โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องเจอกับสถานการณ์กดดันอีกครั้งเมื่อเตรียมนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมดาร์บี้แมตช์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในวันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้
     "ปีศาจแดง" สามารถกลับมาจากฝันร้ายในเกม "แดงเดือด" ที่โดน ลิเวอร์พูล บุกถล่มสั่งสอนคาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยพวกเขาเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ก็ช่วยเซฟขาเก้าอี้นายใหญ่ของ "น้าลูกอม" ได้พอสมควร

     ขณะเดียวกันการรับมือ "เรือใบสีฟ้า" หลายคนมองว่ากุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงจะทำผลงานได้เหนือกว่าเมื่อเทียบกึ๋นของทั้งสองคนแล้ว แต่ขอบอกว่า โซลชา มักจะโชว์มันสมองชั้นยอดออกมาเวลาที่นำ "ผีแดง" ดวลกับคู่อริร่วมเมือง และงานนี้นายใหญ่ชาวสแปนิช อาจจะต้องเจอทีเด็ดของเขาก็ได้

1. แมนยูต้องปรับแนวรับสู้เกมรุกแมนซิตี้

     ปัญหาใหญ่ของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ก็คือกองหลังตัวสำคัญอย่าง ราฟาแอล วาราน ที่ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังหัวเข่า ทำให้เจ้าตัวต้องพักนานกว่า 4-5 สัปดาห์ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับสาวก "เร้ด อาร์มี่"

     "ปีศาจแดง" กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อได้ วาราน เข้ามาคุมเกมรับ เนื่องจากเขาเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญในแผงกองหลังของทีมโดยเฉพาะการที่ โซลชา ปรับมาใช้ระบบกองหลัง 3 ตัว ซึ่งทำให้ทีมเล่นได้อย่างแข็งแกร่ง

     ขณะเดียวกัน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะฟิตสมบูรณ์ลงเล่นในแมตช์นี้ได้หรือไม่ ทำให้ "น้าลูกอม" มีตัวเลือกเพียงแค่ เอริค ไบยี่ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซึ่งหากเป็นแบบนั้น โซลชา คงจะต้องใช้ระบบเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่

     กระนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ โซลชา กองหลังห้าตัวโดยจะใช้ ลุค ชอว์ ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟฝั่งซ้าย และให้ อเล็กซ์ เตลเลส จะได้ลงเล่นเป็นวิงแบ็คด้านซ้าย ซึ่งตำแหน่งนี้ ชอว์ เคยเล่นมาแล้วแปดครั้งในเกมบู๊กับคู่ต่อกรอย่าง บาร์ซ่า , เปแอสเช , ไลป์ซิก , คลับ บรูช , ลิเวอร์พูล , เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ (สองครั้ง)

     เชื่อว่า โซลชา คงไม่เลือกใช้ระบบแผงแบ็กโฟร์ในแมตช์นี้ เพราะมันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกับผู้เล่นกองหลังที่มีอยู่ในเวลานี้ และถ้าขืนเล่นแบบระบบแบบนั้นมีสิทธิ์จะแพ้เละเทะเหมือนในเกมโดน ลิเวอร์พูล ยำใหญ่แหงๆ

2.  โรนัลโด้ สุดอันตราย

     คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถือว่าเป็น "เดอะ แบก" ของทีม และของ โซลชา อย่างแท้จริง เพราะมีหลายเกมที่ "เฮียโด้" ช่วยชีวิต แมนฯ ยูไนเต็ด ให้รอดจากหายนะ ล่าสุดก็เพิ่งซัดสองประตูนำทีมบุกเสมอ อตาลันต้า เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

     ต้องยอมรับว่า "ซีอาร์ 7" ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้เขาซัดไปแล้ว 9 ประตูจาก 11 เกมในทุกรายการ โดยเป็น 4 ประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ดาวเตะชาวโปรตุกีส จะเป็นคีย์แมนสำคัญในเกมรับมือทัพ "สำเภาทอง"

     ยิ่งไปกว่านั้นสถิติของ โรนัลโด้ ในยามที่พบ แมนฯ ซิตี้  ถือว่าน่าสนใจเช่นกันเพราะเขาซัดไป 3 ประตูจาก 5 แมตช์หลังสุดในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ โดยที่ประตูสุดท้ายเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2009
 
     ที่น่าเสียดายก็คือ เอดินสัน คาวานี่ คงหมดสิทธิ์ลงจับคู่หัวหอกกับ โรนัลโด้ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บเส้นเอ็น งานนี้ โซลชา คงจะต้องใช้พลังหนุ่มของ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เมสัน กรีนวู้ด แทน
 

3. โฟเด้น พร้อมระเบิดฟอร์ม

     ในขณะที่เจ้าบ้านมีแววว่าจะต้องอาศัยผู้สูงวัยในการทำประตู แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีนักเตะทีเด็ดที่กำลังฟอร์มติดลมบนเช่นกันนั่นก็คือ ฟิล โฟเด้น โดยเจ้าหนูรายนี้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะกำลังสำคัญของทีมไปเรียบร้อยแล้ว

