ประโยคที่ว่า "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายความว่า ลูกย่อมไม่ต่างกับพ่อแม่มากนัก ซึ่งสำหรับวงการกีฬาทั้งในอดีตปัจจุบันก็มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ

สำหรับวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ก็ขอพาผู้อ่านไปรู้จักกับสุดยอด พ่อ-ลูก แห่งวงการกีฬา ที่เราทำการคัดสรรมาแล้ว ส่วนใครเป็นใครกันบ้างเชิญชมได้เลย

มูฮัมหมัด - ไลลา อาลี

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดูมวยหรือไม่ แต่เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต่างก็เคยได้ยินชื่อของ "มูฮัมหมัด อาลี" ตำนานวงการกำปั้นชาวสหรัฐฯ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่น เฮฟวีเวท และเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก มวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เฮฟวีเวท ปี 1960 ซึ่งถูกยกย่องให้เป็น "นักชกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" โดยมีสิ่งที่การันตีเป็นสถิติการชก 61 ครั้ง ชนะ 56 ครั้ง แถมยังเป็นการน็อกคู่ชกถึง 37 ครั้ง และแพ้เพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น

สำหรับ ไลลา อาลี ลูกสาวจากภรรยาคนที่ 3 ของ มูฮัมหมัด แม้จะเป็นเรื่องยากที่ต้องเดินตามรอยของพ่อที่เป็นสุดยอดพ่อค้ากำปั้น แต่เธอก็ถูกยกย่องให้เป็น "นักมวยหญิงที่ดีที่สุดตลอดกาล" เป็นที่เรียบร้อยจากผลงาน คว้าแชมป์ซุปเปอร์มิดเดิลเวตของสมาคมมวยหญิงนานาชาติ (ดับเบิลยูไอบีเอ), สหพันธ์มวยหญิงนานาชาติ (ไอดับเบิลยูบีเอฟ) และสมาคมมวยนานาชาติ (ไอบีเอ) ในปี 2002 โดยมีสถิติไร้พ่ายชก 24 ครั้ง ชนะคู่แข่งทั้ง 24 ครั้ง และเป็นการน็อกถึง 21 ครั้ง

อาร์ชี - เพย์ตัน , อีลาย แมนนิง

"อาร์ชี แมนนิง" อดีตสุดยอดควอเตอร์แบ็กของมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปีและถูก นิวออร์ลีนส์ เซนต์ ทีมในศึก "เอ็นเอฟแอล" หรือ เนชันนัล ฟุตบอลลีก ดราฟเข้าทีมในปี 1971 ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ฮุสตัน ออยเลอร์ส และ มินเนโซตา ไวกิงส์

แต่ก็น่าเสียดายที่ชีวิตในการเล่นระดับอาชีพของ อาร์ชี ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผิดกับลูกชายคนรองอย่าง เพย์ตัน แมนนิง ที่ปัจจุบันเล่นให้กับ เดนเวอร์ บรองค์โกส์ ซึ่งถูกจัดให้เป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงการ "อเมริกันเกมส์" ยุคนี้ จากผลงานการทำลายสถิติไปมากมาย และยังเป็นเจ้าของตำแหน่งผู้เล่นทรงคุญค่า (เอ็มวีพี) 5 สมัย ขณะที่ อีลาย แมนนิง ลูกชายคนที่สามของครอบครัวก็มีผลงานการพาทีม นิวยอร์ก ไจแอนท์ส คว้าแชมป์ซุปเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 42 มาแล้ว

ปีเตอร์ - แคสเปอร์ ชไมเคิล

ถามตั้งคำถามว่าใครคือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีม "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อได้ว่าชื่อของ "เดอะ เกรท เดนส์" หรือ "ยักษ์เดนส์" ปีเตอร์ ชไมเคิล จะต้องติดหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน จากผลงานการลงสนามรับใช้ทีมถึง 292 นัด อีกทั้งยังส่วนหนึ่งในการพาทีมคว้าแชมป์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก อีก 1 สมัย

