ฟุตบอลนัดกระชับมิตรทีมชาติ
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2556
บราซิล 6 - 0 ออสเตรเลีย

สนาม : เอสตาดิโอ นาซิออนนาล มาเน่ การ์รินช่า (บราซิเลีย, บราซิล)

 
        "เซเลเซา" ทีมชาติบราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย และ แชมป์ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 ต้องขาด ดาเนียล อัลเวส แบ็คขวาจอมบุกจากสโมสรบาร์เซโลน่า ที่บาดเจ็บเลยต้องส่ง ดั๊กลาส ไมค่อน ที่ย้ายจากแมนฯ ซิตี้ มาร่วมทีมโรม่า ในซัมเมอร์นี้ลงเล่นให้กับทีมชาติเป็นครั้งแรกในรอบสองปี พร้อมกับให้ รามิเรส ที่หลุดจากทีมไปนาน ลงเล่นตัวจริงในแดนกลางร่วมกับ แบร์นาร์ด โดยมี โช กองหน้าร่างโย่งยืนตัวเป้าเข้ากระซวกตาข่าย
 
        ทาง "ซอคเกอร์รูส์" ทีมชาติออสเตรเลีย ให้ ลูคัส นีลล์ กัปตันทีมคุมแนวรับร่วมกับ ซาซ่า อ็อกเนนอฟสกี้ ส่วนแดนกลางมี ไมล์ เยดินัค คุมเกม ปล่อยให้ มาร์ค เบรสชาโน่ และ เบร็ตต์ โฮลแมน ทำเกมคอยป้อนบอลให้กับ โจชัว เคนเนดี้ หัวหอกตัวเป้าเข้าขยี้ตาข่าย
 
        เปิดเกมครึ่งแรกมาได้ราว 4 นาที เจ้าถิ่นทักทายก่อนเลย โช โหม่งเช็ดให้ เนย์มาร์ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายติดเซฟ มาร์ค ชวาร์เซอร์ นายทวารจอมเก๋าของออสเตรเลีย
 
        อย่างไรก็ดี 4 นาทีต่อมา เซเลเซา ขยึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ เนย์มาร์ ลากเลื้อยขึ้นมาทางซ้ายก่อนตักไปเสาไกลให้กับ แบร์นาร์ด สอดมาเอี้ยวยิงด้วยขวาบอลไปชนเสาสองเด้งออกมาเข้าทาง โช ปรี่ซ้ำด้วยซ้ายตุงตาข่ายให้ บราซิล นำเร็ว 1-0
 
        ผ่านมา 23 นาที บราซิล ได้ลุ้นอีก แบร์นาร์ด เปิดออกซ้ายให้ เนย์มาร์ ลากลุยเข้าเขตโทษ ก่อนจิ้มด้วยขวา แต่บอลติดเท้าเกินไปเลยเฉี่ยวคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น
 
        กระนั้นก็ดีนาที 33 บราซิล นำห่าง 2-0 จนได้จากจังหวะสวนกลับเร็ว เปาลินโญ่ แย่งบอลได้แล้ววางออกขวาให้กับ แบร์นาร์ด เปิดเข้าไปหน้าประตูให้ โช พุ่งชาร์จด้วยซ้ายโล่งๆ ตุงตาข่าย
 
        สองนาทีต่อมา ทัพแซมบ้ามาได้ประตูที่สามอีกจากจังหวะที่ รามิเรส แทงบอลยาวจากกลางสนามให้ เนย์มาร์ หลุดเข้าไปในเขตโทษด้านซ้ายแล้วดีดด้วยขวาเล่นทางผ่านมือ ชวาร์เซอร์ เสียบโคนเสาไกลเข้าไปอย่างเหนือชั้นให้ บราซิล นำห่าง 3-0
 
        ช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 43 เนย์มาร์ ลากลุยเดี่ยวหลุดเข้าเขตโทษอีกครั้ง คราวนี้แปเล่นทางมากไปหลุดเสาไกลออกไป หมดครึ่งแรก บราซิล นำสบายๆ 3-0
 
        กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลัง เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา แม็กซ์เวลล์ ลงมาเล่นแทน มาร์เซโล่ วิเอยร่า ที่มีอาการบาดเจ็บ 
 