     ดาวเตะวัย 21 ปีตะบันไป 5 ประตูจาก 11 เกมในทุกรายการ โดยซัดไป 3 ประตูในลีกฤดูกาลนี้ ฉะนั้น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงจะส่งเขาลงไปเล่นเกมรุก โดยความรวดเร็วและความคล่องตัวของเขาคงทำให้แผงหลังเจ้าบ้านต้องปั่นป่วนแน่นอน 

     สถิติของ โฟเด้น ไม่ธรรมดาโดยเขาเกี่ยวข้องกับ 14 ประตูจาก 16 แมตช์เกมเยือนในพรีเมียร์ลีกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (11 ประตู, 3 แอสซิสต์)  ฉะนั้นในการบุกถิ่น "โรงละครแห่งความฝัน" แนวรุกทีมชาติอังกฤษ พร้อมระเบิดผลงานขั้นเทพของเขาใส่คู่อริร่วมเมืองแน่นอน

     สำหรับผู้เล่นอีกรายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีๆ ก็คือ แจ็ค กรีลิช เพราะเทคนิคที่แผ่วพราว และการผ่านบอลที่เฉียบคม คงจะเป็นอีกจุดที่จะทำให้พวกเขาเจาะแนวรับของ "ปีศาจแดง" ได้
 

4. โซลชา มักทำได้ดีเมื่อดวลกับ เป๊ป

     เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือสมองเพชร หลังจากนำทีมที่เขากุมบังเหียนไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค และ แมนฯ ซิตี้ ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ทุกครั้งในการดวลกึ๋นกับ โซลชา ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ มักจะได้ผลการแข่งขันที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่

     นายใหญ่ชาวนอร์เวย์ นำทัพ "เร้ด เดวิลส์" ปะทะกับ แมนฯ ซิตี้ ยุคของ เป๊ป มาแล้ว 8 ครั้งในทุกรายการและเป็น "น้าลูกอม" ที่สามารถเอาชนะได้ถึง 4 เกม ด้วยผลงานแบบนี้ทำให้ กุนซือชาวสแปนิช ต้องวางแผนการเล่นให้ดีกว่าเดิมหากไม่อยากเพิ่มสถิติแพ้อีกแมตช์

     จะว่าไปแล้วทุกครั้งที่ กวาร์ดิโอล่า นำลูกทีมปะทะกับ "ปีศาจแดง" ภายใต้การกุมบังเหียนของ โซลชา พวกเขามักจะมีสถิติครองเกมได้เหนือกว่า แต่จังหวะสุดท้ายกลับกลายเป็น แมนฯ ยูฯ ที่เฉียบคมมากกว่า

     ที่สำคัญด้วยขุมกำลังของเจ้าบ้านในเวลานี้มีผู้เล่นสายสปีดอยู่เต็มที่ซึ่งมันเหมาะกับแท็กติกของ โซลชา เวลานำทีมพบทีมใหญ่ โดยจะเน้นการเล่นที่รัดกุมและรอจังหวะสวนกลับ แถมได้ผลเป็นประจำเมื่อดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ซะด้วย 
 

5. ชนะเก้าอี้แข็งแพ้เตรียมกระเด็น

     แม้ว่าในเวลานี้ โซลชา ยังคงอยู่ในสถานการณ์เก้าอี้ร้อน เพราะต่อให้ทีมกำลังกลับมาทำผลงานได้ดีด้วยการเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และบุกเสมอ อตาลันต้า แต่ฟอร์มโดยรวมก็ยังไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก

     ในเกมกับ สเปอร์ส หากพูดกันตามเนื้อผ้า ผลงานของ "ไก่เดือยทอง" ค่อนข้างหน้าผิดหวังเพราะมีโอกาสในการเข้าทำแต่ไร้ประสิทธิภาพจนไม่ใช่เรื่องแปลกที่ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต จะโดนสั่งปลดกลางอากาศ

     ส่วนแมตช์เยือน อตาลันต้า ฟอร์มของพวกเขาก็ยังคงลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ได้มีอะไรที่ดูอันตราย และถ้าไม่ได้ความสุดยอดของ โรนัลโด้ ป่านนี้ โซลชา คงต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอีกครั้งแน่นอน

     ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "น้าลูกอม" จะยังคงตกเป็นประเด็นโดนเด้งหากเขานำทีมแพ้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ และถ้าแพ้แบบหมดรูปเหมือนเกม "แดงเดือด" ที่โดน ลิเวอร์พูล บุกมาสอนบอลคาบ้าน งานนี้มนต์ขลัง "เซฟโอเล่" คงสิ้นฤทธ์แน่นอน

     อย่างไรก็ตามหาก โซลชา สามารถเอาชนะ "เพื่อนบ้านน่ารำคญ" ได้ไม่ว่าจะมีฟอร์มสวยหรูหรือไม่ก็ตาม งานนี้อนาคตในการกุมบังเหียนทีมรักของเขาคงยืนยาวต่อไปอย่างน้อยๆ ก็จนถึงสิ้นปีนี้

     อย่าลืมว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ โซลชา ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เขามักจะระเบิดพลังแฝงเซฟเก้าอี้ตัวเองได้เสมอ และวัฎจักร "วนลูป" จะเกิดขึ้นอีกครั้ง !!!