ขอบฟ้าเหนืออาณากั้น ใช่รักจะดั้นยากกว่านกโบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้ามแผ่นดิน เมื่อความรักดิ้นฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล... 


          เป็น ท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงรักอมตะ "รักข้ามขอบฟ้า" ที่สะท้อนให้เห็นว่า... ความรัก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร เชื้อชาติ ภาษา หรือแม้แต่ศาสนา ก็มิอาจจะกั้นขวางทางไปแห่ง "รักแท้" ได้


          เช่น เดียวกับ "ความรัก" ระหว่างนักกีฬาเทควันโด ทีมชาติไทย "น้องจิ๊บ" ธัญนันท์ เปรมแหวว หรือชื่อเดิม ชลนภัส เจ้าของเหรียญทองแดง ชิงแชมป์โลก เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ และเหรียญทองซีเกมส์หลายสมัย กับแฟนหนุ่มนักเทควันโด ทีมชาติอินโดนีเซีย เชื้อสายจีน "ยูเลียส เฟอร์นันโด"


          แม้คู่นี้จะอยู่กันคนละ ประเทศ ขอบฟ้า ท้องน้ำทะเลกั้น แต่ "พรหมลิขิต" ได้ขีดเส้นพาทั้งคู่มาเจอะเจอกันในสนามแข่งขัน หลายครั้งที่ได้เจอหน้ากัน หลายคราที่ได้เดินผ่าน แม้ "ความรัก" จะยังไม่บังเกิด แต่สิ่งที่ทั้งคู่รู้สึกได้ คือ...


          แรงแห่ง "รัก" มันมีพลังชักนำความรู้สึกดีๆ ที่พอกพูนเพิ่มทวีคูณขึ้นในใจทั้งคู่


          จน ที่สุดเมื่อปี 2010 เมื่อหัวใจของทั้งคู่ "ว่าง" ไร้เจ้าของจับจอง สิ่งเดียวที่คิดถึงขึ้นมาคือ "ใบหน้า" ของอีกฝ่ายที่ผุดขึ้นมาจนยากที่จะลืมเลือน พร้อมๆ กันนั้นหัวใจก็ได้เรียกร้องพร่ำหากันและกัน จนที่สุดก็ฝืนลิขิตแห่ง "รัก" ไม่ได้


          ความรักก่อตัวขึ้นอย่างรวด เร็ว และแข็งแรงพอจนทั้งคู่ตัดสินใจจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ พร้อมที่จะหันหน้ามาร่วมสร้างครอบครัวเล็กๆ ขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2555 ท่ามกลางความปลาบปลื้มปีติยินดีของครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย และเพื่อนสนิทที่ต่างเฝ้าลุ้นให้ทั้งคู่ลงเอย และสร้างชีวิตใหม่ร่วมกัน


          งาน แต่งงานของ "น้องจิ๊บ" และแฟนหนุ่มชาวอินโดนีเซีย นั้นได้จัดขึ้น 3 ช่วงเวลา โดยในช่วงเช้าเป็นพิธีหมั้น จัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาว ภายในหมู่บ้านพฤกษา 3 บางบัวทอง ซึ่งเป็นการจัดในรูปแบบไทย มีขบวนขันหมากของเจ้าบ่าว ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ก่อนที่จะมีการสวมแหวนหมั้น ในเวลา 09.09 น. โดยฝ่ายเจ้าบ่าวได้นำเงินสินสอดเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท พร้อมด้วยชุดเครื่องทอง ประกอบด้วย สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และ แหวนทองคำ รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ส่วนแหวนหมั้นนั้นเป็นแหวนทองคำขาวมีเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับเป็นหัวแหวนสวยงาม ซึ่งมีนาย เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวและร่วมเป็นสักขีพยาน บรรยากาศในช่วงเช้านั้นเจ้าภาพจัดแบบเล็กๆ ที่มีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเข้าร่วมงานไม่มากนัก และจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นกันเอง จากนั้นเวลา 14.00 น. น้องจิ๊บและแฟนหนุ่มได้จูงมือกันเข้าสู่พิธีแต่งงานตามหลักศาสนาคริสต์ ที่โบสถ์พระแม่สกลสงเคราะห์ บางบัวทอง ก่อนที่จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสกันที่โรงแรมเดอะแกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น ศรีนครินทร์ ในช่วงค่ำวันเดียวกัน


          จิ๊บ เล่าย้อนถึงที่มาของการเจอะเจอกับแฟนหนุ่มที่อยู่คนละประเทศนี้ว่า ได้เจอกันในสนามแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จนกระทั่งเมื่อปี 2007 ได้มีโอกาสพูดคุยกันระหว่างที่ไปรอชั่งน้ำหนัก เพราะทั้งคู่นั้นลงแข่งขันในรุ่นไลต์เวตเหมือนกัน 


          "ตอน นั้นก็ไม่ได้คิดอะไร บอกตามตรงว่าเราทั้งคู่ก็ต่างมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็พูดคุยกันแบบเพื่อนมากกว่า และมีโอกาสที่จะแลกอีเมลกัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันมาก ก็จะเจอกันที่สนามแข่งขันเป็นส่วนใหญ่"


          แต่ใครจะคิดว่า "พรหมลิขิต" ได้ทำให้ทั้งคู่มีการสื่อสารติดต่อกันมากขึ้น และถูกบ่มเพาะเป็น "ความรัก" ขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


          "ตอน เอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว เราก็ได้มาเจอกันอีก ได้พูดคุยกันมากขึ้น ซึ่งเรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วไป รู้สึกว่าคุยอะไรกันก็สนุก และเราก็มาสนิทกันมากขึ้น แม้ว่าจะแยกย้ายกันไปแล้วก็ได้มีการติดต่อกันทางอีเมล ทางบีบี ตลอด ยูเลียส มีอะไรก็จะปรึกษา เรามีปัญหาอะไรก็จะคุยกับเขา"


          "ยู เลียส อายุน้อยกว่า จิ๊บ 1 ปี แต่เขามีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนซีเรียส เขาจะคิดเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็จะคุยกับเราในลักษณะที่สนุก ไม่ทำให้เครียด แต่จะทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น ก็เลยได้มีการติดต่อกันถี่ขึ้น"


          "จน เมื่อปี 2010 ได้มีโอกาสเจอกับเขาที่เกาหลีใต้ ตอนนั้นเราก็เลิกกับแฟน เขาก็เลิกกับแฟน ยูเลียส ก็มาบอกว่าชอบเรามาตั้งแต่ปี 2007 แต่ไม่กล้าบอก และขอที่จะเป็นแฟน ซึ่งในช่วงที่ตัดสนใจเป็นแฟนกันนั้นเรามีโอกาสคุยกันมากขึ้น ยูเลียส เป็นคนที่ไม่มีแอ๊บ ไม่มีฟอร์มอะไร หนูเองก็รู้สึกสบายใจ ได้เป็นตัวของตัวเอง มีอะไรเราก็บอกพูดคุยกันเต็มที่ ยิ่งมีโอกาสได้ไปเจอครอบครัวเขาแล้วก็ประทับใจมาก แม่ของเขาเอาใจใส่ตนเหมือนลูกคนหนึ่งเลย ส่วนน้องชายก็น่ารัก และในช่วงที่คุณพ่อเขาเสียเมื่อปีที่แล้วเขาก็โทร.มาบอกหนูเป็นคนแรก ก็ได้ให้กำลังใจกันมากขึ้น"


          "ยู เลียส เขาบอกตลอดว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่โรแมนติก ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์เลย ยกเว้นตอนปีที่แล้ว เขานั่งเครื่องบินมาเมืองไทยคนเดียว บุกมาที่บ้านแล้วก็บอกกับพ่อจิ๊บว่าอยากแต่งงานกับจิ๊บ ซึ่งพ่อก็ตกใจและถามกลับไปว่าแน่ใจแล้วเหรอ เขาก็บอกว่าอยากดูแลหนู ซึ่งจากนั้นในเดือนเมษายน ก็พาแม่มาสู่ขออีกครั้ง"


          จิ๊บ บอกว่า แม้จะไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติก แต่ ยูเลียส ก็สามารถเอาชนะใจเธอด้วยความสม่ำเสมอ ความจริงใจ และการดูแลเอาใจใส่มาตลอดตั้งแต่รู้จักในฐานะเพื่อน และยิ่งมีมากขึ้นเมื่อตัดสินใจคบหาเป็นแฟนกัน


          ส่วน ยูเลียส เองที่มีความตื่นเต้นกับพิธีแต่งงานแบบไทยๆ ก็ได้ย้ำมาว่า จิ๊บ เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็นคนสองอารมณ์ที่มีทั้งอ่อนหวาน เงียบขรึม แต่ก็มีอารมณ์สนุก ขบขัน และน่ารัก 


          "อยู่ ที่อินโดฯ ผมก็เคยมีแฟน แต่พอตัดสินใจคบหากับจิ๊บผมก็ไม่มองผู้หญิงคนไหนอีกเลย เพราะจิ๊บเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่แค่เป็นแฟน แต่เป็นทั้งเพื่อนที่รู้ใจ และเป็นคนที่อยู่ข้างผมเวลาที่มีปัญหาและต้องการกำลังใจ"


          แน่นอนว่าพิธีแต่งงานเป็นเพียงแค่การประกาศให้สังคมรับรู้ว่าทั้งคู่ได้ "แต่งงาน" และร่วมเป็น "ครอบครัว" เดียวกันแล้ว


          แต่ชีวิตหลังการแต่งงานนั่นสิ ถือเป็นอีกหนึ่งช่วง "ชีวิตใหม่" ที่คนสองคน ต่างที่มา ต่างครอบครัว ต่างเชื้อชาติ ได้มาอยู่ร่วมกัน


          และ อนาคตข้างหน้าก็จะมี "ชีวิต" ใหม่ที่เป็นผลผลิต เป็นทายาท และเป็นโซ่ทองคล้องใจทั้งคู่เกิดขึ้นมาอีก ความรักที่แข็งแกร่ง เป็นฐานรากให้ "ครอบครัว" มีความแข็งแรง และยิ่งได้ความ "เข้าใจ" กันและกันอีกก็จะยิ่งเสริมช่วยให้เกิดความเข้มแข็ง 


          ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งคู่ได้พิสูจน์ใจให้เห็นถึงพลังแห่ง "รักแท้" ที่พรมแดนมิอาจกั้นได้


          ขอ ร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัวใหม่ "จิ๊บ" ธัญนันท์ กับ ยูเลียส เฟอร์นันโด ให้ทั้งคู่เป็นคู่ตุนาหงัน ร่วมถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ผลิตทายาทก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาเลือดใหม่เพื่อสร้างชื่อเสียงสืบต่อให้วงศ์ ตระกูลต่อไป