ความช็อกและบรรยากาศเศร้าปกคลุมทั่วโลก วิตนี่ย์ ฮุสตัน นักร้องเสียงคุณภาพ เจ้าของเพลงอมตะ ''ไอ วิลล์ ออลเวย์ส เลิฟ ยู'' จากหนังคลาสสิก ''เดอะ บอดี้การ์ด'' ลาโลกอย่างกะทันหัน ในวัย 48 ปี ที่โรงแรม เบเวอร์ลี่ ฮิลตัน ใน นครลอสแอนเจลีส, รัฐแคลิฟอร์เนีย ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พบอะไรผิดปกติ ที่บ่งชี้ว่าอาจเป็นการฆาตกรรม

    คริสเท่น ฟอสเตอร์ พีอาร์ส่วนตัวของวิตนี่ย์ ออกมายืนยันว่า ราชินีเสียงทอง ที่ครองความยิ่งใหญ่ในวงการเพลงช่วงทศวรรษที่ 80 และ 90 เสียชีวิตที่โรงแรมดังกล่าว ขณะที่ มาร์ค โรเซ่น โฆษกตำรวจ กล่าวว่า ตำรวจรับสายแจ้งความ

    จากคนของวิตนี่ย์ และไม่กี่นาทีถัดมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาพบร่างของวิตนี่ย์นอนอยู่บนพื้นห้องพักชั้น 4 และพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตเธอนานกว่า 10 นาที แต่ไม่สำเร็จ
    

    ''ผมขอยืนยันว่า วิตนี่ย์ ฮุสตัน ถูกประกาศว่าเสียชีวิตที่โรงแรม เบเวอร์ลี่ ฮิลตัน ตอนเวลา 15.55 น. เรารับสายแจ้งความจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม ตอนเวลา 15.43 น. และเจ้าหน้าที่มายังที่เกิดเหตุในอีกไม่กี่นาทีถัดมา

    ผู้ติดตามของเธอ พบเธอหมดสติอยู่ในห้อง ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า ใครที่เป็นคนแจ้งพนักงานโรงแรม เพราะเธอมีทีมติดตามหลายคนพักที่โรงแรมนี้ เราพยายามช่วยชีวิตเธอ แต่ไม่เป็นผล ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งชี้ว่าอาจเป็นการฆาตกรรม และ

    เรื่องอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบเวอร์ลี่ ฮิลล์ส'' 
    

    แม้ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด แต่นักร้องเจ้าของเพลง ''Saving All My Love for You'' ที่มีปัญหาติดเหล้าติดยาในระยะหลังๆ ถูกพบว่าปรากฏตัวในสภาพแปลกๆ เมื่อ 2 คืนก่อนหน้านี้ในงานปาร์ตี้ก่อนการประกาศ

    รางวัลแกรมมี่ ที่ ''ทรู ฮอลลีวู้ด'' เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. ซึ่งเธอดูอารมณ์ขุ่มมัวขณะออกจากคลับหลังเวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ''เธอแสดงท่าทีไม่พอใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามพาเธอขึ้นรถ และต่อว่าพวกเขา''
    

    แม้ว่าวิตนี่ย์จะยิ้มแย้มตอนแฟนๆ มาขอลายเซ็น แต่ช่วงเวลาแป๊บเดียวเธอก็กลับมามีอารมณ์ขุ่นมัวอีก ''น่าเศร้านะ เพราะแฟนๆ สังเกตเห็นว่า เธอดูสั่นๆ ขณะออกจากงาน เธอไม่อยู่ในสภาพที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้''
    

    อย่างไรก็ดี วันถัดมา วิตนี่ย์ดูปกติรระหว่างไปซาวนด์เช็ก เพื่อเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตปาร์ตี้แกรมมี่ของ ไคลฟ์ เดวิส ปูชนียบุคคลแห่งวงการเพลงเทศ และครูเพลงผู้มีพระคุณของเธอ ''เธอดูมีสติ และดูพร้อม เธอดื่มน้ำเพื่อรักษาเสียง

    และพยายามจะไม่สูบบุหรี่'' โดยเดวิสจัดแจงยกเลิกงานของตัวเองไปแล้วหลังทราบว่า ลูกศิษย์ของเขาลาโลก ''เขาล้มเลิกงานแล้ว มันถูกยกเลิกแล้ว น่าเสียดายจริงๆ''
    

