ลอนดอนดาร์บี้สุดมัน "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิดรังเสมอกับ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส แบบโนสกอร์ 0-0 แบ่งได้ทีมละแต้ม ทำให้ สเปอร์ส ยังรักษาโควต้าแชมเปี้ยนลีกไว้อย่างเหนี่ยวแน่น ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์


         ศึก ลอนดอนดาร์บี้ "สิงห์บลูส์" เชลซี เปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ "ไก่เดือยทอง" สเปอร์ส โดยเกมนี้ เจ้าถิ่นใช้ ฆวน มาต้า,ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นสามประสานทะลวงประสาน ขณะที่ ทีมเยือนใช้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เป็นหัวหอกตัวเป้าคนเดียว

 

   เริ่มเกมมา10นาที ทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะเข้าทำจะแจ้ง ใกล้เคียงสุดคือจังหวะหลุดเข้าไปพักเอาบอลลงในกรอบเขตโทษของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่ ยูเนส กาบุล ยังเร็วตามมาเคลียร์ได้ก่อน ดร็อกบา จะง้างยิง


     นาทีที่21 เกมเล่นการอยู่แดนกลางสนามเป็นหลัก ก่อน ไมเคิ่ล เอสเซียง มีโอกาสได้สับยิงไกลระยะไกล35หลา แต่ยังติดบล๊อคของ สกอตต์ พาร์เกอร์


     7นาทีต่อมา แฟน เชลซี ฮือกันทั้งสนามหวังได้จุดโทษ เมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไปปะทะกับ วิลเลี่ยม กัลลาส ในกรอบเขตโทษของสเปอร์ส แต่ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ยังเฉย


     นาทีที่31 เป็นฝ่ายสเปอร์ส ได้เสียวบ้าง เมื่อ แกเร็ธ เบล โยกมาอยู่ทางฝั่งขวาของสนาม ก่อนลากเลี้ยงเข้ากลางไปถึงกรอบเขตโทษ แต่จังหวะสับไกของ เบล ยังไม่เข้าฝัก บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป


     นาทีต่อมา สเปอร์ส ใช้จังหวะโต้กลับเล่นงาน เชลซี โดย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลากพาบอลผ่าน โชเซ่ โบซิงวา ก่อนเปิดมาให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ยืนคนเดียวโล่งๆทางเสาสอง แต่บอลเปิดของ อเดบายอร์ แรงเกินไปจน ไคล์ วอล์คเกอร์ กระโดโหม่งไม่ถึง


     ก่อนหมดเวลา5นาที แกเร็ธ เบล พาบอลลากผ่าน จอห์น เทอร์รี่ ก่อนจะสับไกยิงด้วยเท้าซ้าย แต่บอลโด่งข้ามคานออกหลังไปเยอะ


     ช่วงทดเจ็บ สเปอร์ส พลาดได้ประตูนำอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ ลูก้า โมดริช เปิดบอลให้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ยิงเต็มๆระยะ6หลา ปีเตอร์ เช็ก เซฟจากบนเส้นในจังหวะแรก ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ตามาซ้ำอีกครั้ง แต่ แอชลี่ย์ โคล สไลด์ขวางได้อีก ก่อนจะจบลงที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ได้โหม่ง แต่บอลก็ลอยข้ามคานออกไป เชลซี รอดเสียประตูหวุดหวิด


     ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรกจึงเสมอกันอยู่ 0-0


     เริ่ม ครึ่งหลังมา5นาที เป็นฝ่ายเจ้าถิ่น ที่โดนใบเหลืองไปก่อน จากจังหวะที่ ไมเคิ่ล เอสเซียง ไปเตะฟาวส์ตัดเกมใส่ ลูก้า โมดริช ทำให้ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ควักแจกทันที


     นาทีที่56 ทีมเยือน สเปอร์ส ได้โอกาสทองลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ แกเร็ธ เบล พาบอลแหวกแนวรับ เชลซี ก่อนไหลออกขวาให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ เติมขึ้นมาสับไกยิงด้วยขวา แต่บอลเข้าข้างหน้าต่างไปแทน


     4นาทีต่อมา เชลซี ทำการเปลี่ยนตัวครั้งแรกด้วยการส่ง ดาวิด ลุยซ์ ลงมาแทน โชเซ่ โบซิงวา


     นาที ที่65 สปเอร์ส รับใบเหลืองทีเดียว2ใบรวด โดยจังหวะแรก ได้จาก เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ ไปเตะฟาวส์น่าเกลียดใส่ รามิเรส ส่วนอีกใบเกิดจาก ซานโดร ไปเสียบหนักใส่ ไมเคิ่ล เอสเซียง


     7นาทีต่อมา เชลซี พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย เมื่อได้ฟรีคิกระยะ30หลา ฆวน มาต้า ปั่นด้วยเท้าซ้ายบอลข้ามกำแพงไปฮุกลงเต็มเสา ทั้งๆที่ แบร๊ด ฟรีเดล ได้แต่มองแล้ว


     นาที ที่75 เชลซี ทำการเปลี่ยนตัวอีกด้วยการส่ง เฟร์นันโด ตอร์เรส ลงมาแทน ไมเคิ่ล เอสเซียง ขณะที่ สเปอร์ส เปลี่ยน2ตัวรวดด้วยการส่ง หลุยส์ ซาฮา แทน ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท และส่ง เจค ลิเวอร์มอร์ ลงแทน ซานโดร


     4นาทีต่อมา เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เอาชนะการเช็กล้ำหน้าของหลังเชลซี เข้าไปดวลเดี่ยวกับ ปีเตอร์ เช็ก ก่อน อเดบายอร์ แตะหลบ เช็กไปได้ ก่อนยิงประตูโล่งๆแต่ แกรี่ เคฮิลล์ ตามมาสไลด์เซฟชีวิต เชลซี ได้อย่างเหลือเชื่อ


     นาที ที่88 เชลซี ทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง ด้วยการส่ง ซาโลมง กาลู ลงมาแทน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ แต่ช่วงเวลาที่เหลือทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไป 0-0 แบ่งไปทีมละแต้ม

11นักเตะของทั้งสองทีม

เชลซี(4-3-3):ปี เตอร์ เช็ก,โชเซ่ โบซิงวา,จอห์น เทอร์รี่, แกรี่ เคฮิลล์, แอชลี่ย์ โคล,ไมเคิ่ล เอสเซียง, รามิเรส,แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาต้า,ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์,ดาวิด ลุยซ์,โอบี มิเกล,ราอูล เมยเรเลส,ฟลอรองต์ มาลูด้า,ซาโลมง กาลู,เฟร์นันโด ตอร์เรส

สเปอร์ส(4-4-1-1):แบ ร๊ด ฟรีเดล,ไคล์ วอล์คเกอร์,วิลเลี่ยม กัลลาส,ยูเนส กาบุล,เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้,ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท,ลูก้า โมดริช,สกอตต์ พาร์เกอร์,แกเร็ธ เบล, ซานโดร,เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

สำรอง :คาร์โล คูดิชินี่,ไรอัน เนลเซ่น,เจค ลิเวอร์มอร์,แดนนี่ โรส,นิโก้ ครานชาร์,เจอร์เมน เดโฟ,หลุยส์ ซาฮา

ผู้ตัดสิน:มาร์ติน แอตกินสัน