"เจ้าเต่า" ประสาร พันธ์สำลี แข้งฉาวระยอง ยูไนเต็ด ยืนยันไม่ได้วิ่งเข้าไปทำร้ายเชิ้ตดำ แค่อยากเข้าไปถามเรื่องตัดสิน ยอมรับเครียดมากหลังโดนแบนตลอดชีวิต ด้าน วิมล กาญจนะ แจงไม่ได้เชือดลิงใครให้ดู ชี้อุทธรณ์ได้แต่ต้องเอามาพิจารณาใหม่หลังจากนี้อีก 3 ปี…

วันที่ 26 ก.ย. หลังจากที่ "เจ้าเต่า" ประสาร พันธ์สำลี แข้งทีมระยอง ยูไนเต็ด วิ่งไล่พยายามจะทำร้ายผู้ตัดสิน ในศึกเอไอเอสลีก ลีกภูมิภาค (ดิวิชั่น 2) โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่พบกับ อาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน ก่อนโดนฝ่ายจัดการแข่งขันฯ ลงโทษแบนตลอดชีวิต พร้อมกับปรับเงินอีก 6 หมื่นบาทด้วยนั้น

ล่าสุด ประสาร ออกมากล่าวว่า ตนรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่คิดว่าบทลงโทษจะรุนแรงขนาดนี้ จังหวะนั้นตนจะเข้าไปถามผู้ตัดสินว่า ทำไมผู้เล่นฝ่ายอาร์แบคฯ ถึงไม่โดนใบแดงบ้าง ซึ่งผู้ตัดสินทำท่าจะวิ่งหนี ตนเลยวิ่งตามไปก่อน จึงวิ่งไล่กวดกันตามที่เห็นตามคลิป ซึ่งตนวิ่งไปเพียงแค่อยากถามกรรมการ ไม่ได้คิดทำอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้ออกหมัด หรือเหวี่ยงแขน ซึ่งหลังจากที่ภาพในคลิปหายไป ก็ไม่ได้วิ่งไล่ต่อแล้ว

แข้งโทษประหารระยอง เผยต่อว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรต่อไปหลังจากที่โดนแบนตลอดชีวิต ซึ่งผู้ใหญ่ในทีมกำลังทำเรื่องอุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการอุทธรณ์จะออกมาเป็นแบบใด ตนก็จะขออยู่ลุ้นไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมทีมในการแข่งขันรอบแชมเปียนส์ลีกก่อน 

"ผมขอโทษสโมสร ขอโทษแฟนบอล ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยเสื่อมเสีย ตอนนี้เครียดมาก ไม่อยากคุยกับใคร อยากขอวิงวอนและเคลียร์กับผู้ใหญ่ในสโมสรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมทราบว่าทีมกำลังยื่นอุทธรณ์ให้อยู่ ซึ่งผมก็หวังว่าจะได้รับข่าวดี ให้มีบทลงโทษที่น้อยลง เพราะผมก็หวังลึกๆ ว่าจะได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งหนึ่ง" ประสาร กล่าว

ขณะที่ วิมล กาญจนะ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลเอไอเอสลีก ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 เปิดเผยว่า การเป็นนักเตะฟุตบอลอาชีพควรมีจิตสำนึกที่ดี ซึ่งนักฟุตบอลอาชีพต้องมีสปิริต เล่นด้วยความเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เป็นนักเลง ถึงแม้จะมองว่ากรรมการผิดพลาดหรือคิดว่าตัดสินไม่เป็นกลาง ก็ห้ามไปลงที่ผู้ตัดสิน เพราะสมาคมฟุตบอลฯ หรือฝ่ายจัดการแข่งขัน ก็มีกระบวนการพิจารณาอยู่แล้ว ซึ่งกรณีแบบนี้ทั่วโลกคงไม่มีใครทำกัน

"นักฟุตบอลอาชีพต้องเป็นแบบอย่างให้ดีกับเยาวชนและสังคม ผมไม่ได้เชือดใครให้ดู แต่การกระทำแบบนี้มันเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ทำลายวงการฟุตบอลไทย ส่วนการอุทธรณ์เป็นสิทธิที่สโมสรนั้นๆ พึงกระทำได้ แต่ในฐานะที่เป็นประธานจัดฯ และประธานฝ่ายพิจารณการอุทธรณ์โทษด้วยนั้น ก็จะไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาใหม่นับจากนี้ไปอีก 3 ปี" วิมล ชี้แจง.