สำหรับ แคสเปอร์ ชไมเคิล เองก็ถอดแบบจากพ่อมาแบบไม่ผิดเพี้ยนเพราะนอกจากจะเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตำแหน่งนายทวารเเหมือนพ่อแล้ว ทั้ง หน้าตา และฝีมือ ก็ยังไม่ธรรมดา โดยปัจจุบันมือกาววัย 28 ปี ลงเล่นให้กับ "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 141 นัด

แฮร์รี - เจมี เรดแนปป์

แฮร์รี เรดแนปป์ ผู้จัดการทีมคนดังซึ่งปัจจุบันรับงานอยู่กับ "คิวพีอาร์" ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส สโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จกับอาชีพพ่อค้าแข้ง แต่สำหรับงานคุมทีม จ่าแฮร์รี ถือว่าเป็นกุนซือระดับเก๋าเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่รับงานอยู่กับ ทอตแนม ฮอตสเปอร์

ด้าน เจมี เรดแนปป์ ลูกชายของกุนซือรายนี้ก็เติบโตขึ้นมาในวงการลูกหนังโดยเริ่มจากการค้าแข้งให้กับ บอร์นมัธ ในสมัยที่พ่อยังคุมทีม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในปี 1991 โดยเป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ เคนนี ดัลกลิช เซ็นสัญญาก่อนจะก้าวลงจากตำแหน่ง ซึ่งตลอด 11 ปี ในแอนฟิลด์ เจมี ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล 237 นัด ยิงไป 30 ประตู และเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดคว้าแชมป์ ลีก คัพ ปี 1995 ปัจจุบันหลังแขวนสตั๊ดกับ เซาแฮมป์ตัน ในปี 2005 เจมี ก็รับงานเป็นผู้เชี่ยวชาญและคอลัมนิสต์ลูกหนังให้กับสื่อดังของอังกฤษ

เซอร์อเล็กซ์ - ดาร์เรน เฟอร์กูสัน

ในสมัยที่ค้าแข้ง อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อาจจะเป็นนักเตะฝีเท้าดีเยี่ยมคนหนึ่ง แต่เทียบไม่ได้เลยกับบทบาท เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือมือทองของ “ผีแดง” แมนฯยู ที่นำความสำเร็จมาสู่ทีมมากมายจากผลงานการทำทีม 27 ปี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย และลีก คัพ อีก 5 สมัย

จากผลงานขึ้นแท่นตำนานขนาดนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ดาร์เรน ผู้เป็นบุตรชายจะต้องแบกรับกับความคาดหวังอย่างหนักหน่วงตลอดเวลา ไม่ว่าจะในฐานะ นักเตะ และผู้จัดการทีม แต่ก็ต้องยอมรับว่าในตอนนี้ ดาร์เรน ยังคงห่างไกลจากผู้เป็นพ่อ แต่ก็มีความพยายามอยู่พอตัว โดยปัจจุบันเขารับงานคุมทีม ปีเตอร์ โบโร ทีมในลีกวัน ของอังกฤษ

แฟรงค์ ซีเนียร์ - แฟรงค์ จูเนียร์ แลมพาร์ด

"แฟรงก์ แลมพาร์ด ซีเนียร์" อดีตแบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ สร้างชื่ออย่างมากมายในการเล่นให้ทีม "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มายาวนานถึง 551 เกม ยิงไป 18 ประตู พาทีมชูถ้วย เอฟเอ คัพ 2 สมัย ในปี 1975 และในปี 1980 ซึ่งในปี 1985 เขาได้ก่อนย้ายไปเล่นกับ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด และแขวนสตั๊ดในปีต่อมา

ด้าน "แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์" ผู้ลูกก็มีความสามารถไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันจากผลงานการประสบความสำเร็จในทีม "ขุนค้อน" ตามรอยของบิดา ก่อนจะก้าวไปเป็นผู้เล่นระดับตำนานของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในเวลาต่อมาโดยมีผลงานลงเล่น 429 นัด ยิงไป 147 ประตู พาทีมชูถ้วยรายการใหญ่ๆ อย่าง พรีเมียร์ลีก 3 สมัย , เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปา ลีก อีกอย่างละ 1 สมัย โดยปัจจุบัน แลมพาร์ด เซ็นสัญญากับ นิวยอร์ก ซิตี้ ทีมในศึก เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐฯ แต่ย้ายมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้นๆ

