บอร์นมัธ ได้เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ในทางปฏิบัติแล้ว หลังล่าสุดเอาชนะ โบลตัน 3-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนทำให้ยึดตำแหน่งรองจ่าฝูงเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น นำหน้า มิดเดิ้ลสโบรช์ 3 คะแนน โดยถึงแม้ทั้งคู่จะเหลือเกมให้เล่น 1 นัด แต่ผลต่างประตูได้-เสียของ "เดอะ เชอร์รี่ส์" ดีกว่าถึง 16 ลูก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ บอร์นมัธ ที่จะได้เล่นในลีกสูงสุด

 เอเอฟซี บอร์นมัธ รองจ่าฝูงในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ได้เลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในทางปฏิบัติแล้ว หลังล่าสุดเปิดรัง ดีน คอร์ท ไล่ถล่ม โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 ในเกมลีก เมื่อวันจันทร์ที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา

ชัยชนะนัดล่าสุดทำให้ บอร์นมัธ เก็บเพิ่มเป็น 87 คะแนน จากการลงเล่น 45 นัด นำหน้า มิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมในอันดับ 3 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นอยู่ 3 คะแนน โดยถึงแม้ทั้งคู่จะเหลือเกมให้เล่น 1 นัด และ "สิงห์แดง" ยังมีทางขึ้นไปเป็นที่ 2 แทน "เดอะ เชอร์รี่ส์" ในทางทฤษฎีด้วยผลต่างประตูได้-เสีย แต่ในทางปฏิบัติมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะตอนนี้ทีมของกุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว มีผลต่างประตูได้-เสีย ดีกว่าทีมของ ไอตอร์ การันก้า ถึง 19 ลูกด้วยกัน

นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 116 ปีของ บอร์นมัธ ที่พวกเขาจะได้เล่นในลีกสูงสุด (เดิมทีพวกเขาก่อตั้งสโมสรโดยใช้ชื่อว่า บอสโคมบ์ เซนต์.จอห์นส์ อินส์ติติวท์ ในปี 1890 แต่ล้มละลายไปในปี 1899 ก่อนจะตั้งทีมใหม่ชื่อ บอสโคมบ์ เอฟซี ในปี 1899 เช่นกัน) และถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาเคยเกือบจะต้องยุบทีมไปแล้ว

ทั้งนี้ บอร์นมัธ เป็นทีมที่ 2 ต่อจาก วัตฟอร์ด ที่ได้ตั๋วเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า และพวกเขายังมีลุ้นได้แชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ด้วย โดยปัจจุบันตามหลัง "แตนอาละวาด" เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น และมีผลต่างประตูได้-เสีย ดีกว่าอีกฝ่าย 6 ลูก