''เจ้าบอล'' ภราดร ศรีชาพันธุ์ ชื่นมื่นเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นบัณฑิตจากรั้วพ่อขุนรุ่น 36 จบคณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองการปกครอง ย้ำหลังจากนี้จะต่อยอดเรียนปริญญาโทที่ ม.รามคำแหง ต่อทันที ไม่ขอพูดถึงเรื่องครอบครัวกับ ''นาตาลี'' ที่ปิดฉากไปแล้ว ด้าน ''ยอดคุณพ่อ'' ชนะชัย ศรีชาพันธุ์ ลุ้นเต็มที่ให้ลูกคนเล็กลงการเมืองไว้ที่ขอนแก่น วางแผนปูทางไว้ให้หมดแล้ว แต่ยังอุบไต๋เรื่องพรรคการเมืองที่จะลง ''ชมพู ฟรุ๊ตตี้'' ไม่ท้อเรียนหลายรอบจนประสบความสำเร็จ ''ดีเจเลิฟ-ดนัยภัทร'' แห่งคลื่นซี้ด ปลื้มเป็นบัณฑิตลูกพ่อขุน

ประสบกับปัญหาครอบครัวและเป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้ ''เจ้าบอล'' ภราดร ศรีชาพันธุ์ ยอดนักเทนนิสอดีตมือ 9 ของโลกขวัญใจชาวไทยตัดสินใจจะไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ที่ ม.รามคำแหง แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 13.00 น. ภราดร เปลี่ยนใจเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองและการปกครอง (ภาคพิเศษ) ประจำปี 2553 รุ่นที่ 36 ที่หอประชุมพ่อขุนรามคำแหง ม.รามคำแหง โดยมีครอบครัว ''ศรีชาพันธุ์'' นำโดย ชนะชัย และ อุบล พ่อและแม่ของเจ้าบอล รวมถึงญาติสนิท และเพื่อนสนิทมาร่วมแสดงความยินดี โดยไร้เงาของ นาตาลี เกลโบว่า อดีตภรรยาและอดีตมิสยูนิเวิร์สชาวแคนาดา ที่เพิ่งเลิกรากันไปมาร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จด้วย

หลังเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ''เจ้าบอล'' บัณฑิตป้ายแดงจากรั้วพ่อขุนได้เปิดใจว่า ไม่คิดว่ารับปริญญาจะเหนื่อยอย่างนี้ แต่ก็ดีใจและภูมิใจที่มีวันนี้ได้ ต้องขอขอบคุณ ม.รามคำแหง ที่ได้ให้โอกาสตนได้เข้ามาเรียนและให้โอกาสได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันนี้ และหลังจากนี้ก็จะเรียนต่อปริญญาโทเลยเพราะจะได้ต่อเนื่อง แล้วช่วงนี้ถือว่ายังไม่หมดไฟและสนุกกับการเรียน ซึ่งตอนนี้มองไว้ 2 คณะคือ บริหารธุรกิจ กับ รัฐศาสตร์ และคิดว่าจะเรียนต่อที่ ม.รามคำแหง แน่นอน เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ให้โอกาสและเปิดกว้างให้ตนเข้าเรียนได้อย่างเต็มที่แม้จะไม่ค่อยมีเวลาก็ตาม

''บอกตามตรงตั้งแต่จบ ปวช. มาผมก็เล่นเทนนิสตลอดหลายปี และเพิ่งจะมีโอกาสได้กลับมาเรียนปริญญาตรีก็ช่วงที่ผมพักการแข่งขันเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อมือขวา ช่วงแรกก็ต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร แต่คณะรัฐศาสตร์ที่ผมเรียนนั้นเป็นภาคพิเศษ เรียนในช่วงเย็นเวลา 17.00-21.00 น. ยอมรับว่าผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะเข้าเรียนทุกวัน ก็มีวันที่ไม่เข้าเรียนแต่ถ้ามีเวลาผมก็จะเข้าเรียนตลอด และอย่างที่รู้เรียน ม.รามคำแหง 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องหาความรู้และเรียนรู้จากนอกห้องเรียน ที่เหลือก็ต้องมาหาเอาในห้องเรียนเพิ่มเติมอีก และที่ผมดีใจคือผมเรียนจบ ม.รามคำแหง ด้วยเวลา 2 ปีครึ่งเท่านั้น'' ภราดร กล่าว

อดีตนักหวดมือ 9 ของโลกกล่าวอีกว่า สาเหตุที่เลือกเรียนรัฐศาสตร์ สาขาการเมืองและการปกครอง เพราะว่าเป็นคณะที่ตนสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานต่อไปได้ และในเรื่องการเมืองนั้นก็มีความสนใจอยู่บ้าง แต่อนาคตจะลงการเมืองหรือไม่ก็ไม่แน่ แต่ในช่วงนี้อยากที่จะเรียนต่อปริญญาโท และบริหารธุรกิจอาหารเสริมของตนคือ เมจิก ไอริช กับ เมจิก พิงค์ ของนาตาลีก่อน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงอดีตภรรยา นาตาลี เกลโบว่า ซึ่งภราดร ได้กล่าวว่า ที่ นาตาลี ไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับตนในวันนี้เพราะติดภารกิจเดินแฟชั่นที่ต่างประเทศ จึงไม่ได้มาร่วมงาน โดยส่วนตัวแล้วเธออยากมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ว่างจริงๆ

นอกจากนี้ ภราดร ได้กล่าวว่า ในเรื่องครอบครัวและเรื่องราวของ นาตาลี หลังจากนี้ตนไม่อยากที่จะพูดถึงอดีตเพราะได้เปิดใจไปหมดแล้ว หลังจากนี้ก็ขอตั้งหน้าตั้งตาเรียนและทำธุรกิจของตัวเองต่อไป
   

ด้าน ชนะชัย ศรีชาพันธุ์ กล่าวว่า ได้วางแผนให้ ภราดร ก้าวสู่เวทีการเมืองไว้บ้างแล้ว ซึ่งขณะนี้ก็ได้มองๆ พรรคการเมืองที่จะร่วมสังกัดอยู่บ้างแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเข้าพรรคไหน และคิดว่าถ้าจะลงการเมืองก็คงจะลงเป็นผู้แทนฯ ของ จ.ขอนแก่น บ้านเกิด แต่ทั้งนี้จะขอปรึกษาลูกชายอีกทีว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ และจะทันสมัยเลือกตั้งที่จะถึงนี้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็จะให้ ภราดร เรียนต่อปริญญาโททันทีเช่นกัน

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความรู้สึกของ ภราดร ซึ่งอดีตนักหวดมือ 9 ของโลก กล่าวว่า เรื่องการเมืองก็มีความสนใจบ้างเหมือนกันถึงได้ตัดสินใจเรียนรัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง แต่ก็ยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก ในขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร หากได้เรียนรู้เพิ่มในอนาคตก็ไม่แน่ว่าตนจะลงการเมืองก็ได้

วันเดียวกัน ''ชมพู ฟรุ๊ตตี้'' สุทธิพงษ์ วัฒนจัง นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดัง และ ''ดีเจเลิฟ'' ดนัยภัทร พิบูลสงคราม ซึ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง รุ่นเดียวกับภราดร ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรด้วย 

ชมพู ฟรุ๊ตตี้ กล่าวว่า ตนเรียนปริญญาตรีที่ ม.รามคำแหง ตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ไม่จบ และได้พยายามเรียนต่อมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ติดงานไม่จบเสียที พอในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ม.รามคำแหง เปิดภาคพิเศษ ตนก็มาเรียนต่อและไม่คิดว่าจะเข้าเรียนในรุ่นเดียวกับภราดร ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนนักเนื่องจากมีงานเยอะ แต่เวลาที่เข้ามาเรียนก็จะเห็นภราดรตลอด เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดี และเป็นคนที่มีบุคลิกดี ตัวโต และในห้องเรียนเขาก็จะตั้งใจเรียนมาก