เกมลีกคัพรอบ 16 ทีมสุดท้าย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ฟอร์มยังเปรี้ยงปร้างแม้จะจัดทัพผสมสำรองเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับ สเปอร์ส แต่เล่นได้เฉียบคมกว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ตะบันเบิ้ลพาหงส์ชนะ 2-1 ลิ่วผ่านเข้ารอบ8ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันอังคารที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา 

ฟุตบอล ลีก คัพ อังกฤษ รอบ 4

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2559

ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 2 - สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก) 1

        สนาม : แอนฟิลด์

         เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการลิเวอร์พูลโรเตชั่นยก 11 ตำแหน่ง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม สลัดเดี้ยงเสียบแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งติดโทษแบน ปลอกแขนกัปตันทีมจึงอยู่กับ ลูคัส เลวา ซึ่งวันนี้ถอยไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ

         ด้าน สเปอร์ส ก็สำรองหลายตำแหน่งเช่นกันแต่ยังมี เอริก ดายเออร์ ประคองตรงกลางสนามแล้วทิ้ง วินเซนต์ ยานส์เซ่น เป็นหอกเป้า

         เพียง 3 นาทีแรก ''หงส์แดง'' ทักทายจากลูกยิงไกล 21 หลากลางประตูของ เควิน สจ๊วร์ต บอลพุ่งแรงข้ามคานไม่ไกล

         เดอะ ค็อป เฮสั่นแค่นาที 9 เมื่อทีมรักขึ้นนำ 1-0 ความผิดพลาดของ จอร์จส์ เควิน เอ็นคูดู ตัวรุกทีมเยือนจับบอลแล้วลื่นล้มถูก มาร์โก กรูยิช ฉกได้ลากเข้ากรอบฝั่งขวาแล้วสับไกแฉลบตัวบล็อกเลยถึงเสาไกล  แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย

         เกมเป็นของ ลิเวอร์พูล เบ็ดเสร็จจากนั้น 2 นาที สเตอร์ริดจ์ ลากตัดจากขวาเข้ากรอบแล้วบรรจงปั่นกะให้เสียบใต้คานแต่ มิเชล ฟอร์ม ยังโดดสุดเหยียดปัดทิ้ง

         ผ่านถึงนาที 29 ผู้ตัดสินต้องเป่าหยุดการแข่งขันชั่วคราวเมื่อ มาร์โก กรูยิช ศีรษะโขกกับ คาเมรอน  คาร์เตอร์ วิคเกอร์ส ทีมแพทย์ต้องมาเช็กอาการกระทบกระเทือนทางสมองซึ่งก็ไร้ปัญหาบู๊ต่อได้

         โอกาสของ ''ไก่เดือยทอง'' นาที 33 ลูกฟรีคิกทางกราบขวา ทริปเปียร์ จะสาดข้ามฟากเข้าเขตโทษ วินเซนต์ ยานส์เซ่น วอลเลย์แต่ถูก ซิมง มินโญเล่ต์ ปัดได้เยี่ยม

         ล่วงมาในนาทีที่ 39 เจ้าบ้านแย่งบอลในแดนกลางจากสเปอร์สได้อีกหน  จึงต่อเกมรุกฉับไวขึ้นทางขวาก่อนที่ สเตอร์ริดจ์ จะแทงบอลเข้าเขตโทษให้ กรูยิช ตะบันผ่านหน้าปากประตูหลุดเสาไกลไม่กี่ฟุต จบครึ่งแรกจึงนำแค่ 1-0

         กลับมาซัดกันต่อใน 45 นาทีหลังได้ไม่นานเจ้าถิ่นเกือบได้ประตูเพิ่ม เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลจากแดนตัวเองไปให้ ดิว็อค โอริคกี้ ลากบอลไปสุดเส้นด้านขวาก่อนผ่านเข้ากลางให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ แปจ่อๆพลาดไปอย่างน่าเสียดาย

         ถึงนาที 64 หงส์แดงได้ประตูหนีเป็น 2-0 ดิว็อค โอริคกี้ ป้ายสั้นให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม แทงทะลุช่องตรงกลาง สเตอร์ริดจ์หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงลอดขา มิเชล ฟอร์ม เข้าไป

         โอกาสส่วนใหญ่เป็นของเจ้าถิ่นนาที 75 ไวนัลดุมลองยิงไกล 20 หลา ลูกพุ่งเข้ากรอบแต่ก็ไม่ผ่านเซฟ มิเชล ฟอร์ม

         จากนั้นนาทีเดียว สเปอร์สได้จุดโทษจังหวะที่ ลูคัส เลวา ไปเลาะข้อเท้า เอริค ลาเมล่า จากด้านหลังในกรอบ 18 หลา ผู้ตัดสินเป่าทันทีและเป็น วินเซนต์ ยานส์เซ่น ยิงเข้ากลางประตูไล่เป็น 1-2

         ช่วงเวลาที่เหลือเกมแลกกันสนุกแต่ไม่มีประตูเพิ่มเติม ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูลเอาชนะสเปอร์ส 2-1

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเล่ต์ - เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, ลูคัส เลวา, รักนาร์ คลาวาน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - เควิน สจ๊วร์ต, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, มาร์โก กรูยิช, โอวี่ เอจาเรีย - ดิว็อค โอริคกี้, แดเนียล สเตอร์ริดจ์

         สำรอง : ลอริส คาริอุส, เนธาเนี่ยล ไคลน์, เดยัน ลอฟเรน, เอ็มเร่ ชาน,  อดัม ลัลลาน่า, ซาดิโอ มาเน่, แดนนี่ อิงค์ส
 

         สเปอร์ส : มิเชล ฟอร์ม - คีแรน ทริปเปียร์, คาเมรอน  คาร์เตอร์ วิคเกอร์ส, เควิน วิมเมอร์, เบน เดวิส - เอริก ดายเออร์, แฮร์รี่ วิงค์ส - จอช โอโนมาห์, ทอม แคร์โรลล์, จอร์จส์ เควิน เอ็นคูดู - วินเซนต์ ยานส์เซ่น

          สำรอง : ปาอู โลเปซ, แอนทอน วัลเคส , ยาน แฟร์ต็องเก้น, ลุค เอมอส, เอริค ลาเมล่า, วิคเตอร์ วานยาม่า, เชยอน แฮร์ริสัน

        ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์