ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » รุกเก่งรับแกร่ง ! เปิด 5 ประเด็นร้อนแมนซิตี้ฝังแมนยู

รุกเก่งรับแกร่ง ! เปิด 5 ประเด็นร้อนแมนซิตี้ฝังแมนยู

Posted 12/11/2018 by siamsport

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นทีมชั้นยอดอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาจัดการครองเกมแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในแมตช์ทุบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เกมดาร์บี้แมตช์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และส่งให้ "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นไปยึดจ่าฝูงอีกครั้ง

สำหรับผลงานในแมตช์นี้ทุกๆ คนต้องยอมรับว่าทีมของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดการขึงพืด "ผีแดง" จนแทบทำอะไรไม่ได้เลย แม้จะมีบางช่วงที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะตอบโต้มาเป็นระยะๆ แต่ก็ทำได้เพียงแค่หวาดเสียว ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ บุกมาแต่ละครั้งมีลุ้นทำประตูตลอด

ที่สำคัญการเล่นเกมรุกที่เป็นจุดโทษของ แมนฯ ซิตี้ ยังคงอันตรายในทุกๆ วินาที แต่ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นก็คือเกมรับ ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้พวกเขาเล่นเกมรับได้เหนียวแน่นจริงๆ และไม่แปลกใจเลยว่าตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" มีสมดุลที่ลงตัวในทุกๆ ตำแหน่งจริงๆ

1. ซิลบา-ซิลวา คู่หูสุดบรรยาย
ฟอร์มการเล่นของ ดาบิล ซิลบา กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ในฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าเข้าขากันจริงๆ แน่นอนว่าฟอร์มของทั้งสองคนทำให้แฟนบอบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลืมการขาดหายไปของ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม ไปโดยปริยาย

สำหรับตอนนี้ เดอ บรอยน์ กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บ ดูเหมือนว่าการขาดหายไปของเขาทำให้แมนฯ ซิตี้ อาจจะมีปัญหา แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกๆ คนคงต้องขอบคุณที่เจ้าตัวไม่อยู่ในทีมเพราะทำให้มีโอกาสได้เห็นการเล่นที่เข้าขากันของสองแข้งต่างวัยในแดนกลาง

ซิลบา เปิดแผลแรกในเกมนี้ทำให้เขาซัดไปแล้ว 7 ประตูจากการเล่นทุกรายการในฤดูกาลปัจจุบัน โดยประตูนี้ของเขาได้มาจากการทำทางของ ซิลวา ที่วิ่งไล่บอลจากจังหวะการเปิดของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก่อนที่เขาจะตบเข้ากลาง และเป็น แข้งจอมเก๋าชาวสแปนิชที่ตะบันเต็มข้อเหมือนแค้นใครมาจนตาข่ายแทบขาด

สำหรับตลอดการแข่งขันเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนฯ ซิลวา สร้างสรรค์เกมให้กับ "เรือใบสีฟ้า" ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในจังหวะที่ทีมได้ประตูตอกฝาโลงก็เป็นการเปิดบอลอย่างแม่นยำของเขาให้กับ อิลคาย กุนโดกัน ขณะที่ ซิลบา ในฐานะกัปตันทีม ก็คอยเชื่อมเกมได้กลางให้ทีมได้อย่างไม่มีที่ติ

ตอนนี้ต้องยอมรับว่า "ซิลบา+ซิลวา" คือทองคำแท้ชั้นดีที่ทำให้แฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ลืมชื่อ เดอ บรอยน์ ไปเลยจริงๆ

2.  5 ประตูจาก 5 เกมลีกของ มาร์กซิยาล 
ในความพ่ายแพ้ย่อยยับต่อคู่อริร่วมเมือง (สกอร์ก็ขาดรูปเกมก็สู้ไม่ได้) ก็ยังมีเรื่องดีๆ อยู่บ้าง เมื่อ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล หัวหอกที่เกือบถูกลืม แต่ตอนนี้กลายเป็นลูกรักของโชเซ่ มูรินโญ่ ยิงประตูได้อีกแล้ว จากจังหวะการสังหารจุดโทษ โดย หัวหอกชาวฝรั่งเศส ซัดประตูในเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 5 ประตูจาก 5 เกมหลังสุด

ดาวเตะวัย 22 ปี ต้องเจอกับงานสุดหินในแมตช์นี้และแทบจะไม่มีโอกาสทำอะไรได้เลย แต่กระนั้นเขาก็ยังโชคดีที่มีชื่อในฐานะผู้ทำประตู นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่า มาร์กซิยาล กลับมาสู่ฟอร์มเก่งซึ่งแตกต่างจากเมื่อช่วงต้นฤดูกาลนี้ที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตไปแล้ว

ก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี้หากสาวก "เร้ด อาร์มี่" พิจารณาถึงสถานการณ์ของ มาร์กซิยาล ที่ดูเหมือนจะออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ ปัจจุบันเขาคือกองหน้าหมายเลข 1 ของทีมที่ "เฮียมู" ไม่สามารถขาดได้ ฉะนั้นถ้านักเตะยังคงรักษามาตรฐานแบบนี้ต่อไป มีความเป็นไปได้ว่า แมนฯ ยูฯ จะจบอันดับท็อปโฟร์เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม
 