        กระเถิบมานาทีที่ 50 บราซิล น่าจะได้ประตูเพิ่ม เมื่อ ติอาโก้ ซิลวา เติมขึ้นมาโหม่งที่เสาสองเข้าประตูไป แต่ผู้ตัดสินไม่ให้ พร้อมกับเป่าว่า ซิลวา ไปทำฟาวล์ ไรอัน แม็คโกแวน แบ็คของออสเตรเลียก่อนแล้ว
 
        อย่างไรก็ตาม แซมบ้า มาได้ประตูที่สี่จนได้ เมื่อ แบร์นาร์ด จ่ายออกซ้ายให้กับ แม็กซ์เวลล์ เปิดเข้ากลางให้กับ รามิเรส โฉบมาโหม่งเข้าไปให้บราซิล นำกระจาย 4-0 ในนาทีที่ 58
 
        นาทีต่อมา ออสเตรเลีย เปลี่ยนเอา อาร์ชี่ ธอมป์สัน ลงมาเพิ่มในแดนหน้าแล้วถอด โธมัส โอร์ ออกมาพัก
 
        ส่วนทางเจ้าถิ่นเปลี่ยนผู้เล่นสองรายในนาที 61 ให้ ดานเต้ กับ ลูคัส มูร่า ลงมาเล่นแทน ดาวิด ลุยซ์ และ แบร์นาร์ด พร้อมกับให้ แอร์นาเนส เล่นแทน เปาลินโญ่ อีกรายในนาทีต่อมา
 
        เกมในช่วงนี้ บราซิล ไม่เน้นเท่าไหร่แล้ว ครองบอลไปเรื่อยๆ ก่อนที่นาที 67 จะให้ อเลซานเดร ปาโต้ ลงมาเล่นแทน โช ในตำแหน่งหน้าเป้า
 
        แม้จะไม่เน้นมาก แต่แซมบ้ายังมาได้ประตูที่ห้าจนได้ในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ แอร์นาเนส ตักบอลเข้ากรอบเขตโทษให้กับ เนย์มาร์ หลุดไปทางสุดเส้นหลังด้านซ้ายแล้วตวัดเข้ากลางให้กับ อเลซานเดร ปาโต้ กองหน้าตัวสำรองที่เพิ่งลงมายิงง่ายๆเข้าไปให้ บราซิล นำหายห่วง 5-0
 
        นาทีต่อมา ทีมเยือนขึ้นเกมมาบ้าง โทมัส โรจิค ตัวสำรองซัดไกลด้วยซ้ายบอลเฉี่ยวเสาออกไป
 นาทีที่ 83 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปิดท้ายจาก หลุยซ์ กุสตาโว่ บราซิล หนีห่างออกไปอีก 6-0
 และช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มกันได้ จบเกม บราซิล เปิดบ้านไล่ถล่ม ออสเตรเลีย ไปสบายเท้า 6-0

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
บราซิล : ชูลิโอ เซซาร์ - ดั๊กลาส ไมค่อน (มาร์กอส โรช่า น.77),  ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), ดาวิด ลุยซ์ (ดานเต้ น.61), มาร์เซโล่ วิเอยร่า (แม็กซ์เวลล์ น.46) - เปาลินโญ่ (แอร์นาเนส น.62), หลุยซ์ กุสตาโว่ - แบร์นาร์ด (ลูคัส มูร่า น.61), รามิเรส, เนย์มาร์ - โช
สำรอง: เจฟเฟอร์สัน (ผู้รักษาประตู) - เฮนริเก้, แฟร์นานโด, อเลซานเดร ปาโต้, ฮัล์ค 

ออสเตรเลีย : มาร์ค ชวาร์เซอร์ - ไรอัน แม็คโกแวน, ลูคัส นีลล์ (กัปตันทีม), ซาซ่า อ็อกเนนอฟสกี้, แม็ทท์ แม็คเคย์ - มาร์ค เบรสชาโน่, ไมล์ เยดินัค (มาร์ค มิลลิแกน น.64), ร็อบบี้ ครูซ, เบร็ตต์ โฮลแมน (โทมัส โรจิค น.70), โธมัส โอร์ (อาร์ชี่ ธอมป์สัน น.59) - โจชัว เคนเนดี้
สำรอง: มิทเชลล์ ลันเกรัค (ผู้รักษาประตู) - แม็ทธิว ไรอัน, รีส วิลเลี่ยมส์, โรเบิร์ต คอร์นธ์เวต, เจมส์ ฮอลแลนด์

ผู้ตัดสิน : เอ็นริเก้ คาเซเรส (ปารากวัย)