"สิงห์บลูส์" เชลซีผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบหืดจับหลังสองนัดเสมอ นาโปลี 4-4 ต้องต่อเวลาพิเศษ และเป็น อีวาโนวิช ที่ซัดประตูชัยพาทีมชนะ นาโปลี สกอร์รวม 5-4 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง เมื่อวันพุธที่ 14 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ฤดูกาล 2011-12

วันพุธที่ 14 มีนาคม 2555

เชลซี (อังกฤษ) 3 - 1 นาโปลี (อิตาลี)

(รวมผลสองนัดเสมอ4-4 ต่อเวลาพิเศษเชลซีชนะ 5-4)

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

 
        เชลซีกลับมาเฝ้าบ้านโดยมีสกอร์เป็นรอง 3-1 และเปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอที่ได้รับงานชั่วคราวแทนอันเดร วิลลาช โบอาช
 
        สำหรับขุนพล  11 ตัวแรกของเจ้าบ้านมีการส่งสามดาวเตะจอมเก๋าแฟร้งค์ แลมพาร์ด , ไมเคิ่ล เอสเซียง และแอชลีย์ โคลลงบู๊หลังจากทั้งหมดมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองนัดก่อน
 
        อย่างไรก็ดี ราอูล เมยเรเลสติดโทษแบน ส่วนเฟร์นานโด ตอร์เรสกองหน้าจอมทื่อต้องนั่งอยู่ข้างสนาม แต่จอห์น เทอร์รี่ฟิตกลับมาจับคู่กับดาวิด ลุยซ์ทำให้แกรี่ เคฮิลล์หล่นไปเป็นตัวสำรอง
 
        ด้านนาโปลีได้กุนซือวอลเตอร์ มาซซารี่คุมทีมข้างสนามชั่วคราวได้หลังศาลกีฬายอมรับคำอุทธรณ์โทษแบนนัดที่สอง และมีกำลังสำคัญลงเล่นได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
 
        เชลซีใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็เกือบพังประตูได้จากลูกทุ่มด้านขวาของบรานิสลาฟ อีวาโนวิชที่ดิดิเยร์ ดร็อกบาพักอกในเขตโทษคืนให้ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์กดตูมจาก 12 หลา ทว่ามอร์แกน เดอ ซานซ์ติสทิ้งตัวปัดที่เสาแรกได้
 
        แต่แล้วนาทีที่ 10 นาโปลีลุยขึ้นมาแล้วมาเร็ค ฮัมซิคสบโอกาสสพลิกตัวเข่นจาก 18 หลาแฉลบขาเจที ดีที่ว่าปีเตอร์ เช็กยังทิ้งตัวใช้ขาสกัดได้ทัน
 
        ถัดจากนั้นอีกสามนาที ทีมเยือนทิ้งโอกาสทองไปอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อคริสเตียน มาจโจ้ได้ลูกผ่านลุยขึ้นฝั่งขวาไปจ่ายบอลลึกเข้าเสาไกล แต่เอดินสันตามไปแปสามหลาเข้าหน้าต่างเฉย
 
        นาทีต่อมา สิงโตน้ำเงินครามน่าจะโดนสอยตาข่ายอีกเมื่อทีมเยือนเจาะขึ้นทางขวาอีกหนแล้วเอเซเกล ลาเวซซี่หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษโดยไม่ล้ำหน้าเนื่องจากรามิเรซเช็คออฟไซด์พลาด แต่จังหวะซัลโวของลาเวซซี่ถูกเช็กปัดทิ้งที่เสาแรกได้
 
        รวมแล้วทีมจากเซเรียอาเล่นได้อันตรายกว่า แต่นาทีที่ 28 เป็นเจ้าบ้านที่ได้ประตูก่อนจากจังหวะที่รามิเรซโยนบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษแล้วดร็อกบาโถมโขกจาก 12 หลาเสียบเสาแรกพาสิงห์บลูส์ขึ้นนำ 1-0
 
        นับจากนั้นเกมก็ตกอยู่กับทีมในลอนดอน และถึงนาทีที่ 37 อาคันตุกะก็ต้องเปลี่ยนอันเดรีย ดอสเซน่าลงไปแทนมาจโจ้ที่เริ่มมีอาการบาดเจ็บรบกวน
 
        กระทั่งนาทีที่ 43 แลมพาร์ดก็รับใบเหลืองในจังหวะทำฟาวล์ฮวน ซูนิก้า แต่ก่อนจบครึ่งแรกอึดใจเดียวเจ้าบ้านหวิดได้เฮอีกเมื่อฆวน มาต้าจ่ายบอลขึ้นกราบขวาให้ลุยซ์ปาดเข้าเขตโทษโดยดร็อกบาเตรียมเข้าฮอสอยู่แล้ว แต่เปาโล คันนาวาโร่แหย่ขาสกัดได้ก่อนแล้วบอลกลิ้งไปให้เดอ ซานซ์ติสตะปบพอดี ครบ 45 นาทีแรกเชลซีจึงนำหน้า 1-0
 
        ครึ่งหลังสิงโตน้ำเงินครามเดินหน้าทันที และแค่สองนาทีก็ได้ลูกเตะมุมด้านขวาแล้วเทอร์รี่โดดโขกจากหกหลาสะบัดเข้าเสาไกลพาเจ้าบ้านนำ 2-0
 
        เป็นอย่างนี้นาโปลีจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเกมรุกกดดันสิงห์บลูส์ แต่นาทีที่ 53 คันนาวาโร่ทำฟาวล์จึงได้ใบเหลือง
 
        กระนั้นนาทีที่  55 แฟนเชลซีก็ต้องเงียบกริบเมื่อดอสเซน่าโยนบอลจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษโดนเทอร์รี่โขกออกมา โกคาน อินเลอร์จึงพักอกแล้วตะบันจาก 20 หลาเสียบเสาแรกอย่างเด็ดขาดชนิดที่เช็กไม่ได้กระดิก จึงเป็นอันว่านาโปลีไล่มา 2-1
 
        สถานการณ์บีบให้เจ้าบ้านต้องกลับไปบุกใหม่อีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนตอร์เรสลงไปแทนสเตอร์ริดจ์ในนาทีที่ 63 และเกือบได้ประตูในนาทีต่อมาเมื่ออิวาโนวิชเติมขึ้นไปกระทุ้งในกรอบเขตโทษด้านขวา ทำเอาเดอ ซานซ์ติสต้องผวาปัด
 
        จากนั้นในนาทีที่ 66 จากลูกทุ่มด้านขวาของอีวาโนวิช ดร็อกบาก็พักอกในเขตโทษแล้วกลับตัววอลเลย์ระยะ  16 หลาถูกเดอ ซานซ์ติสกระโจนปัดได้ที่เสาไกลอย่างเหลือเชื่อ
 
        ขยับมาอีกสองนาที ดอสเซน่าโดนจดชื่ออีกรายในจังหวะทำฟาวล์เอสเซียง แต่นาทีที่ 71 ซูนิก้าสบช่องตะบันในเขตโทษด้านขวาถูกเช็กปัดได้อย่างเหนียวหนึบเช่นกัน
 
        ช่วงที่เหลือ สิงห์บลูส์บู๊แหลก และนาทีที่ 75 ก็ได้ลูกเตะมุมด้านซ้ายโดยอีวาโนวิชโขกที่เสาแรกแล้วดอสเซน่ายกมือโดนบอล ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษ และแลมพาร์ดสังหารสุดแรงเกิดไม่พลาดช่วยให้เชลซีนำ 3-1
 
        ท้ายเกมเจ้าบ้านพยายามเผด็จศึกทีมเยือนให้ได้แต่ได้แค่เสียว จบเกมจึงชนะด้วยสกอร์ 3-1 สกอร์รวมเจ๊ากัน 4-4 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีกครึ่งชั่วโมง
 
        ช่วงต่อเวลาพิเศษ เชลซี ตัดสินใจส่ง ฟลอร็องต์ มาลูด้า ลงมาแทน ฆวน มาต้า และจากนั้นไม่นานก็เปลี่ยน โชเซ่ โบซิงวา ลงมาแทน จอห์น เทอร์รี่
 
        นาทีที่ 10 ของการต่อเวลา เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ส้มหล่นเมื่อ มอร์แกน เด ซานซ์ติส ออกมาตัดบอลพลาด ดาวยิงชาวสเปนหลุดไปยิงโล่งๆ แต่เจ้าตัวกลับยิงออกอย่างน่าเสียดาย
 
        ถัดจากนั้น 2 นาที เชลซีได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช เปิดบอลจากแนวรับเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้โหม่งแต่บอลก็ข้ามคานออกไปไกล
 
        นาทีสุดท้ายของการต่อเวลาครึ่งแรก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ผ่านบอลเข้ากลางให้ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช ซัดเต็มๆ บอลพุ่งเสยเพดานตาข่ายเข้าไป เชลซี ขึ้นนำ 4-1 พร้อมกับหมดเวลาครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษ
 
        กลับมาเล่นในครึ่งหลัง เชลซียังคงเปิดเกมบุกเข้าใส่ และเกือบได้เพิ่มในนาทีที่ 109 รามิเรซ ลากบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาก่อนจ่ายให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ มอร์แกน เด ซานซ์ติส พุ่งเซฟไว้ได้ทัน
 
        นาที 120 เชลซี ได้จังหวะโต้กลับ ฟลอร็องต์ มาลูด้า จ่ายบอลให้ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ยิงเน้นๆในกรอบเขตโทษ แต่กลับยิงไม่เข้ากรอบหน้าตาเฉย
 
        ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกมเชลซีเป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ 4-1 สกอร์รวม 5-4 พร้อมทั้งกรุยทางเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อีวาโนวิช , แอชลีย์ โคล , ดาวิด ลุยซ์ , จอห์น เทอร์รี่ (โชเซ่ โบซิงวา น.98)  , ไมเคิ่ล เอสเซียง , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , ฆวน มาต้า (ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.95) , รามิเรซ , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.63)  , ดิดิเยร์ ดร็อกบา

สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์  , แกรี่ เคฮิลล์ , จอห์น โอบี มิเกล , ซาโลมง กาลู

นาโปลี : มอร์แกน เด ซานซ์ติส , ซัลวาตอเร่ อาโรนิก้า  (เอดูอาร์โด้ วาร์กาส น.110) , เปาโล คันนาวาโร่ , อูโก้ คัมปันญาโร่ , คริสเตียน มาจโจ้ (อันเดรีย ดอสเซน่า น.37)  , โกคาน อินเลอร์ , วอลเตอร์ การ์กาโน่ , ฮวน ซูนิก้า , มาเร็ค ฮัมซิค  (โกรัน ปานเดฟ น.106)  , เอเซเกล ลาเวซซี่ , เอดินสัน คาวานี่

สำรอง : อันโตนิโอ โรซาติ  , เบลริม เซไมลี่ , เฟเดริโก้ แฟร์นานเดซ   , มิเกล บริตอส
 
ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ บริช (เยอรมัน)