"บลูมาร์ลิน" ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ทีมรองบ๊วยจากไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา 2011 ทำให้ต้องร่วงกลับลงมานับหนึ่งกันใหม่ในดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลใหม่ 2012

         เพื่อไต่อันดับเพื่อไปเล่นลีกสูงสุดอีกหนให้จงได้  โดยเมื่อซีซั่นที่แล้วพวกเขาลงสนามในลีกสูงสุด 34 นัด ชนะ 7 เสมอ 11 แพ้ 16 ยิงได้ 33 เสีย 43 เก็บได้ 32 แต้ม

         สำหรับทีมศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ชื่อเดิมคือสโมสรฟุตบอลศรีราชา-สันนิบาตฯ เป็นสโมสรฟุตบอลตัวแทนจาก อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้เริ่มมีการก่อตั้งสโมสรขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2548 ก่อนที่จะได้เข้ามาร่วมในการแข่งขันตามระบบลีก ปีพ.ศ. 2550  ในดิวิชัน 1 อยู่ในสายบีคว้าอันดับ 6 มาครอง ปีต่อมา 2551 ก็สามารถเลื่อนชั้นสำเร็จก้าวขึ้นมาร่วมแข่งขันลีกสูงสุดอย่างไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ในฐานะรองแชมป์ดิวิชั่น 1 ทว่าในปีนี้เอง 2552 ในการเล่นลีกสูงสุดพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทนแรงเสียดสีของเกมและร่วงลงไปเล่นดิวิชั่น 1 อีกครั้งด้วยการจบอันดับ 14 ของตาราง ทว่าจากความยอดเยี่ยมและการทำงานอย่างเป็นระบบรวมถึงการปลุกปั้นนักเตะเยาวชนฝีเท้าดีเอาไว้ในทีมมากมาย ทำให้ใช้เวลาแค่ปีเดียว 2553 ก็สามารถกลับคืนสู่ลีกสุงสุดอีกหนด้วยการซิวแชมป์  แต่ถึงจะเคยมีประสบการณ์มาแล้วในไทยพรีเมียร์ลีก ทว่าการแข่งขันปี 2544 หรือฤดูกาล 2011  ในเวทีไทยพรีเมียร์ลีก ที่ถือว่าบูมสุดๆ และมีการแข่งขันที่สูงกว่าทุกครั้งที่พวกเขาเคยพบมา ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ก็ยังไม่สามารถเอาตัวรอดในลีกที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองไทยมีอันต้องร่วงลงมาเล่นกดิวิชั่น 1 อีกครั้งจนได้

         ส่วนฤดูกาล 2012 ศรีราชา ซูซูกิ  เอฟซี  น่าสนใจว่าการต้องมานับหนึ่งใหม่ในลีกพระรองพวกเขาจะทำผลงานได้ดีแค่ไหนและจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ เป็นทีมที่ร่วงตกชั้นและสามารถกลับขึ้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันได้หรือไม่
   
    สภาพความพร้อม

        หลังจากจบฤดูกาลศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี  ได้มีการปล่อยนักเตะพักเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ก่อนที่จะเรียกนักเตะกลับมาร่วมทีมฝึกซ้อมเพื่อเตรียมทีมลุยซีซั่นใหม่  โดยผู้เล่นตัวหลักๆ ของทีมก็ยังอยู่ร่วมทัพอีกกว่า 10 รายด้วยกัน โดยเฉพาะตัวต่างชาติที่ถือว่าเป็นแกนหลักให้กับทีมภายใต้การการคุมทัพของ "โค้ชแดง" ทรงยศ กลิ่นศรีสุข และจากการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่องก็ไม่มีการลงสนามอุ่นเครื่องซึ่งทำได้ดีสามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 4 นัดรวด ก่อนที่จะมาดวลกับทีมอินทรีเพื่อนตำรวจจากไทยพรีเมียร์ และพ่ายไปแบบหมดรูป 0-5  ซึ่งเกมนี้ทำให้ทางทีมงานได้มองเห็นจุดอ่อนข้อบกพร่องของทีมอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว นอกจากนี้วันที่ 9 มี.ค. ก็ได้เตรียมอุ่นกับทีมพัทยา ยูไนเต็ด ในรายการเปิดฟุตบอลแสนสุขคัพ ที่สนามแสนสุข เพื่อทดสอบความพร้อมทีมครั้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาล

      งบประมาณ-สปอนเซอร์

        ด้านของงบประมาณทีมศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี สำหรับการลุ้นกลับขึ้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีกครั้งได้วางเอาไว้สูงถึง 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อย เนื่องจากในปี 2010 ที่พวกเขาสามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นลีกสูงสุดนั้นใช้เพียงแค่ประมาณ 18 ล้านเท่านั้น ทว่าในซีซั่นนี้ซึ่งทางสโมสรวางเป้าหมายที่จะกลับไปสู่ลีกเบอร์ 1 อีกหนด้วยงบประมาณสูงเกือบเท่าตัว
โดยที่สปอนเซอร์เข้ามาหนุนทีมหลักๆ ก็มาจาก ทางสนธยา คุณปลื้ม ประธานสโมสร, สันติ ศิริตันหยง รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง รวมถึงผลิตภัณฑ์สินค้าอย่าง ซูซูกิ ที่ยังคงคาดหน้าอกเสื้อเช่นเดิม, โคคาโคล่า,ผลิตภัณฑ์ช้าง, ประกันชีวิต เอไอเอ, บะหมี่สำเร็จรูปไวไว นอกจากนี้ยังมีตัวที่ยังไม่ได้ข้อสรุปอีกรวมถึงห้างร้านต่างๆ ภายในตัวเมืองศรีราชาและแฟนบอลของทีมที่จะคอยเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ที่ถือว่าเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ช่วยขับเคลื่อนทีมให้เดินไปข้างหน้า

