"เสี่ยนพ" อรรณนพ สิงห์โตทอง ยันเองเลิกคิดนำโค้ชต่างชาติเข้ามาทำทีม ยังคงวางใจให้ "เซอร์เด็ด" จเด็จ มีลาภ กุนซือใหญ่คุมทัพต่อไปในฤดูกาลหน้า โดยจะทุ่มงบทำทีมให้มากกว่าเดิมจาก 40 เป็น 60 ล้านบาท ยอมรับฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จเพราะประเมินการต่อสู้โดยเฉพาะเรื่องงบผิดพลาด ส่วนตัวเก๋าโดยเฉพาะ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ยังคงอยู่ร่วมทัพเป็นหัวใจหลักในแดนกลางต่อ

       ได้ข้อสรุปแน่นอนแล้วสำหรับกุนซือใหญ่ของทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ในฤดูกาลหน้าที่ทีมจะยังคงไว้วางใจให้ "เซอร์เด็ด" จเด็จ มีลาภ กุนซือทีมฉลามชล คุมทัพต่อไปตามเดิม หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทีมจะใช้บริการกุนซือคนใหม่เป็นชาวต่างชาติ
         โดยเรื่องนี้ "เสี่ยนพ" อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมชลบุรี กล่าวว่า " เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเราจะมอบหมายให้ จเด็จ มีลาภ รับหน้าที่เป็นกุนซือใหญ่ต่อไปตามเดิม หลังจากก่อนหน้านี้เราคิดจะเปลี่ยนไปใช้โค้ชต่างชาติ แต่คงจะล้มเลิกแนวคิดดังกล่าวแล้ว เพราะเดิมเราอยากได้ ทาเคชิ โอกาดะ เข้ามาคุมทัพ แต่แผนดังกล่าวต้องเลิกไป เพราะโอกาดะ ปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับเรา ความจริงแล้วปีที่ผ่านมาที่เราได้แค่อันดับ 3 นั้นไม่ถือว่าความผิดเป็นของตัวโค้ช แต่เป็นความผิดพลาดในการประเมินการต่อสู้ของเราเองที่ทุ่มงบน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับทีมที่ได้อันดับ 1 และ 2 ทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ" 

ทุ่ม 60 ล. ปรับเงินเดือนไม่ปล่อยนักเตะ

      "เสี่ยนพ" กล่าวต่ออีกว่า "ความจริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เราไม่ได้แชมป์ หรือรองแชมป์อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ความผิดของทีมงานโค้ช แต่เป็นเพราะเราเองวิเคราะห์ผิดเรื่องการบริหารจัดการทีม หากเทียบงบของเรากับ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ และรองแชมป์อย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ แล้วงบเราน้อยกว่า 2 ทีมที่ทุ่มถึง ทีมละ ราว 100 ล้านบาท แต่ผลงานเราก็ดีกว่า บางกอกกล๊าส ที่ใช้งบไปราว 60 ล้านบาท แต่ได้แค่อันดับ 5 เท่านั้น ขณะที่เราเองใช้ไปแค่ 40 ล้านบาท แต่ได้อันดับ 3 ซึ่งเราประเมินกันแล้วว่าหากปีหน้าเราทำขนาดทีมให้ใหญ่กว่าเดิม และเพิ่มงบทำทีมเราน่าจะมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จด้วยการได้แชมป์ได้เหมือนเดิม โดยปีหน้าจะใช้งบราว 60 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยงซ้อม, โบนัสเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักเตะให้มากกว่าเดิม ปีที่ผ่านมานักเตะเราอาจจะเล่นแบบไร้แรงจูงใจกันไปหน่อย แต่ปีหน้าเชื่อว่าทุกคนจะมีความสุขมากขึ้นในการร่วมทัพกับทีมชลบุรี เอฟซี โดยผมยืนยันได้เลยว่าทีมไม่มีแผนปล่อยนักเตะรายใดออกจากทีมแน่นอน มีแต่จะหาเข้ามาเสริมทัพเพิ่มอีก หากไม่เป็นจากชุดเยาวชนก็จะดึงมาจากทีมอื่นๆ"     

เทิดศักดิ์ ยังอยู่,รังเหย้าใช้ ชลบุรี สเตเดี้ยม

       ผู้จัดการทีมฉลามชล กล่าวต่อว่า สำหรับนักเตะที่เป็นกำลังสำคัญของทีมอย่าง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่แม้จะอายุมีเลข 3 นำหน้าไปแล้วแต่ฝีเท้ายังยอดเยี่ยมแม้จะเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บบ้างก็ตาม แต่นักเตะรายนี้ก็จะยังอยู่ร่วมกับทีมชลบุรี ต่อไป ส่วนเรื่องสนามนั้น สำหรับสนามเหย้าในปีหน้าทีมชลบุรี จะเปลี่ยนจากสนามสถาบันการพลศึกษา จ.ชลบุรี ไปใช้สนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม หรือ สนาม อบจ.ชลบุรี เป็นสนามเหย้า โดยสนามดังกล่าวจุได้ราว 6 พัน ซึ่ง "เสี่ยนพ" บอกว่าไม่มีปัญหาแม้จะจุได้น้อยก็ตามเพราะค่าเฉลี่ยแฟนบอลของชลบุรี หากไม่ใช่แมตช์ใหญ่จะอยู่ที่ราว 5 พันคนต่อนัดเท่านั้น

ไม่ซีเรียสหากแห้วเตะเอเอฟซี คัพ

       ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ชลบุรี จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนของไทยไปเล่น เอเอฟซี คัพ ในปีหน้าแน่นอน หลังจากได้เข้าชิงฟุตบอลถ้วย มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ กับทีม เมืองทองฯ ที่ได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าทีมเมืองทองฯ จะเลือกเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นถ้วยใหญ่ "เสี่ยนพ" ออกมาให้ข่าวก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยมาจากผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลฯ ว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด เพราะที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลฯ ได้ส่งทีมแชมป์ และรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ลงทะเบียนให้กับ เอเอฟซี ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยของเอเชียที่อยู่ในความดูแลของ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย จะมีก็แค่ปี 53 นี้ที่ทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ในฐานะแชมป์ไทยคม เอฟเอ คัพปีก่อนที่ได้สิทธิ์แข่งเอเอฟซีคั พ นั่นหมายถึงชลบุรี ต้องคว้าแชมป์ไทยคม ปีนี้ให้ได้ด้วยการชนะเมืองทองฯ เท่านั้นถึงจะได้สิทธิ์แข่ง เอเอฟซี คัพ ปี 2011 ไปโดยอัตโนมัติ หากได้แค่รองแชมป์สิทธิ์เล่น เอเอฟซี คัพ จะยังคงเป็น ของ บุรีรัมย์ พีอีเอ รองแชมป์ไทยลีกตามเดิม เพราะที่ผ่านมาสมัยยังไม่มีถ้วย ไทยคม เอฟเอ คัพนั้นไทยได้ส่ง 2 ทีมคือ แชมป์ และรองแชมป์ฟุตบอลไทยลีกให้ เอเอฟซี มาตลอด

       เรื่องนี้ "เสี่ยนพ" กล่าวว่า "จากที่ได้คุยกับ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ก่อนหน้านี้ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก บอกว่า ชลบุรี จะได้เล่น เอเอฟซี คัพ แม้นัดชิงไทยคม จะแพ้ให้กับ เมืองทองฯ ก็ตาม แต่หลังจากนั้น ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ได้แจ้งว่ามีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ได้ซีเรียส แล้วแต่การตัดสินใจของสมาคมฟุตบอลฯ แต่ผมว่า บ.ไทยพรีเมียร์ลีก และสมาคมฟุตบอลฯ ต้องตอบคำถามกับสังคม และแฟนบอลให้ได้ ที่ผ่านมา บ.ไทยพรีเมียร์ลีก, สมาคม ก็หาคำว่ามาตรฐานไม่เจออยู่แล้ว เพราะพร้อมจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา ทีมเราจะไม่ตีโพยตีพายเป็นอันขาด ได้เล่นก็เล่น ไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไร เราจะพยายามคว้าแชมป์ไทยคม เพื่อการันตี สิทธิ์ไปเล่น เอเอฟซี คัพ ในปีหน้าให้ได้"