    วิตนี่ย์ ฮุสตัน เป็นนักร้องหญิงป็อป-โซลที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยกย่องอย่างสูง ในฐานะ ''เดอะ วอยซ์'' และ ''ควีน ออฟ ป็อป'' ที่มีภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่าง ''Waiting to Exhale'' และ ''The Bodyguard''

    โดยวิตนี่ย์ เกิดในครอบครัวเพลง คุณแม่ซิสซี่ ฮุสตัน เป็นนักร้องกอสเปล และเป็นญาติกับ ดิออนน์ วอร์วิค ที่เติบโตมาเป็นนักร้องดังเช่นกัน โดยวิตนี่ย์เริ่มต้นในงานสายนางแบบวัยรุ่น ก่อนผันตัวมาเข้าวงการเพลง
    

    วิตนี่ย์ มีเพลงฮิตนับไม่ถ้วน อาทิ ''How Will I Know'', ''Saving all My Love for You'' และ ''I Will Always Love You'' เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ 6 ตัว หนึ่งในนั้นคือรางวัลเพลงในการบันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปีจากการครวญ

    เพลง ''I Will Always Love You'' (ของ ดอลลี่ พาร์ตัน) รวมถึงรางวัลอัลบั้มแห่งปีจาก ''The Bodyguard'' แต่ระยะหลังๆ เธอมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และแอลกอฮอล์ ที่บั่นทอนทั้งสุขภาพ และเส้นทางอาชีพของเธอ
    

    ตลอดเส้นทางอาชีพ วิตนี่ย์ขายอัลบั้มเพลงได้มากกว่า 170 ล้านแผ่นทั่วโลก แต่ทุกอย่างดำดิ่งลงเมื่อเธอยอมรับว่าใช้ยาเสพติดในช่วงชีวิตแต่งงานที่เหลวแหลกกับ บ็อบบี้ บราวน์ สามีเก่า ที่แม้เป็นนักร้องดังสุดๆ คนหนึ่งปลายยุค 80

    และต้นยุค 90 แต่ดังมากกว่าเมื่อกลายเป็นคู่ชีวิตของวิตนี่ย์ และตกเป็นข่าวยาเสพติด ทำผิดกฎหมายซ้ำๆ ซากๆ ที่รวมถึงคดีทำร้ายร่างกายวิตนี่ย์ด้วย โดยพวกเขามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อ บ็อบบี้ คริสติน่า และหย่าขาดกันปี 2007   
    
    
    วิตนี่ย์ ฮุสตัน ตกอับถึงขนาดมีหนี้สินมากมาย ทำให้ถูกยึดบ้านไปแล้วหนึ่งหลัง แถมยังถูกโกดังเก็บของแห่งหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ยื่นฟ้อง หลังจากที่เธอค้างค่าเช่าอยู่ประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 6 ล้านบาท) แล้วไม่มีทีท่าว่าจะ

    หาเงินไปเคลียร์หนี้ได้ เจ้าของโกดังเลยฟ้องร้องเธอ เพื่อขออำนาจศาลขนสมบัติเหล่านั้นออกขายทอดตลาด และนำเงินไปหักหนี้
    

    ทั้งนี้ วิตนี่ย์ ได้นำสมบัติกว่า 400 ชิ้น ไปฝากเก็บไว้ในโกดังสปีด ออฟ ซาวด์ ที่เมืองเออร์วิง รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในนามบริษัท นิปปี้ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทของเธอ แต่ไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่ามาตั้งแต่ปี 2548 จนกระทั่งหนี้สินเพิ่มพูน ส่งผลให้เมื่อ

    เดือนพฤษภาคม ปี2553  เจ้าของบริษัทตัดสินใจให้ทนายยื่นฟ้อง และศาลรัฐนิวเจอร์ซีย์มีคำสั่งให้เจ้าของโกดังสามารถนำสมบัติทั้งหมดของราชินีเพลงเจ้าของเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ''เซฟวิ่ง ออล มาย เลิฟ ฟอร์ ยู'', ''เกรตเตสต์

    เลิฟ ออฟ ออล'' ฯลฯ ออกขายทอดตลาดได้ เพื่อนำรายได้ไปจ่ายหนี้