ราชนาวีสโมสร กับ บ.ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด ส่อเค้าจะแยกทางกัน ทำนักเตะงานเข้า โดยไม่ได้รับค่าเหนื่อยถึง 2 เดือน แถมทวงถามเงินส่วนแบ่งจากบอลถ้วย 2 รายการ ที่เข้าได้ถึงรอบรองฯ ทั้ง เอฟเอคัพ และ ลีก คัพ อีกราว 5 แสนกว่าบาท หลายรายเจอปัญหาไม่มีเงินผ่อนบ้าน, รถ แถมนักเตะตัวหลักเตรียมเผ่นหนีจากทีมกันอื้อซ่า หากผู้ใหญ่ 2 ฝั่งเคลียร์กันไม่รู้เรื่อง "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาฯ บอลไทย เตรียมเรียกทั้ง 2 ฝ่ายหย่าศึก 15 ธ.ค. 53 นี้

       สำหรับปัญหาความขัดแย้งกันในทีม ราชนาวี-ระยอง ระหว่าง กลุ่มทหารเรือ ยังไม่รู้ว่าจะจบ โดย ราชนาวีสโมสร กับกลุ่ม บ.ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด ที่ถือสิทธิ์การบริหารทีมอย่างชอบธรรม จาก บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ในฐานะผู้กำกับดูแลจัดการแข่งขันสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 

        โดยความขัดแย้งเกิดขึ้น เนื่องจากราชนาวีสโมสร จะตัดความสัมพันธ์ โดยจะนำบริษัทใหม่เข้ามาบริหารจัดการทีมแทน บ.ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด จนถึงท้าจะฟ้องร้องกันถึงโรงถึงศาล ตามที่ นสพ.สยามกีฬา เคยนำเสนอข่าวมาโดยตลอดก่อนหน้านี้

         ล่าสุดความขัดแย้งกันดังกล่าวส่งผลกระทบต่อนักเตะในทีมครั้งใหญ่ เนื่องจากทำให้นักเตะไม่ได้รับเงินเดือนมาเกือบ 2 เดือนเต็มแล้ว อีกทั้งเงินรางวัลจากการแข่งขันฟุตบอลถ้วยอย่าง ไทยคม เอฟเอ คัพ กับ โตโยต้า ลีก คัพ ที่ราชนาวี-ระยอง ทำผลงานได้ดี เข้าถึงรอบรองฯ ทั้ง 2 รายการเป็นเงินถึง 5 แสนกว่าบาทนั้น นักเตะยังคงไม่ได้รับ ทำให้ขณะนี้ แต่ละราย มีปัญหาเรื่องการต้องผ่อนค่าบ้าน, ค่ารถ

         สำหรับเงินก้อนใหญ่ดังกล่าว ที่นักเตะต้องการได้มาแบ่งกัน เพื่อดำรงชีพของตัวเองกับภาระหนี้ต่างๆ นั้น ประกอบด้วยเงินเดือนไทยลีก 2 เดือน พ.ย., ธ.ค. 53 เงินบำรุงทีมศึกฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขัน จ่ายให้แมตช์ละ 48,000 บาท ทั้งหมด 4 เกม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 192,000 บาท และเงินรางวัลอีก 100,000 บาท, เงินรางวัลจากศึกมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ อีก 200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเงินค่าอาหารของนักเตะจากทุกรายการ 13,210 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 505,210 บาท
    

บ.ระยองฯ ยันจ่ายเงินเดือนครบไม่เคยขาด

       เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงิน ที่นักเตะยังไม่ได้รับก้อนโตถึงครึ่งล้านกว่าบาทนั้น ธีระ วาจาลชน ฝ่ายเทคนิค ของ บ.ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด, เลขาธิการสมาคมฟุตบอลจ.ระยอง ออกมากล่าวว่า ต้องชี้แจงก่อนว่าเงินเดือนนั้น เราไม่ได้ค้างนักเตะ

       เพราะสัญญาของแต่ละรายทำไว้แค่ 1 ฤดูกาลเท่านั้น คือสิ้นสุดเมื่อ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ไทยลีกปิดฤดูกาลไม่ใช่หมายความว่าเราเซ็นกัน 1 ปี จึงทำให้เดือน พ.ย. และ ธ.ค. 53 นี้นักเตะไม่ได้รับเงินเดือน จาก บ.ระยองไทยพรีเมียร์ จำกัด เพราะสัญญาไม่ได้ครอบคลุมถึง 2 เดือนสุดท้ายของปี    

บอกราชนาวีฯ ขอจัดการเงินบอลถ้วยเอง

       ฝ่ายเทคนิค ของ บ.ระยองฯ กล่าวอีก ว่า เงินฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการนั้น เดิมทีจะต้องเป็นสิทธิ์ของ บ.ระยองฯ เป็นผู้จัดการ เพราะเป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับ บ.ไทยพรีเมียร์ จำกัด แต่กับทั้ง 2 รายการนี้ ราชนาวีสโมสร ได้ขอจัดการเงินส่วนดังกล่าวเอง 

       โดยได้ขอให้ บ.ระยองไทยพรีเมียร์ นำเช็คที่ได้ไปขึ้นเงิน และโอนเข้าบัญชีของ ราชนาวีสโมสรผ่าน น.อ.อโศก ศรีสวัสดิ์ เลขาฯ โดยเราได้โอนเข้าไปแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า มีข่าวนักเตะไม่ได้รับเงินออกมาได้อย่างไร

       เรื่องนี้ผมว่านักเตะต้องไปเคลียร์กับราชนาวีสโมสรเอง ส่วนเงินรางวัลบอลถ้วยทั้งไทยคม เอฟเอ คัพ 2 แสนบาท และโตโยต้า ลีก คัพ อีก 1 แสนบาท นั้น เรายังไม่ได้รับเช็คจากทางฝ่ายจัดการแข่งขันทั้ง 2 รายการ 

       อาจเป็นไปได้ว่าฝั่งของราชนาวีสโมสร น่าจะไปรับมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งมาให้ทางเรา เพราะสิทธิ์ในฟุตบอลถ้วย เป็นของราชนาวีสโมสร ตามที่ตกลงกันก่อนหน้านี้ ดังนั้นเช็คเงินรางวัลน่าจะอยู่กับฝ่ายนั้น แต่ยังไม่ได้ส่งมาให้ทางระยองขึ้นเงินเท่านั้นเอง ดังนั้นนักเตะคงต้องรอไปก่อน"

       ส่วน น.อ.บุญธรรม พันธ์นุช ผช.ผจก.ทีมที่อยู่ฝั่งของราชนาวีสโมสร ได้ชี้แจงว่า ตนเองเป็นคนได้รับเช็คจากทางฝ่ายจัดการแข่งขันและส่งต่อให้ น.อ.อโศก ศรีสวัสดิ์ เลขานุการ ไปประสานงานต่อแล้ว แต่อาจจะยังไม่ได้นำไปส่งให้กับทางประธานเทคนิคของทางฝั่ง อบจ.ระยอง ไปขึ้นเงิน ทำเกิดการเข้าใจผิดมากกว่า    

องอาจนัดไกล่เกลี่ย 15 ธ.ค.นี้

       สำหรับความขัดแย้งดังกล่าวที่คาราคาซังมานานนั้น วันที่ 15 ธ.ค. 53 นี้เวลา 13.00 น. "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ จะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยให้ 

       โดย บิ๊กเปี๊ยก กล่าวว่า สมาคมฟุตบอลฯ ต้องขอดูกฎให้ชัดเจน แต่เน้นให้ประนีประนอม คงจะต้องมีการดูเอกสารการเซ็นสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ทั้งของทีพีแอล และกฎระเบียบของเอเอฟซี และฟีฟ่า ด้วย เรื่องนี้คงต้องพิจารณากันให้ละเอียดรอบคอบ แต่ถึงอย่างไร ก็คงจะเน้นให้ทั้งสองฝ่ายประนีประนอมกัน และร่วมกันทำทีมในฤดูกาลหน้าเหมือนเดิม

       หากเป็นไปได้จากความไม่ชัดเจนว่าบทสรุปของเรื่องดังกล่าวจะลงเอยอย่างไร ทำให้มีนักเตะอย่างน้อย 3 ราย ย้ายจากทีมไปแล้วคือ คมสัน เมินดี ไปบุรีรัมย์ เอฟซี, รัฐพร แซ่ตั๋น ไปแคช ทูเดย์ จันทบุรี และ ดนุสรณ์ ผุยแสงจันทร์ ไปปตท.ระยอง ส่วนที่เหลือ จะย้ายไปร่วม 2 สโมสรใหม่ใน ด.2 โซนภาคกลางและตะวันออก อย่าง มาบตาพุด ระยอง และ จันทบุรี ยูไนเต็ด ที่เตรียมส่งชื่อแข่งขันในซีซั่นหน้าต่อไป