สตีฟ - อเล็กซ์ บรูช

ก่อนจะมาเป็นกุนซือ "สตีฟ บรูซ" ก็ถือว่าเป็นนักเตะที่มากฝีมือคนหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตพ่อค้าแข้งของกุนซือ "เสือน้อย" ฮัลล์ ซิตี้ คือช่วงปี 1987-96 ที่เขาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดย สตีฟ ลงเล่นให้ แมนฯยู ไป 309 นัด ยิงไป 36 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และ ยูโรเปียน คัพ วินเนอร์ คัพ 1 สมัย

ด้านลูกชายของเขา "อเล็กซ์ บรูซ" เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ในปี 2004 และมีโอกาสได้ย้ายมาเล่นกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในปี 2005 ซึ่งเป็นสมัยที่พ่อของเขายังคุมทีมแต่ก็อยู่ได้เพียงปีเดียวเพราะมีประเด็นเรื่องการใช้เส้นสาย ซึ่งในปัจจุบัน อเล็กซ์ ก็กลับมาร่วมงานกับพ่อของเขาอีกครั้งในถิ่น เคซี ปาร์ค

โจ "เยลลีบิน" - โคบี ไบรอันท์

โจ ''เยลลี บีน'' ไบรอันท์ อดีตนักบาสเกตบอลชื่อดังของเอ็นบีเอ ลีกยัดห่วงในสหรัฐอเมริกา ช่วงปี 1975-83 เขาเคยร่วมสังกัดกับโกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส, ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส, ฮุสตัน ร็อกเกตส์ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในยุโรป โดยอยู่ในอิตาลี 7 ฤดูกาล ทั้งในระดับดิวิชั่น 1 และ 2 และเล่นอยู่จนถึงอายุ 50 ปี ซึ่งตลอดอาชีพยัดห่วง โจ ทำแต้มไป 12,584 แต้ม รีบาวด์ ไป 4,012 ครั้ง และ แอสซิตส์ 1,595 ครั้ง

ด้าน โคบี ไบรอันท์ ซุปเปอร์สตาร์ ลอสแอนเจเลิส เลเกอร์ส ก็เดิมตามรอยพ่อมาแบบติดๆ แถมยังแซงหน้าไปไกล จากผลงานการพาทีมคว้าแชมป์ เอ็นบีเอ 5 สมัย ได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ปี 2008 และยังติดทีมออลสตาร์ ถึง 16 ครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่ในปีนี้ เลเกอร์ส ออกสตาร์ตด้วยผลงานที่น่าผิดหวังเหลือเกิน

มิเกล - โฆเซ เรนา

อีกหนึ่ง พ่อ-ลูก ผู้รักษาประตู "มิเกล เรนา" อดีตมือกาวระดับแถวหน้าของสเปน ซึ่งเคยฝากฝีมือการป้องกันประตูไว้กับทีมดังอย่าง บาร์เซโลนา และ แอตเลติโก มาดริด โดยในสมัยลงเฝ้าเสาให้กับ "ตราหมี" มิเกล เคยพาทีมเข้าชิงศึก ยูโรเปียน คัพ ในฤดูกาล 1973-74 แต่ก็น่าเสียที่ทำได้แค่เป็นรองแชมป์ โดยในรอบชิงที่สนามกลาง เฮย์เซล สเตเดียม แอต.มาดริด เสมอกับ บาเยิร์น มิวนิก 1-1 ทำให้ต้องกลับมาแข่งนัดรีเพลย์และเป็น "เสือใต้" ที่จัดการถล่มไป 4-0

ด้าน โฆเซ เรนา ก็เดินตามรอยของผู้เป็นพ่อมาแบบติดๆ ด้วยการเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับแถวหน้าของโลกในยุคนี้ โฆเซ เริ่มต้นอาชีพนักเตะกับ บาร์เซโลนา ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ บียาร์เรอัล ต่อมาในปี 2005 ราฟา เบนิเตซ กุนซือของลิเวอร์พูล ก็ตัดสินใจคว้ามือกาวรายนี้มาร่วมงาน ซึ่ง โฆเซ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังโชว์คว้าเหนียวหนึบจนคว้าตำแหน่ง "ถุงมือทองคำ" จากพรีเมียร์ลีก ไปครองได้ถึง 3 สมัย และในปี 2005 ยังทำสถิติเก็บคลีนชีทต่อเนื่อง 11 นัด ตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนธันวาคม

แต่อนาคตของเขาในถิ่นแอนด์ฟิลด์ ก็จบลง หลังการเข้ามาของ ซิมง มิโญเลต์ ในปี 2013 ทำให้ โฆเซ เรนา ต้องเก็บกระเป๋าย้ายไปอยู่กับ นาโปลี ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาล 2013-14 ก่อนจะได้เซ็นสัญญาถาวรกับ บาเยิร์น มิวนิก ในเวลาต่อมา

เดวิด - บรู๊คลิน เบคแคม

เป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่ได้รับการยกย่องว่าประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม สำหรับ "เดวิด เบคแคม" อดีตเทพบุตรลูกหนังชาวอังกฤษที่เคยค้าแข้งกับบรรดายักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, เอซี มิลาน, แอลเอ กาแล็คซี และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

สำหรับชีวิตครอบครัว เดวิด มีลูกอยู่ 4 คนเป็นลูกชายสามคนได้แก่ บรู๊คลิน,โรมิโอ และ ครูซ โดยมี ฮาร์เปอร์เซเวน เป็นลูกสาวคนเดียว ซึ่งในบรรดาลูกๆ ทั้งหมดคนที่ฉายแววจะเป็นแข้งซุปเปอร์สตาร์เหมือนพ่อมากที่สุดก็ต้องยกให้พ่อหนุ่ม บรู๊คลิน พี่ชายคนโตของบ้านวัย 15 ปี ที่ตอนนี้ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เป็นที่เรียบร้อย แถมยังมีงานถ่ายแบบ และข่าวคบหากับ โคลอี มอเร็ตซ์ นักแสดงสาวจาก "Kick Ass" อีก

ขณะที่น้องชายอีก 2 คน อย่าง โรมิโอ วัย 12 ปี ก็กำลังเล่นให้กับทีมเยาวชนของ อาร์เซนอล ชุดอายุต่ำกว่า 13 ปี เช่นเดียวกันกับ ครูซ วัย 9 ปี ก็เล่นให้กับอาร์เซนอล ชุดยู-10

ประสิทธิ์ - ธีรศิลป์,ธนีกาญจนา แดงดา

ปิดท้ายด้วยครอบครัวของนักกีฬาไทยอย่างคู่พ่อลูกตระกูลแดงดา โดยตัวของ พ.อ.อ ประสิทธิ์ แดงดา หรือ "โค้ชสิทธิ์" เคยค้าแข้งมาก่อน และในช่วงปี พ.ศ 2553-54 เขาก็ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนให้กับ แอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่โดดเด่นมากๆสำหรับคุณพ่อคนนี้คือการทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนติดทีมชาติไทย แถมยังได้ไปค้าแข้งในต่างแดน

โดยตัว "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา แจ้งเกิดบนเส้นทางลูกหนังได้อย่างเต็มตัว ในฐานะ กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติไทย และยังเป็นนักเตะเก็บเกี่ยวความสำเร็จมามากมายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งปัจจุบัน มุ้ยยังได้รับโอกาสให้เป็นนักฟุตบอลไทยคนแรกที่ไปค้าแข้งใน ลาลีกา สเปน โดยเซ็นสัญญากับ ยูดี อัลเมเรีย

ด้าน "ไหม" ธนีกาญจนา แดงดา ก็เป็นหนึ่งในนักเตะทีมฟุตบอลหญิงของไทย ชุดประวัติศาสตร์ ที่ได้ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกหญิง รอบสุดท้าย ที่แคนาดา ในปีหน้า และยังได้เซ็นสัญญากับ ออสเตอร์ซุน ดีเอฟเอฟ ทีมในลีกสวีเดน ซึ่งลูกๆ ทั้งสองสร้างความภาคภูมิใจให้กับ พ.อ.อ ประสิทธิ์ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว .