เป็นที่เชื่อกันว่า ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าคนเก่งของ แอร์เบ ไลป์ซิก จะย้ายออกจากทีมเพื่อไปหาความท้าทายกับทีมระดับท็อปเป็นที่แน่นอนหลังจบฤดูกาลนี้ โดยตอนนี้มี ลิเวอร์พูล ที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรงกับเขา แต่ยังมีบรรดาทีมยักษ์ใหญ่คอยจ้องฉกมาร่วมทัพอยู่ตลอด เรามาดูกันว่าเพราะอะไรเขาถึงเป็นที่ต้องการของทีมในยุโรป แล้วทำไม ลิเวอร์พูล จึงเป็นทีมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา ขณะที่หากมองตัวเลือกอื่นจะเป็นทีมไหนบ้าง

    ไม่แปลกใจที่กองหน้าไลป์ซิกคนนี้จะเป็นต้องการของของหลายๆทีม เพราะตลอด 4 ปีกับสโมสร แวร์เนอร์ สร้างผลงานกลายเป็นหนึ่งในแข้งวัยหนุ่มที่น่าจับตามองของบุนเดสลีกา โดยในฤดูกาลนี้เขาท็อปฟอร์มด้วยการซัด 27 ประตูจาก 36 เกมที่ลงเล่น ทำให้ตอนนี้เขายิงให้ต้นสังกัดรวม 88 ประตูจากการลงเล่น 150 นัด ขณะที่ในทีมชาติเยอรมัน เขายิงรวม 11 ประตูจาก 29 เกม

    ฤดูกาลนี้เขาซัลโว 4 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งหนึ่งนั้นคือประตูชัยในนัดที่ ไลป์ซิก บุกชนะที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับลิเวอร์พูล

    แวร์เนอร์ ไม่มีปิดบังว่าความต้องการของเขาคือการย้ายไปร่วมทัพ “หงส์แดง” โดยในการสัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ต เมื่อเดือนที่แล้ว ดาวเตะวัย 24 ปีพูดถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก พร้อมกับเสริมว่า “มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่าสไตล์การเล่นของผมเหมาะสมกับเขา”

    ลิเวอร์พูล ดูจะยังไม่ได้แสดงออกว่าจำเป็นต้องการเขามากขนาดนั้น ขณะที่ล่าสุดสื่อผู้ดีอย่าง เดอะ มิร์เรอร์ ก็มองว่าทีมได้รับผลกระทบจากปัญหาของเชื้อไวรัสโควิด-19เลยอาจไม่ทุ่มเงินเสริมทัพมากมาย แต่ แวร์เนอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับ “เดอะ เร้ดส์” ความสามารถของเขาสามารถแข่งขันกับสามประสานแดนหน้าอย่าง ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ของ คล็อปป์ ได้

    จุดแข็งของ แวร์เนอร์ คือการความเฉียบขาดในการจบสกอร์ นับตั้งแต่เขาย้ายจาก สตุ๊ตการ์ท มาร่วมทัพ ไลป์ซิกซ์ ในฤดูกาล 2016/17 มีเพียงแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เท่านั้นที่ยิงประตูในบุนเดสลีกามากกว่าเขา

    สไตล์การเล่นของ ไลป์ซิก ในยุค ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ มีความทันสมัยและเน้นในเรื่องของการโต้กลับคล้าย ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาเหมาะสมมากที่แอนฟิลด์  ความเร็วและความเด็ดขาดของเขาสร้างประสิทธิภาพการทำลายล้างมากมาย โดย opta เว็บไซต์ชื่อดังที่รวมรวมสถิติวงการกีฬาเผยข้อมูลว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ทั้งทำประตูและมีโอกาสยิงจากการเล่นสวนกลับเร็วมากสุดในบุนเดสลีกา

    ส่วนใหญ่ประตูที่เขายิงได้ในซีซั่นนี้มาจากการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่เขาสามารถยืดหยุ่นได้ตามแท็คติก ซึ่งในฤดูกาลนี้ ไลป์ซิก ใช้แผนการเล่นถึง 9 ระบบ เขาถูกโยกไปเล่นในตำแหน่งริมเส้น และมักจะตัดเข้าด้านในจากทางฝั่งซ้ายเห็นได้จากรูปแสดงการเคลื่อนที่ของเขาด้านล่าง

    และเมื่อนำสถิติมาเปรียบเทียบกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต้องบอกว่าน่าสนใจ ความจริงแล้วเขาทำได้ดีกว่าดาวเตะชาวอียิปต์เสียอีกในฤดูกาลนี้สำหรับเรื่องการทำประตู โดยเขามีค่าเฉลี่ยยิงประตู 0.57 ลูกต่อ 90 นาที มากกว่าซาลาห์ที่ทำได้ 0.45 ลูก เขามีค่าเฉลี่ยสัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งน้อยกว่า ซาลาห์ เพียงนิดเกียว ขณะที่การเลี้ยงผ่านคู่แข่งก็ดีเท่ากัน

    สถิติหนึ่งที่ ซาลาห์ ชนะขาดคือการบีบเพรสซิ่ง ข้อมูลจาก StatBomb ด้านบนจะเห็นว่า ซาลาห์ มีค่าเฉลี่ยเพรสซิ่งคู่แข่ง 18 ครั้งต่อ 90 นาที ส่วน แวร์เนอร์ มีทั้งหมด 14 นั่นทำให้ค่าเฉลี่ยการแย่งบอลกลับมาได้สำเร็จของ ซาลาห์ จึงมากกว่าแวร์เนอร์ถึงสองเท่า

