ศึกพรีเมียร์ลีกนัดแรกประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นโคตรบิ๊กแม็ตช์ เมื่อจ่าฝูง เลสเตอร์ ต้องออกไปเยือนรองจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งผลปรากฏว่า "จิ้งจอก" ระเบิดฟอร์มบุกถล่ม 3-1 ประกาศศักดายึดบัลลังก์ผู้นำต่อไป โดยทิ้ง "เรือใบสีฟ้า" ไว้กลางทางถึง 6 แต้ม นี่คือบทสรุป 5 ข้อจากศึกชิงบัลลังก์ที่ผลออกมาอย่างสุดเซอร์ไพรส์ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม...

1. เรือรั่ว

แนวรับของทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ ถือว่าอ่อนยวบยาบอย่างน่าใจหายในเกมนี้ ทั้ง นิโกลัส โอตาเมนดี้ ที่ล้มหัวทิ่มหัวตำตอนที่ ริยาด มาห์เรซ หลอกล่อเข้าไปทิ่มประตูที่ 2 ขณะที่ มาร์ติน เดมิเคลิช โดน โรเบิร์ต ฮูธ เอาชนะในการดวลลูกกลางอากาศสำหรับประตูที่สาม

การขาดหายไปของกัปตันทีม แว็งซ็องต์ ก็องปานี ส่งผลกระทบต่อ "เรือใบสีฟ้า" อย่างรุนแรง และข่าวร้ายคือ ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม จะยังไม่หายกลับมาเร็วๆ นี้แน่

2. "ยาย่า" หมดแล้ว

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วที่สุดของ ยาย่า ตูเร่ จอมทัพ แมนฯ ซิตี้ คือตอนสืบเท้าออกจากสนามตอนโดนเปลี่ยนตัวออกในครึ่งเวลาหลัง ดูแล้ว ดาวเตะไอเวอรี่โคสต์ จะหมดทั้งพลังช้างสาร และหมดไฟ เหมือนไม่อยากพิสูจน์ตัวเองให้ว่าที่นายใหม่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลย

คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหาก ยาย่า จะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากทีมจากลีกจีนยื่นข้อเสนองามๆ ให้

3. "มาห์เรซ" ไม่ได้มาเล่นๆ

ริยาด มาห์เรซ เรียกลูกตั้งเตะจนนำมาซึ่งประตูแรกของ เลสเตอร์ ก่อนจะโชว์สเต็ปโซโล่เดี่ยวกระทุ้งประตูที่ 2 อย่างสุดยอด ถือเป็นการหยุดสถิติปืนฝืดนานถึง 662 นาที หรือ 11 ชั่วโมงกับอีก 2 นาทีของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีก

กระนั้น ยอดประตูรวมในซีซั่นนี้ นับแค่พรีเมียร์ลีกเพียวๆ ปีกทีมชาติแอลจีเรียจัดไปถึง 13 เม็ด บวกกับอีก 9 แอสซิสต์เลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่เขาจะตกเป็นข่าวว่า เป็นที่หมายปองของ บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ ลา ลีกา

4. "ชไมเคิ่ล" จอมหนึบ

คู่หูอันตรายอย่าง ริยาด มาห์เรซ กับ เจมี่ วาร์ดี้ อาจได้รับคำชื่นชมจากผลงานที่สุดติ่งของ เลสเตอร์ ฤดูกาลนี้ แต่หนึ่งคนที่ไม่ควรถูกมองข้ามคือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ที่โชว์ผลงานหนุบหนับอย่างสม่ำเสมอ อย่างเกมนี้ มือกาวเดนส์ น่าจะทำให้พ่อของเขาอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ยืดอกภูมิใจได้กับการปฏิเสธความพยายามของ แฟร์นานโด ในช่วงครึ่งหลัง

5. สปิริต "รานิเอรี่"

ทั้งๆ ที่ทีมนำห่าง 3-0 และเตรียมนำโด่ง 6 แต้ม แต่บอสใหญ่อย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็ยงคงยืนคำรามสั่งการลูกทีมตรงข้างสนามแบบไม่กลัวเปียกฝน และสายลมเย็นยะเยียบ นี่คือทีมที่เขาปั้นมากับมือ และเปลี่ยนสถานะจากทีมหนีตายซีซั่นก่อนเป็นทีมลุ้นแชมป์

คะแนนความสามารถจากเดอะมีร์เรอร์

แมนฯ ซิตี้: โจ ฮาร์ท 6, ปาโบล ซาบาเลต้า 4, นิโกลัส โอตาเมนดี้ 3, มาร์ติน เดมิเคลิช 3, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ 4, แฟร์นานดินโญ่ 5, ฟาเบียน เดลฟ์ 5 (เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ น.52, 4), ยาย่า ตูเร่ 3 (แฟร์นานโด น.52, 4), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 5, ดาบิด ซิลบา 4 (เบอร์ซานท์ เซลิน่า น.76, 5), เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" 6

เลสเตอร์: แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล 6, แดนนี่ ซิมพ์สัน 6, เวส มอร์แกน 6, โรเบิร์ต 7, คริสเตียน ฟุคส์ 6, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 6, แดนนี่ ดริ๊งค์วอเทอร์ 7, ชินจิ โอกาซากิ 6 (เลโอนาร์โด้ อูยัว น.81, 4), มาร์ค อัลไบรท์ตัน 6 (เนธาน ดายเออร์ น.86), ริยาด มาห์เรซ 8 ( เดมาไร เกรย์ น.76, 4), เจมี่ วาร์ดี้ 7