    ขุมกำลัง

        หลังจากทีมร่วงตกชั้นทางสโมสรก็มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เล่นซึ่งโชว์ฟอร์มได้ดีจะถูกบรรดาทีมที่ใหญ่กว่าดึงตัวไปเสริมแกร่งไม่ว่าจะเป็น เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, สุภภรณ์ พรหมพินิจ, พรศักดิ์ ป้องทอง, วรุตน์ วงศ์ดี, สุพจน์ วงศ์หอม, วุฒิศักดิ์ มณีสุข, อรรถพงศ์ หนูพรหม, ยอดรักษ์ นาเมืองรักษ์  ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าอย่างไรผู้เล่นเก่าที่พอจะเป็นแกนหลักของทีมก็ยังอยู่หลายรายไม่ว่าจะเป็น นันทพล ศุภไทย  ผู้รักษาประตู  แนวรับอย่าง สุรชัย สีเทา,  ก่อเกริก เพ็ชรคงทอง, สุจริต จันทกล, ธนพล ห่วงประโคน แผงมิดฟิลด์ อำไพ มุธาพร, ชนาวิทย์ แสนสนิท  รวมถึงกองหน้าอย่าง อนุวัฒน์ นาคเกษม ขณะเดียวกันตัวต่างชาติทีเด็ดอย่าง กัสตัน กอนซาเลส, ดักลาส โคโบ้, ดีอโก้ โรเบิร์ต ก็ยังอยู่ช่วยทีม ขณะเดียวกันบรรดาแข้งใหม่ที่คว้าข้ามาเสริมก็มีทาง โคชิ จุน นายทวารจากอาร์มี่ ยูไนเต็ด, ชาติตระการ สุขธรรม พัทลุง เอฟซี, ธรรมรัฐ กุสลานุภาพ เจ.ดับบลิว.รังสิต เอฟซี และยุนตะ ฮามาดะ, ไซยะ สองแข้งแดนปลาดิบรวมทั้ง ซิลล่า กองหน้าจากกินี โดยทั้งนี้ยังมีบรรดาแข้งเยาวชนจากโค้กคัพของทีมชลบุรี เอฟซี ที่จะมาร่วมทัพเป็นบรรดาดาวรุ่งอีกไม่น้อยกว่า 7-8 รายเพื่อร่วมกันพาทีมกลับคืนลีกสูงสุดต่อไป

    เป้าหมายของทีม

        ส่วนเรื่องของเป้าหมายทีมาง "เสี่ยหน่อง" วีรศักดิ์ หวังกุศล  ผู้อำนวยการทีมศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี  ออกมาเผยว่าไม่มีทางเลือกอื่นใดคงต้องเป็นการเลื่อนชั้นกลับขึ้นไปเล่นไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้อีกหน หลังจากที่ทีมสามารถทำสำเร็จมาแล้วถึงสองครั้งสองครา ก็หวังว่าปีนี้จะทำได้อีกครั้งเป็นแฮตทริก ซึ่งเลกแรกทางสโมสรหวังที่จะติดอย่างน้อยก็ต้องท็อปไฟฟ์เกาะกลุ่มเอาไว้ก่อน และเชื่อว่าแม้ทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อย แต่ก็ยังมั่นใจในศักยภาพของทีมงานทุกคนว่าจะทำได้

ทรรศนะโค้ช

        ทาง "โค้ชแดง" ทรงยศ กลิ่นศรีสุข  ซึ่งเข้ามารับงานนี้อีกครั้ง ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงทีมที่ตัวเองจะต้องรับผิดชอบครั้งนี้ว่า ไม่ได้หนักใจอะไรกับภาระหน้าที่ในการพาทีมเลื่อนชั้น เพราะทุกนัดทุกเกมตนเองและทีมงานก็ทำงานหนักอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพื่อให้ทีมมีความพร้อมสมบูรณ์ที่สุด
"ปีนี้แม้ว่าเราจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมไปไม่น้อย ด้วยการดันเอาบรรดาแข้งดาวรุ่งเยาวชนมาเสริมทัพ เป็นทีมพลังหนุ่ม แต่เราไม่ได้หวั่นใจ และไม่ประมาทใครเช่นกัน นักเตะที่เรามาร่วมทีมทั้งหมดพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนบอลของเรา ผมเชื่อว่าทุกคนมีความกระหายที่จะพบกับความสำเร็จ ซึ่งนั่นคือจุดเด่นของเรา มันคือสปิริตของทีมเราที่จะสู้กับทุกทีมในซีซั่นใหม่ที่จะมาถึง ผมขอฝากถึงกองเชียร์ศรีราชา ทุกคนช่วยมาเป็นกำลังใจให้กับทีมเราด้วย"