    แสดงให้เห็นว่า แวร์เนอร์ ต้องมีความกระตือรือร้นในการแย่งบอลมากขึ้นหากเขาย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเชื่อว่าเจ้าตัวสามารถพัฒนาสกิลเพิ่มขึ้นได้ ในทางกลับกัน นาเกลส์มันน์ ก็ประทับใจพัฒนาการของเขาเป็นอย่างมาก โดยนายใหญ่ไลป์ซิกกล่าวว่า

    “เขาเป็นนักเตะที่สุดยอด เขามีความคิดที่ชัดเจนและเขารู้ว่าวิธีประเมินประสิทธิภาพของตัวเอง คุณสามารถบอกกับเขาได้ว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี เขาไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด”

    อย่างไรก็ตาม ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล เชื่อว่าต้นสังกัดเก่าของเขาไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินเพื่อคว้าตัว ติโม่ แวร์เนอร์ โดยเขาให้เหตุผลที่น่าสนใจว่าทีมมีแดนหน้าที่เจ๋งที่สุดในโลกอยู่แล้ว และเขาไม่สอดคล้องกับสไตล์การเล่นของหงส์แดง

    "ทั้ง ซาลาห์ และ มาเน่ ต่างเป็นนักเตะชั้นเชิงสูง แต่ แวร์เนอร์ ไม่ใช่แบบนั้น จุดเด่นสุดของเขาคือเรื่องความเร็ว แต่ถ้าคุณมองเกมของ ลิเวอร์พูล ทุกวันนี้ พวกเขาก็เหนือกว่าแทบทุกทีมอยู่แล้ว ดังนั้นคู่แข่งมักจะมาแบบเน้นตั้งรับ และเมื่อคุณไม่เปิดพื้นที่ให้ แวร์เนอร์ เล่น เขาก็แทบทำอะไรไม่ได้เลย"

    "ไลป์ซิก เป็นทีมที่เน้นสวนกลับเร็ว ไม่ใช่ทีมที่เน้นครองบอล ดังนั้นผมจึงไม่คิดว่า เขาจะเล่นตรงริมเส้นได้ดีแบบ ซาลาห์ และ มาเน่ และหากมองในตำแหน่งของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ผมคิดว่า สไตล์การสร้างเกมรุกของ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องมีนักเตะในสไตล์ของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม แบบ ฟีร์มีโน่ นี่แหละ เพราะเขาไม่ใช่นักเตะที่ชอบแทรกตัวอยู่ในแนวรับทีมคู่แข่ง"

    "ดังนั้นผมจึงมองไม่ออกเลยว่า เขาจะเล่นตรงไหน เพราะผมไม่คิดว่า เขาเป็นผู้เล่นตัวริมเส้น ผมว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือตรงกลาง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกับว่า เขาจะเหมาะจริงๆ หรือเปล่า"

ตัวเลือกอื่นที่เหมาะสม

    อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ แวร์เนอร์ กลายเป็นที่ต้องการของหลายทีมนั่นคืออายุของเขา ศูนย์หน้าชาวเยอรมันใกล้ที่จะลงสนามครบ 300 นัดนับตั้งแต่เร่ิมต้นอาชีพการค้าแข้งที่ สตุ๊ตการ์ท ในปี 2013 ทั้งที่เขาเพิ่งจะอายุครบ 24 ปีในเดือนที่แล้ว

    เขากำลังก้าวขึ้นไปสู่ช่วงท็อปของอาชีพนักเตะและโปรไฟล์ของเขาก็น่าสนใจสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นกัน ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โชว์ให้เห็นพัฒนาการของเกมบุกมากขึ้นหลังการมาของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส และโอเดียน อิกาโล่ ในช่วงเดือนมกราคม แต่เชื่อกันว่า “ปีศาจแดง” ยังมีที่ว่างสำหรับกองหน้าอีกหนึ่งคนเนื่องจากทีมขาดศูนย์หน้าตัวเป้าธรรมชาติที่ใช้งานระยะยาว

    โซลชา กล่าวเน้นย้ำหลายรอบว่า แมนฯยูไนเต็ด ต้องการกองหน้าตัวจบสกอร์ซึ่งหมายถึงนักเตะที่รอ “เข้าทำ” หรือ “เข้าฮอส” ในเขตโทษ ซึ่ง โอเดียน อิกาโล่ โชว์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถแก้ปัญหาจุดนี้ได้แต่เป็นเพียงแค่ระยะสั่นเนื่องด้วยอายุที่ปาไป 30 ปีแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม แวร์เนอร์ ควรจะมาสานต่อในตำแหน่งนี้ จากรูปด้านล่างจะเห็นว่าประตูที่เขายิงได้ส่วนใหญ่มาจากการยิงในเขตโทษ และมีเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้นที่เขายิงจากนอกกรอบเขตโทษ

    ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ถือเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจเช่นกัน พวกเขาเริ่มจะมองหาคนที่จะมาแทนที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ หลังจากนักเตะจะอายุครบ 32 ปีในช่วงซัมเมอร์นี้แล้ว

    ขณะที่ เชลซี ก็เคยมีข่าวว่าสนใจ ติโม แวร์เนอร์ เช่นกัน แฟร้งค์ แลมพาร์ด คว้าตัวแนวรุกอย่าง ฮาคิม ซีเย็ค เข้ามาเสิรมเกมรุก แต่ดูเหมือนเขาต้องการกองหน้าคนใหม่เพื่อมาแข่งขันกับ แทมมี่ อบราฮัม ในตำแหน่งตัวจริง

    ค่าฉีกสัญญา 52 ล้านปอนด์ของเขาจะหมดลงในกลางเดือนมิถุนายน ต้องมารอดูกันว่าจะทีมไหนพร้อมทุ่มเงินในช่วงสถานการณ์แบบนี้บ้าง แต่เป็นที่เชื่อกันว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า