ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » หงส์ขึ้นรองฝูง! "โชต้า" เหมาสองลิเวอร์พูลยำเซาธ์แฮมป์ตันจี้เชลซีแต้มเดียว

หงส์ขึ้นรองฝูง! "โชต้า" เหมาสองลิเวอร์พูลยำเซาธ์แฮมป์ตันจี้เชลซีแต้มเดียว

Posted 28/11/2021 by siamsport

"หงส์แดง" ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำผลงานได้ตามเป้าหลังเปิดบ้านยำ "นักบุญ" 4-0 จากผลงานของ ดิโอโก้ โชต้า เหมาสองประตูพาทีมเก็บเพิ่มเป็น 28 คะแนนจี้ สิงห์บลูส์ จ่าฝูงแต้มเดียวแต่แข่งมากกว่า 1 นัด ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
สนาม : แอนฟิลด์

    ลิเวอร์พูล หวังสามแต้มเพื่อบี้จ่าฝูงต่อไป และมีข่าวดีเมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟิตคืนทัพตัวจริง ขณะที่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่ และ ดีโอโก้ โชต้า ที่ได้พักมิดวีก ต่างกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงอีกครั้งในการเปิด แอนฟิลด์ รับแข้ง เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งปรับมาเล่นระบบสามเซ็นเตอร์แบ็ก

    ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้แค่นาทีกว่า หงส์แดงทะยานนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่เริ่มจากการประสานงานด้านซ้ายอย่างสุดสวยเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ แทงให้ โรเบิร์ตสัน ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษสุดเส้นหลัง ก่อนตบเข้ากลางให้ โชต้า แหย่เท้าชาร์จง่ายๆ ไม่เหลือซาก

    เจ้าบ้านยังเดินหน้าลุย นาทีที่ 5 โรเบิร์ตสัน หลุดขึ้นทางซ้ายแล้วบรรจงหยอดเข้ากลางเลยไปถึง มาเน่ ที่เทกตัวสะบัดโหม่งหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ เบดนาเร็ค ของนักบุญจะโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมจากการเข้าอัด มาเน่ และจากฟรีคิกเยื้องมาทางซ้าย โรเบิร์ตสัน เปิดโค้งให้ มาเน่ กระโดดโหม่งลงพื้นตุงตาข่าย อย่างไรก็ตาม อดีตดาวยิงเซาธ์แฮมป์ตันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อน

    โม ซาล่าห์ หวิดแผลงฤทธิ์เมื่อได้วางเท้าปั่นทางด้านขวาหลุดกรอบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ผ่าน 20 นาทีแรก เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ลุ้นบ้างเมื่อ โบรย่า วิ่งเบียดมากับ โกนาเต้ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษเจ้าบ้าน ทว่า อลีสซง อ่านขาดออกมาบล็อกได้ทัน

    กระทั่งนาทีที่ 32 เสียงเชียร์กระหึ่ม แอนฟิลด์ อีกครั้งเมื่อ เฮนเดอร์สัน แทงให้ ซาลาห์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วตบเข้ากลางให้ โชต้า ทิ่มง่ายๆ ส่ง ลิเวอร์พูล ทะยาน 2-0 พร้อมกับที่เจ้าตัวมีลุ้นแฮตทริก

    นาทีที่ 38 สกอร์ไหลแล้ว หลัง เช อดัมส์ โหม่งสกัดเข้าทาง ติอาโก้ ที่วิ่งสอดขึ้นมาจับแล้วแต่งอย่างเนียนและตะบันเต็มเท้าเสียบมุมสุดเฉียบขาดให้ เร้ด แมชีน หนีห่าง 3-0 ถือเป็นการทะลวงตาข่ายได้สองนัดติดของมิดฟิลด์เลือดกระทิงดุ

    ท้ายครึ่งแรก นักบุญพยายามฮึด ลิฟราเมนโต้ เปิดจากขวาให้ อาร์มสตรอง กดเรียดหวังให้เสียบมุม ทว่า อลีสซง ยังหนึบพุ่งปัดทิ้งได้อย่างยอดเยี่ยม จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำห่างถึง 3-0
 
     นาทีที่ 52 ลิเวอร์พูล เร่งเครื่องไม่หยุด เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ สอดขึ้นมาเก็บบอลหน้ากรอบ 18 หลาก่อนดีดออกซ้ายให้ ซาดิโอ มาเน่  โยกตัดเข้าในปั่นด้วยขวาหวิดเสียบใต้คานติดเซฟ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่
 
    จากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมทางฝั่งขวา "หงส์แดง" หนีเป็น 4-0 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นบอลโค้งมาหน้ากรอบ 6  หลาถึง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ สลัดตัวประกบตวัดตามน้ำติดปลายมือ อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ แต่ยังดีพอเป็นประตู

    นาทีที่ 54 "หงส์แดง" หวิดตีไข่แตก จากจังหวะสวนกลับ อดัม อาร์มสตรอง ขยับมาเก็บบอลในเขตโทษซัดจังหวะแรกติด อิบราฮิมา โกนาเต้ เด้งมาเข้าทางซ้ำอีกทีก็ยังไม่ผ่าน อลีสซง เบ็คเกอร์

    ต่อมานาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสปิดกล่องจากบอลทางซ้ายของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ครอสบอลโค้งเข้ากรอบ 6 หลาถึง ดิโอโก้ โชต้า สอดมาชาร์จปลิ้นออกหลังอย่างน่าเสียดาย

    10 นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่น ยังคงทำได้ดีกว่าคราวนี้เป็น อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน สอดมาตรงกลางรับบอลจาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซัดตามน้ำเสียดายตรงตัว อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่

    หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล 4 เซาธ์แฮมป์ตัน 0
 
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
(เจมส์ มิลเนอร์ น.67), ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัลกันตาร่า (อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน น.59) - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า (ทาคุมิ มินามิโนะ น.81), ซาดิโอ มาเน่

ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์  

    เซาธ์แฮมป์ตัน (3-4-3) : อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ - ยาน เบดนาเร็ค (นาธาน เรดมอนด์ น.46), ลียานโก้, โมฮาเหม็ด ซาลิซู - วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้, เจมส์ วอร์ด-เพร้าส์, โอริโอล โรเมว, โรแม็ง แปร์โรด์ (ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส  น.88) - อาร์มันโด้ โบรย่า, อดัม อาร์มสตรอง,  เช อดัมส์ (นาธาน เทลล่าน.46)

ผู้จัดการทีม : ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิ่ล

ผู้ตัดสิน : อังเดร มาร์ริเนอร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »