กลายเป็นหนุ่มฮอตฮิตที่ไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้นเพราะ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เนื้อหอมฟุ้งไปถึงประเทศเกาหลีด้วยการถูกคัดเลือกให้เป็น “ทูตการท่องเที่ยวเกาหลี” แถมงานละคร “เพลิงทระนง” ก็โกยเรตติ้งให้ช่อง 3 จนผู้ใหญ่ยิ้มหน้าบาน รวมถึงหนังแอ็คชั่นที่มีกลิ่นอายของความรัก “บางกอกกังฟู” ก็ถูกกล่าวขวัญในกลุ่มแฟนคลับ กระแสนิยมร้อนแรงขนาดนี้เราก็ไม่พลาดที่จะคว้าตัวมาคุย และไม่พลาดที่อัฟเดทเรื่องความรักกับ “กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์” พร้อมแล้วเราไปคุยกับเขากันเลยดีกว่า
   

คำถามแรกขอถามถึงละคร “เพลิงทระนง” เพราะกำลังดังมากๆ ?“ดีใจครับที่ละครเรื่องนี้คนชอบเยอะ เราในฐานะคนทำงานก็รู้หายเหนื่อย แม่ผมเองยังติดเลย แต่กว่าที่งานจะออกมาอย่างยี้ผมก็ฝึกการแสดงอย่างหนัก เพราะว่าผมยังใหม่มากกับละคร แต่พอได้มาเล่นแบบจริงๆ จังๆ เราก็ได้เรียนรู้เทคนิค และเรียนรู้อะไรอีกหลายๆ อย่าง พองานออกมาแล้วทุกคนชื่นชอบผมก็สบายใจ แลบะหายห่วง เพราะก่อนที่ละครจะออกอากาศก็รู้กดดันเล็กน้อยเหมือนกัน”
 
 
ได้ข่าวได้รับคัดเลือกให้เป็นทูตการท่องเที่ยวของเกาหลีด้วย ?“ใช่ครับ พอรู้ผมก็รู้สึกใจมาก ที่ได้รับเกียรติในครั้งนี้ ซึ่งทูตการท่องเที่ยวจะมีหน้าที่เชิญชวนคนไทยให้ไปเที่ยวประเทศเกาหลี แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะเชิญชวนคนเกาหลีมาเที่ยวเมืองไทยนะ เพราะบ้านเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่งไม่แพ้ประเทศอื่น เราก็ต้องสลับกันไปคนไทยไปเที่ยวเกาหลีคนเกาหลีก็มาเที่ยวเมืองไทย”

 
การไปครั้งนี้เห็นบอกว่าเราเนื้อหอมมากเพราะแฟนๆ เกาหลีคลั่งไคลเรามาก ?“มันก็ไม่ขนาดไหนหรอกครับ แฟนคลับเกาหลีเขาก็มารับที่สนามบิน เหมือนๆ กับตอนศิลปินเกาหลีมาบ้านเรา คนไทยก็ไปรับไม่แตกต่างอะไรกัน ซึ่งทุกคนน่ารักมากทำป้ายไฟมาเลยเขียนว่า น่ารักอะ ซึ่งเขาเขียนเป็นภาษไทยเราก็มีความรู้สึกว่าเขามีความพยายามและตั้งใจมาก ก็รู้สึกปลื้มมากที่เขาให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี”
 
 
ไปฮอตฮิตถึงเกาหลีแบบนี้มีโอกาสที่จะโกอินเตอร์หรือเปล่า ?“ตอนนี้ถ้าไปร่วมงานแบบจริงๆ จังๆ ไปแสดงที่นั้นก็คงยังครับ แต่จะเป็นในลักษณะการโชว์ตอนก่อนมากกว่า จริงๆ แล้วก็มีประเทศอื่นด้วยที่ติดต่อเข้ามาไม่ว่าจะเป็นที่ ฟิลิปปิน ไต้หวัน งานที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางด้านภาพยนตร์ ถามว่านี้ตอนนี้กระดังไปทั่วเอเชียแล้วเหรอ มันก็คงไม่ขนาดนั้นยหรอกครับ แต่ส่วนตัวผมก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาไกลขนาดนี้ เพราะว่าเราก็เป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง เราเล่นหนังก็ไม่คิดว่าหนังไทยจะไปดังเมืองนอก คนเอเชียคนฝั่งเขาก็ดูหนังเรา ก็แอบคิดว่าขอให้ บางกอกกังฟู ไปดังเมืองนอกอีกสักครั้งครับ”

 
“บางกอกกังฟู”ไหนๆ ก็พูดถึงหนัง “บางกอกกังฟุ”แล้วขอถามเลยแล้วกันว่าเราลุ้นมากน้อยแค่ไหน ?“ถามว่าลุ้นมั้ยมันก็ลุ้นอยู่แล้วครับ แต่ก็ไม่หวังว่ารายได้จะต้อง 100 ล้านอะไร เราก็ขอแค่ให้คนดูไปดูแล้วรู้สึกชอบกับงานที่เราได้ทำ ที่สำคัญเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะพลิกบทบาทผมพอสมควร เพราะเล่นเป็นพิการ ออทิสติก ไม่สมประกอบ เลอะๆ เลือนๆ พอเราได้มาเล่นบทแบบนี้เราก็รู้สึกสงสารคนพิการไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม และเป็นการได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับพี่ต้อม (ยุทธเลิศ) ก็ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษ เจอกันทั้งทีพี่ต้อมก็จัดหนักให้ผมเลย นอกจากจะเป็นคนพิการแล้วยังต้องบู๊แอ็คชั่นอีกด้วย เล่นซะครบชุดเลย”
 
 
เรื่องนี้ต้องประกบกับอีก 3 หนุ่ม “เป้-แบงค์-โทโมะ”หวั่นๆ บ้างมั้ย เพราะแต่ละคนก็หล่อๆ ทั้งนั้น ? “ในเรื่องของการทำงานไม่หวั่นเลยครับ เพราะหลังจากที่ได้ร่วมงานกันแล้วทุกคนน่ารัก อย่างกับพี่เป้ ก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่กับโทโมะและพี่แบงค์เพิ่งได้ร่วมงานกัน แต่ทุกคนน่ารักดีนะ ทำงานไม่มีปัญหาอะไร ผมว่าด้วยความที่เราเป็นผู้ชายด้วยก็เลยคุยกันง่าย นิสัยใจคอกลายๆ กัน ส่วนเรื่องความหล่อเรื่องแบบนี้มันยอมกันได้ที่ไหนครับว่ามั้ย มันหล่อกันคนละมุมบุคลิกแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย”
    

ถามเรื่องความรักกับ “กุ๊บกิ๊บ” หน่อยหลังจากเปิดตัวว่าเป็น “แฟน” อะไรๆ มันดีขึ้นมั้ย ?“ก็ดีนะครับ ผมว่าเราสองคนก็แฮบปี้ดีไม่มีอะไรที่น่าหนักใจเท่าไหร่ เวลาอยู่กันสองคนเราก็จะเรียกแทนผมว่า “บี๋” (เขินๆ) ส่วนผมก็เรียกเขาว่า “น้องกุ๊ก” สำหรับที่ออกมาเปิดในครั้งนี้มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระแสหรือวิพากษ์วิจารณ์อะไร เราก็แค่อยากจะบอกว่า สิ่งที่เราคบกันเราก็ไม่ได้ปิด และที่สำคัญเราไม่ได้ตั้งใจจะขายงานงานเป็นแพ็คคู่หรืออะไร การกลับมาคุยกันครั้งนี้โอ้ว่าเราสองคนสบายใจกว่าเดิม เราทำทุกอย่างชัดเจน และเชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับเรื่องงาน โอ้เชื่อว่าแฟนคลับสมัยนี้แยกแยะออกก็ไม่หนักใจอะไร” หล่อครบสูตรอย่างนี้ไม่แปลกที่ “มาริโอ้ เมาเร่อ” จะเป็นขวัญใจสาวๆ ทั้งประเทศว่ามั้ยจ๊ะ