3. สโตนส์-ลาป๊อร์กต์ คู่กองหลังภูผาหิน
ในขณะที่ แมนฯ ซิตี้ มีเกมรุกที่ดุดันน่ากลัวจนคู่แข่งขนหัวลุก พวกเขายังมีเกมรับที่สุดแกร่งยากจะเจาะเข้าไปทำประตูได้ แน่นอนว่า จอห์น สโตนส์ กับ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกับเด็กน้อยที่รับมือได้อย่างง่ายได้

ย้อนไปเกมดาร์บี้แมตช์ครั้งล่าสุดในเวลานั้นคู่หูเกมรับเป็น แว็งซองต์ กอมปานี กับ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ที่ลงเล่นตัวจริง และพวกเขาไม่สามารถต้านเกมบุกของ "ผีแดง" ได้ทำให้โดนตะบัน 3 ประตูรวดแพ้ไปอย่างเจ็บปวด สำหรับครั้งนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกส่งคู่กองหลังสายเลือดใหม่อย่าง สโตนส์-ลาป๊อร์กต์ ซึ่งค่าตัวรวมกันประมาณ 107 ล้านปอนด์ (ราว 4,815 ล้านบาท) ลงสนาม ตอนนี้คงรู้เหตุผลแล้วใช่ไหมว่าทำไม นายใหญ่เลือดสแปนิช ถึงเลือกทั้งคู่เล่นในเกมใหญ่ขนาดนี้

อาจจะอวยเกินไปเพราะเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ ก็พลาดทำให้ โรเมลู ลูกากู ได้หลุดเข้าไปจนเป็นเหตุให้ เอแดร์ซอน ต้องทำฟาวล์ และเสียจุดโทษ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาผลงานตลอดทั้งเกมต้องยอมรับว่า สโตนส์ กับ ลาป๊อร์กต์ คุมเกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่หมัดจริงๆ

4. อเกวโร่นั้นโก้จริงๆ
เรื่องทรงผมกับนักฟุตบอลเป็นอะไรที่คู่กันจริงๆ โดยล่าสุดเป็นคิวของ เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่อยู่ดีๆ ก็ทำสีผมใหม่เป็นสีเทาเต็มกบาล อย่างไรก็ตามทรงผมที่แปลกตาไม่ได้ลดทอนความร้อนแรงในการทำประตูของ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ ได้เลย

"กุน" ได้โชว์ให้เห็นถึงพลังขาที่เต็มไปด้วยการทำลายล้างจากจังหวะที่ยิงประตูให้ต้นสังกัดขึ้นนำ โดยจังหวะนั้นเป็นการตะบันเต็มข้อบอลแหวกอากาศเข้าแสกหน้าของ ดาบิด เด เคอา ที่ว่ากันว่าประสาทสัมผัสรวดเร็ว มือไวปานลิงลม ยังต้องซูฮกยอมให้บอลไปนอนซุกก้นตาข่าย

สำหรับตอนนี้ อเกวโร่ ยิงไปแล้ 8 ประตูในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์ โดยเหลืออีกแค่ประตูเดียวก็จะเทียบเท่ากับ ฟรานซิส ลี และ โจ เฮย์ส ที่ตะบันกันไปคนละ 9 ประตูให้กับ "เรือใบสีฟ้า"

5. ลูกากู  หายไปไหน ?
มูรินโญ่ เลือกที่จะจับ โรเมลู ลูกากู กองหน้าค่าตัวมหาศาลนั่งอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรองอีกครั้งในเกมดาร์บี้แมตช์ อย่างไรก็ตามการที่ "เฮียมู" เลือกใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยด้วยซ้ำ

ครึ่งแรกเห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนแทบจะไม่ค่อยได้บอลเลย แม้ว่า มาร์กซิยาล จะมีบางจังหวะที่เกือบทำประตูแมนฯ ซิตี้ได้ ในขณะที่ แรชฟอร์ด ต้องบอกว่าไม่มีสามารถทำอันตรายใดๆ ได้เลย แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ "ผีแดง" เล่นได้ดีและกดดันเจ้าบ้าน แต่สุดท้ายบอลก็ทำได้แค่ป้วนเปี้ยนบริเวณกรอบเขตโทษเท่านั้น

หลังจากที่ มูรินโญ่ หมดหนทางในการเล่นเกมบุกแล้วก็จำเป็นต้องให้กองหน้าร่างยักษ์อย่าง ลูกากู ลงสนาม แม้ว่านักเตะจะอยู่ในช่วงฟอร์มตกก็ตาม แต่การลงเล่นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ และนำไปสู่ประตูตีไข่แตก แต่กระนั้นในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ หัวหอกเบลเยียม ก็แทบไม่มีบทบาทกับทีม

ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก มูรินโญ่ จะดร็อปนักเตะต่อไปหลังหมดช่วงพักเบรกทีมชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • แมนฯซิตี้ 3-1 แมนฯยูไนเต็ด
    "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นัดที่ 177 จบลงด้วยชัยชนะของ "เรือใบสีฟ้า" หลังเปิดเอติฮัด สเตเดี้ยมไล่บดเอาชนะ "ปีศาจแดง" คู่อริร่วมเมืองไปแบบสนุก 3-1 ทำสถิติไร้พ่ายในลีกต่อไปพร้อมเก็บสามแต้มแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงหนีสองคะแนน อีกทั้งเกมนี้ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ยังทำสถิติใหม่ในศึกผ่าเมืองหลังหวดหนึ่งตุงแซง เอริค คันโตน่า ขึ้นไปยิงที่ 8 ประตูเท่ากับ เวย์น รูนี่ย์ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »