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1
- อาร์เซน่อล แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2
- แอสตัน วิลล่า ชนะ แบล็คเบิร์น 3-1
- เอฟเวอร์ตัน แพ้ ควีนปาร์ค 0-1
- สวอนซี เสมอ วีแกน 0-0
- เชลซี ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-1