เอ่ยชื่อน้าเน็ก เรียกว่าคนไทยหลายสิบล้านคนต้องรู้จัก เพราะเขาคือพิธีกรมุขแสบคันที่สุดคนหนึ่งในประเทศ และเรียกว่าเป็นพิธีกร ตลกฮาเกินกว่าใครจะรับไหว

สำหรับน้าเนคแล้วอีกมุมหนึ่งเขาคือเพื่อนๆ ที่น่ารักของคนในแวดวงสื่อ ไม่เคยละทิ้งเพื่อนแม้จะยากจนข้นแค้น ผู้เขียนในฐานะเพื่อนขอยากชื่อเขาไว้คนหนึ่งว่า เขาคือตัวตนและนิยามของคำว่าเพื่อนที่เดินได้ เรียกว่ามีน้ำใจงดงามตามธรรมเนียมอันดีที่แฟนคลับของหลายคนอาจจะไม่รู้ สำหรับน้าเนคเมื่อมีงานการอะไร ทุกคนยินดีช่วย ล่าสุดก็เดี่ยวโมโครโฟน ถือว่ากลับมาอีกครั้งหลังหยุดไปนานกว่า4-5ปี เชียร์ๆ กันให้สนุก ฮาๆ กันให้กลิ้งครับ

 

โชว์เดี่ยว ของน้าเนค หนนี้มีดีอย่างไร แตกต่างจากโชว์เดียวคนอื่นหรือไม่อย่างไร

เดี่ยวไมโครโฟนครั้งนี้เป็นการกลับมาทำเดี่ยวฯในรอบสี่ปี (ล่าสุด 2549) และเป็นเดี่ยวฯ ครั้งที่สี่พอดี หนนี้มีดีตรงที่สถานะการณ์บ้านเมืองในปีนี้ค่อนข้างจะเครียด

ถ้ามีการแสดงที่สนุกสนานให้คนได้ดูเป็นการผ่อนคลายก็น่าจะดี ประกอบกับเรื่องราวในสังคมตอนนี้มีประเด็นให้พูดถึง จิกกัด แซว มากมาย ซึ่งนั่นก็คือสไตล์และความแตกต่างของผมกับงานเดี่ยวฯของคนอื่น 

น้าเนคสรรหามุขตลกๆ นี้มาจากไหน จากข่าว ประสบการณ์จริง

มุขต่าง ๆ ล้วนมาจากชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการประสบพบเจอด้วยตัวเอง พบเห็นจากข่าวสารในสื่อต่าง ๆ หรือเกิดจากการคิดต่อยอดผูกเรื่องขึ้นมาใหม่ อย่างเช่น ไปกินร้านอาหารตามสั่ง อยากกินไข่เจียวแหนม ซึ่งในเมนูไม่มี เด็กเสิร์ฟบอกไม่มีเมนูนี้ แต่มียำแหนม มีไข่เจียว เราก็บอกว่าเอาแหนมมาใส่ใข่เจียวสิ มันก็บอกว่าไม่มีในเมนู เฮ๊ย..มันยากตรงไหนวะ เรื่องราวอะไรแบบนี้ก็สามารถเอามาเล่าได้เป็นต้น

ตอนไหนที่รู้สึกว่าดังและยอมรับว่าอาชีพพิธีกรนี่เป็นอาชีพที่ตัวเองยึดทำมาหากินได้

การการเป็นคนทำเบื้องหลังรายการโทรทัศน์ที่แกรมมี่ เราก็ตั้งข้อสังเกตุว่าอาชีพพิธีกรนั้นมีความพิเศษตรงที่ไม่ได้ต้องใช้หน้าตาที่สวยหล่อในการทำงาน ประกอบกับคุณสมบัติในตัวที่พอจะทำงานตรงนี้ได้ พอได้มีโอกาสเข้ามาทำก็พยายามพัฒนาตนเองมาเรื่อย ๆ จนเป็นที่ยอมรับของคนดู จนผ่านเวลามาถึงทุกวันนี้

