ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กำลังตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าจ่อย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ ไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า
    
และเท่าที่ผ่านมาก็เคยมีดาวเตะจากเกาะอังกฤษลงเล่นให้กับทีมดังของ ลา ลีกา มาก่อนเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร

นั่นเป็นเพราะจากประวัติศาสตร์สโมสร 121 ปี บาร์ซ่า เน้นเซ็นสัญญากับสตาร์นามกระเดื่องมาร่วมชายคาเท่านั้น และมีขุนพลจากบริเตนแค่สามรายที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในถิ่น คัมป์นู

หากว่า สเตอร์ลิ่ง จะอำลา เรือใบสีฟ้า ไปเป็นลูกทีมของ ชาบี จริง เขาก็จะเป็นนักเตะบริติชรายที่สี่ที่ลงเล่นให้กับยอดสโมสรแห่งกาตาลันตามรอยเท้าอดีตดาวเตะดังต่อไปนี้

- สตีฟ อาร์ชิบัลด์

อาร์ชิบัลด์ สร้างชื่อเป็นผู้เล่นบริติชรายแรกที่ลงเล่นให้กับ บาร์ซ่า โดยย้ายมาจาก สเปอร์ส ในราคา 1.15 ล้านปอนด์เมื่อปี 1984

ในฐานะหัวหอกทีมชาติสกอตแลนด์ซึ่งผ่านการติดธงไปทั้งสิ้น 27 ครั้งระหว่างยุค 80 เขาพา บาร์ซ่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ย้ายมาหากินในลีกกระทิงดุ และเป็นสมาชิกของสโมสรที่ผ่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1986 อีกด้วย

อย่างไรก็ดี หลังจาก บาร์ซ่า พ่ายต่อ สเตอัว บูคาเรสต์ ในเกมชิงถ้วยหูใหญ่ตามกฏจำกัดจำนวนผู้เล่นต่างชาติ เขาจึงถูกโละออกจากทีมเพื่อเปิดทางให้ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ นายใหญ่ชาวอังกฤษเลือกใช้งานสองกองหน้าจากบริเตนเช่นกันแทน

อาร์ชิบัลด์ อำลา บาร์ซ่า ไปเล่นให้ แบล็คเบิร์น แบบยืมตัวก่อนเซ็นสัญญากับ ฮิเบอร์เนี่ยน อย่างถาวรในปี 1988 แม้กระนั้นปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังพำนักอยู่ในเมืองบาร์เซโลน่า

"การได้แชมป์ลีกสุดยอดมาก" อาร์ชิบัลด์ ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2021

"มันต้องใช้เวลาเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองนานถึงห้าชั่วโมง มีผู้คนมารอต้อนรับพวกเรานับล้าน"

"เกมชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ ที่เซบีย่าเป็นเรื่องที่ผมเสียใจที่สุด มันควรเป็นประวัติศาสตร์ แต่มันกลายเป็นความปวดร้าว ทุกสิ่งพังทลายลงไป"

"คุณไม่อาจจินตนาการความเจ็บปวดได้เมื่อคุณแพ้ในนัดชิงชนะเลิศถ้วย ยูโรเปี้ยน คัพ มันฝังอยู่ในใจเราไปตลอด"

 - แกรี่ ลินิเกอร์

ชื่อเสียงของ ลินิเกอร์ โด่งดังคับฟ้าหลังเจ้าตัวคว้ารางวัลรองเท้าทองคำในศึกฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก และมันทำให้ บาร์ซ่า คว้ากองหน้าทีมชาติอังกฤษมาร่วมชายคาในราคา 2.8 ล้านปอนด์ทันทีหลังจบทัวร์นาเมนต์

"มร.ไนซ์กาย" เปิดตัวกับสโมสรใหม่ได้สวยด้วยการกดสองเม็ดในเกมบู๊กับ ราซิ่ง ซานตานเดร์ และปิดฉากซีซั่นแรกด้วยผลงาน 21 ประตูซึ่งมีแฮททริครวมอยู่ด้วยในเกม เอล กลาซิโก้ ฉะกับ เรอัล มาดริด

อย่างไรก็ดี โยฮัน ครัฟฟ์ เจ้านายคนใหม่ที่เข้ามากุมบังเหียนแทน เวนาเบิ้ลส์ ดร็อป ลินิเกอร์ ออกจากโผ 11 คนแรก และส่งเขาลงเล่นเป็นปีกขวามากกว่าจนทำให้เขาย้ายกลับบ้านเกิดมาร่วมทีม สเปอร์ส ในปี 1989

"ครัฟฟ์ ไม่ต้องการผม" ลินิเกอร์ เผยเมื่อปี 2021
 
"เขาใช้ผมเล่นเป็นปีกขวา ดังนั้นผมจึงหงุดหงิด และผมขอย้ายทีมในที่สุด"

"ตอนนั้นคุณสามารถมีนักเตะต่างชาติได้แค่สองราย และเขาต้องการนักเตะของเขาเอง ผมเข้าใจดี และยอมรับได้ ผมไม่มีอีโก้ แต่เขาไม่กล้าบอกผมตรงๆ"

"ผมอยากจะบอกกับเขาว่า "โยฮัน ผมรักที่จะเล่นให้กับคุณ คุณคืออัจฉริยะ แต่ถ้าคุณไม่ต้องการผมก็ทำเรื่องให้ผมย้ายทีมเลย"

"ระบบของเขาเข้าทางผม กองหน้าไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเขตโทษ มันเป็นเกมของผม! ให้ผมลงเล่นได้เลย! แต่เขาไม่ต้องการมอบโอกาสให้ผม"

"ผมได้แต่ฝืนเล่น บอกตามตรงทุกคนสามารถเล่นเป็นปีกได้ มันง่ายมาก แต่ไม่นานเท่าไหร่เขาก็ถอดผมออก ผมไม่เข้าใจจริงๆ"

 - มาร์ค ฮิวจ์ส

"สปาร์กี้" ย้ายมาที่ บาร์ซ่า ในซัมเมอร์เดียวกับ ลินิเกอร์ แต่ถัดมาศูนย์หน้าทีมชาติเวลส์ก็เผยว่าไม่ได้นึกอยากอำลา แมนฯ ยูไนเต็ด เลยแม้แต่น้อย

"มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่าบางทีการเล่นให้กับสโมสรต่างแดนมันเป็นเพราะเรื่องเงินเท่านั้น" ฮิวจ์ส เผย

"ในยุคนั้น ลีกอิตาลีใหญ่ไม่แพ้สเปนซึ่งมีทีมอย่าง เรอัล มาดริด  และ บาร์ซ่า และเอเยนต์ก็ทำให้มันเกิดขึ้น"

"ผมพยายามเล่นตามเกมของผม ผมมีความสุข ผมเป็นกองหน้าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด และผมลงเล่นสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าต่อหน้าฝูงชน 40,000 คน"

"ผมมีช่วงเวลาที่ดี ผมไม่จำเป็นต้องย้ายไปไหน"

สุดท้ายแล้ว ฮิวจ์ส ค้าเกือกใน ลา ลีกา แค่ซีซั่นเดียว และยิงได้ 5 ประตูจาก 36 นัดก่อนถูกขายให้ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 1987