ศึก "เรฟเวียร์ ดาร์บี้แมตช์" ฉบับเกมลีก นัดที่ ชาลเก้ บุกไปเชือด ดอร์ทมุนด์ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องงามหน้าขึ้นจนได้ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุ กองเชียร์ของทั้ง 2 ทีมมีการทะเลาะวิวาทกันอย่างหนัก แถมยังเล่นงานผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ด้วย โดย ดีเตอร์ คีล อธิบดีกรมตำรวจประจำเมืองดอร์ทมุนด์ เฉ่งทั้ง 2 ฝ่ายที่ก่อความรุนแรงเช่นนี้

แฟนบอลของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ ชาลเก้ 04 ซึ่งเป็น 2 ทีมคู่ปรับในแคว้นรูห์ มีการปะทะกันอย่างหนัก ก่อนเกม บุนเดสลีกา เยอรมัน นัดที่ "ราชันสีน้ำเงิน" บุกไปเฉือนชนะ "เสือเหลือง" 2-1 ถึงถิ่น เวสต์ฟาเล่นสตาดิโอน เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนถึงขั้นทำลายร้านขายขนม และทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันเดียวกัน

ความวุ่นวายเริ่มต้นจากการที่แฟนบอลของ ชาลเก้ ร่วมพันชีวิต ได้เดินทางมาถึงเมืองดอร์ทมุนด์ พร้อมกับจุดพลุไฟไปด้วยในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปที่สนาม แต่หลังจากนั้นสาวกของ "ราชันสีน้ำเงิน" ก็มีการชกต่อยกับกองเชียร์ของ ดอร์ทมุนด์ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาพยายามแยกทั้ง 2 ฝ่ายออกจากกัน ทว่าสุดท้ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็โดนสาวกของทั้ง 2 ทีมทำร้ายร่างกายไปด้วย

ขณะเดียวกัน สาวกของ ชาลเก้ ได้มีการพยายามทำลายรั้วกั้นเช่นกัน ร้อนจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้รถฉีดน้ำมาดับสถานการณ์ความดุเดือด นอกจากนี้ ตำรวจม้ายังโดนกองเชียร์ขว้างปาหินใส่อีกต่างหาก โดยผู้รักษาความสงบระบุว่า บรรดาแฟนบอลยังมีการทำลายร้านขายขนมที่อยู่ใกล้กับสนาม ด้วยการกระชากเอาสิ่งก่อสร้างบางส่วนของร้านลงมา และเอามันมาเป็นอาวุธขว้างใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วย

ด้าน ดีเตอร์ คีล อธิบดีกรมตำรวจประจำเมืองดอร์ทมุนด์ ออกโรงตำหนิกองเชียร์ของทั้ง 2 ทีม ที่ทำเรื่องงามหน้าเช่นนี้ "อาชญากรรมความรุนแรงที่เกิดจากความตั้งใจของทั้งแฟนบอล ดอร์ทมุนด์ และ ชาลเก้ คือสิ่งที่บ่อนทำลายแนวคิดของการรักษาความปลอดภัยของเรา และพวกเขามาถึงในสภาพพร้อมที่จะก่อเรื่องกันทันที เป้าหมายของพวกเขาก็คือการวิวาทกับคู่อริของพวกเขา และผู้บริสุทธิ์ด้วย"