เหล่าที่มาของจุดกำเนิดโชว์เดี่ยวหน่อย แรงบันดาลใจ เห็นว่าได้มาจากพ่อ

ความสามารถในการพูดนั้นเป็นกรรมพันธ์โดยตรงมาจากพ่อ ประกอบกับพ่อฝึกนิสัยให้เป็นคนรักการอ่าน ซึ่งนั่นเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของนักพูดที่ดี คือต้องมีข้อมูลที่มากพอก็เลยถือได้ว่าพ่อเป็นคนที่ปลูกฝังความสามารถนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ

เล่าเรื่องที่มาของการเสื้อผ้า หน้าผมหน่อย  วางคอนเซปต์อย่างไร มีกี่ชุด ตัดร้านไหน

ด้วยพื้นฐานของคนที่โตมาจากค่ายเทป ก็เลยเห็นถึงความสำคัญของลุค โดยเฉพาะเสื้อผ้าหน้าผมนั้นเป็นสิ่งบ่งบอกถึงตัวตนของเรา คอนเซปต์ในแต่ละช่วงก็จะเปลี่ยนไปตามความชอบในช่วงนั้น ๆ โดยไม่ได้อิงกระแสรอบข้างอะไรใด ๆ ความตั้งใจล่าสุดในเรื่องของเสื้อผ้าว่าจะเปลี่ยนทุก ๆ ปี ปีละสไตล์ ส่วนการตัด และจัดหาก็จะปรึกษาคอสตูมตามรายการต่าง ๆ ที่ได้ร่วมงานด้วย ซึ่งก็ได้มาจากหลาย ๆ ร้าน หลาย ๆ แบรนด์ แต่โดยส่วนใหญ่จะออกแบบเอง และสั่งตัดซะมากกว่า

เล่าประสบการณ์ไม่ขำขันหน่อยดิ หลังเวที หรือเจอคนไม่รับมุข แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร

ครั้งนึงนานมาแล้วไปทำงานเลี้ยงสื่อมวลชนให้กับสหมงคลฟิล์ม วันนั้นเสี่ยเจียงอาจจะยังไม่รู้จักว่าไอ้หนวดนี่เป็นใคร มาถึงตอนแจกของรางวัล เสี่ยก็จับฉลากแจกทีวี ไอ้เราก็เล่นมุขไปว่า "เอ้า คนที่ได้ไปก็ไปผ่อนต่อกับอิออนด้วยนะครับ เท่านี้แหละเสี่ยเจียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และด่ายาว "เฮ๊ย..ย..ย คนอย่างกูให้แล้วให้เลยโว๊ย"จากนั้นไม่ว่าจะเล่นมุขอะไรทำนองนี้จะมีเสียงด่าของเสี่ยตามมาเป็นระยะ ๆ จนเราเห็นท่าไม่ดี เผอิญลูก ๆ ของเสี่ยก็เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ไม่เช่นนั้นอาจโดนลูกน้องเสี่ยกระทืบ
กลางงานไปแล้ว เฮ้อ..อ..อ..อ

ทำไมไม่เล่นหนัง ละครบ้าง ทำตัวหยิ่งหรือไงจ๊ะ

อู๊ย..ย..ย..ยไม่ได้หยิ่งเลย เรียกว่าประมาณตนจะดีกว่า ยอบรับตามตรงความสามารถในการแสดงต่ำมากจนเรียกว่าไม่มีเลยดีกว่า และไอ้การที่จะไปเอาเงินชาวบ้านเค้าทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มั่นใจในความสามารถของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่กระดากใจจริง ๆ ล่ะคร๊าบบบ

รายการทีวีที่ทำทั้งหมดตอนนี้ มีอะไรบ้าง อัพเดทหน่อย แล้วรายการของตัวเองจริงๆ มีไร อนาคตอยากทำรายการแบบไหน หรืออยากทำสถานีโทรทัศน์เอง 555

ช่อง 3 เปรี้ยวปาก / รู้จิงป่ะ
ช่อง 5 เกมวัดดวง / สะบัดช่อ (เร็ว ๆ นี้จะมีรายการทางช่อง 5 ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ประมาณปลายปี)
ช่อง 7 ฮัลโหลวันหยุด
ช่อง 9 เดอะ ฮันท์
และประมาณต้นปีจะมีรายการแข่งขันประกวดความสามารถ (ยังไม่แน่ใจว่าช่องอะไร)
ส่วนการเป็นเจ้าของรายการโทรทัศน์นั้นเป็นความฝันของพิธีกรทุกคนล่ะครับ แต่บอกตามตรงสิ่งที่น่าวิตกก็คือความมั่นคงของสถานีโทรทัศน์นี่ล่ะครับหากลงทุนไปเยอะ ๆ วันดีคืนดีช่องไม่มีอารมณ์ให้เราอยู่นอกจากจะตกงานแล้วยังต้องเจ็บตัวอีกต่างหาก เจอมาบ่อยซะด้วย

เล่าเรื่องหนังสือที่เขียนเองหน่อย มีท้ังหมดกี่เล่ม จะมีอีกไหม

ล่าสุดมีพ๊อคเก็คบุ๊คกับสำนักพิมพ์อะบุ๊ค (ในเครืออะเดย์) 7 เล่ม วางแผนว่าหลังเสร็จเดี่ยวไมโครโฟนครั้งนี้ก็จะมีหนังสือบันทึกการแสดงสดออกมาอีก 1 เล่ม และประมาณต้นปีอยากจะมีพ๊อคเก็ตบุ๊คอีกซัก 1 เล่ม ตอนนี้อยู่ในช่วงของการวางเค้าโครงอยู่ครับ

ตอนนี้ยอมรับไหมว่าเป็นมืออาชีพ ด้าน พิธีกร ขอให้ นิยาม คำว่า น้าเนค ให้ฟังหน่อย ว่าคุณคือไร

อาชีพพิธีกรเป็นอาชีพหลักของผม และผมก็มั่นใจในสไตล์และความแตกต่างของตัวเอง ส่วนคำว่ามืออาชีพ นั้นก็น่าจะหมายถึง ความซื่อสัตย์ที่มีต่องานของตัวเองระเบียบวินัยในการทำงาน การเอาจริงเอาจัง และพัฒนาฝีมือในการทำงานอยู่เสมอ ซึ่งคุณสมบัติในข้อดังกล่าว ผมมั่นใจในตัวเองร้อยเปอร์เซนต์นะส่วนนิยามก็น่าจะเป็นสโลแกนที่มีคนตั้งให้ว่า พิธีกรปากหมา หน้าตี๋ ชาติตระกูลดี ผมสี มีหนวด...ยาวไปป่ะ

อยากพูดอยากเขียนไรก็บอกว่า แนะนำร้านของญาติๆ

ณ.ตอนนี้ก็คงจะฝากเรื่อง "เดอะเน็กเค็ดโชว์#4 ตอน "ซะอย่างงั้น" นี่ล่ะครับ 29-31 ต.ค. โรงละครอักษราเธียร์เตอร์ คิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ จองบัตรที่ www.thaiticketmajor.com ครับ

ไอดอล ลืมไป น้าเนคมีใครเป็นไอดอล อย่าบอกว่า พ่อนะ เบื่อมากคำตอบแบบนี้้

จริง ๆ แล้วไอดอลของผมก็คือพ่อนี่แหละ แต่ถ้าเบื่อคำตอบแบบนี้ เอาเป็น...เอ่อ...ลุงปื๊ดมั๊ย แกปิ้งหมูปิ้งแถว ๆ ห้าแยกวัชรพล ชอบแก เพราะหมูปิ้งแกอร่อย เลยเห็นแกเป็นไอดอล!