หลังจากรู้ผลการจับสลากแบ่งกลุ่มศึกซูซูกิคัพ 2012 ที่ประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย เป็นเจ้าภาพร่วมในรอบแบ่งกลุ่ม โดยทีมชาติไทยร่วมสายเอ กับทีมชาติเวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และแชมป์จากรอบคัดเลือก ในวันที่ 24 พ.ย-1 ธ.ค. ซึ่งเฮดโค้ชวินนี่ประกาศชัดว่าต้องการเกมอุ่นเครื่องทีมชาติที่จะเตรียมทีมสู้ศึกรายการนี้ตามตารางฟีฟ่าเดย์ ซึ่งรวมถึงสองนัดในเดือน ส.ค.นี้ 

อย่างไรก็ตาม ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด กับ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย มองสวนทางกันในการเตรียมทีมชาติไทยอุ่นเครื่องเพื่อศึกซูซูกิคัพ 2012 ในช่วงปลายปีนี้ โดยที่ทางนายใหญ่ทีพีแอล ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่าไม่จำเป็นจะต้องมีเกมอุ่นเครื่องในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่นักเตะทุกสโมสรกำลังขับเคี่ยวกันในไทยลีก อาจจะทำให้นักเตะได้รับบาดเจ็บได้ ขณะที่ "วินนี่" นั้น ต้องการให้นักเตะมีคิวอุ่นเครื่องเพื่อทดลองทีมก่อนลุยศึกซูซูกิคัพในช่วงปลายปีนี้ 

ทีมชาติต้องมาก่อนสโมสร

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล กุนซือชลบุรี เอฟซี ผู้ที่คลุกคลีในวงการฟุตบอลมานานออกมากล่าวว่า เราไม่ยอมทำอะไรให้เป็นสากล และแน่นอนว่าทีมชาติไทยต้องมาเป็นอันดับแรกก่อน และการมีโปรแกรมอุ่นเครื่องทีมชาติระหว่างที่บอลลีกแข่งขัน มันไม่มีผลกระทบอะไรเลย และทำง่ายมากเหมือนทั่วโลกเขาทำกัน ถ้าเรารู้วิธีการทำจริงๆ

"เราอาจให้เตะอุ่นแข้งเดือนละ 1 ครั้ง ใช้เวลาเก็บตัวแค่ 1-2 วัน ช่วงกลางสัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องพักหรือเลื่อนโปรแกรมลีกก็ยังทำได้ โดยคัดเอาผู้เล่นใหม่ๆ ที่ตรงกับคอนเซปต์ทีมชาติเข้ามาทดลองทุกๆ เดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ๆ ซึ่งกว่าจะถึงทัวร์นาเมนต์ เราก็ได้เก็บตัวไปแล้ว 3-4 เดือน ส่วนการรอให้โปรแกรมบอลลีกจบก่อน แล้วค่อยให้เวลาทีมชาติเก็บตัว 1 เดือนเต็มนั้น มันเป็นความคิดแบบเด็กเล่น เพราะมันเท่ากับว่า เราจะไม่มีของที่มีคุณภาพเลย"

นักเตะช้างศึกหวังมีเกมอุ่น

ขณะเดียวกัน "เจ้าโก้" ดัสกร ทองเหลา กัปตันทีมชาติไทย มองว่า ผมว่าทีมชาติไทยชุดใหญ่ควรจะมีเกมอุ่นเครื่องนะ และมันจะน่าจะมีตลอดด้วย โดยที่ไม่จำเป็นต้องอุ่นเดือนละ 4-5 นัด แต่ก็สมควรจะมีบ้าง ซึ่งทาง "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ พูดอยากมีเกมอุ่นเครื่องนั้น ผมเห็นด้วยนะ เพราะทุกวันนี้เรามีสโมสรให้นักเตะเล่นลีกก็เพื่อพัฒนาทีมชาติไทย และผมก็อยากให้ทางทีพีแอลเข้าใจในนามทีมชาติด้วย ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเกมอุ่นเครื่องเลย โดยที่ถึงเวลาลงแข่งขันเกมทัวร์นาเมนต์แล้วกลับต้องไปแข่งขันเลยโดยที่ไม่มีการทดลองทีม หากว่าทีมชาติแพ้หรือตกรอบ ก็มาอ้างว่าทางสโมสรไม่ยอมปล่อยตัวนักเตะ ซึ่งตรงนี้สุดท้ายแล้วแฟนบอลก็มาว่าทางสมาคมฟุตบอลอีก

"ผมว่าการเลื่อนโปรแกรมไทยลีกก็ไม่น่ามีผลกระทบอะไรมากนัก เพราะอย่างที่รู้กันก็เลื่อนเป็นประจำทุกปี ซึ่งผมเชื่อว่าทุกสโมสรก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ พร้อมกับมีวิธีช่วยกันในการอำนวยความสะดวกให้นักเตะในสังกัดไปเล่นเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติ ส่วนเรื่องการหาทีมที่จะมาอุ่นเครื่องนั้น ไม่ใช่ว่าจะเอาทีมเล็กๆ มาอุ่นเครื่อง ซึ่งผมเองก็อยากให้ทีมชาติเราเจอกับทีมใหญ่ๆ บ้าง เพื่อที่จะได้แก้ไขจุดบกพร่องของทีมเรา ในการเล่นกับทีมที่เหนือกว่า ดังนั้นแล้วทุกอย่างผมเชื่อว่าต้นสังกัดของนักเตะแต่ละทีมน่าจะมีทางออกร่วมกัน" ดัสกร กล่าว

"โค้ชแต๊ก" ชี้  1 เดือนเก็บตัวพอ

ขณะที่ "โค้ชแต๊ก" อรรถพล บุษปาคม กุนซือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงความเห็นที่แตกต่างออกไป โดยแม้จะมองว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ทีมชาติจะมีคิวอุ่นเครื่อง แต่ถ้าหากจะเลื่อนโปรแกรมแข่งขันฟุตบอลลีกนั้น อาจจะมีผลกระทบต่อสโมสร และตอนนี้ทางทีพีแอลก็ได้วางโปรแกรมไว้จบลงตัวแล้ว เพราะถ้าเกิดเข้าฤดูฝนขึ้นมาทำให้เกมไทยลีกต้องเลื่อนกะทันหันอีก

"ส่วนเรื่องทีมชาติไทยในเกมทัวร์นาเมนต์นั้น ผมเชื่อว่าระยะเวลาหลังจบแข่งขันไทยลีกช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ก่อนที่จะแข่งซูซูกิคัพ จะมีเวลาเกือบ 1 เดือน ที่จะเรียกเก็บตัวนักเตะทีมชาติถือว่าเพียงพอแล้ว และตัวนักเตะเองก็ยังไม่ได้อ่อนล้าเท่าไรนัก อย่างไรก็ดี ช่วงที่นักเตะลงแข่งขันในลีกนั้น ทางวินนี่เองก็ได้ไปดูฟอร์มการเล่นของนักเตะอยู่ตลอด ถ้าใครเล่นดีหรือเข้าตาก็เรียกมาเก็บตัวพร้อมกันก็ได้ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าอย่าไปกดดันทีพีแอลในเรื่องนี้" โค้ชแต๊ก กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทั้งสมาคมฟุตบอลฯ, ไทยลีก และทีมชาติไทย จะร่วมกันหาทางออกของปัญหาในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ซึ่งก็หวังว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องดังกล่าวที่ดีที่สุดทั้งทีมชาติไทยและกับสโมสร