เข้มข้นๆ น่าดูน่าฟังในทุกๆ อาทิตย์สำหรับเวทีตัวจริง เสียงจริงแห่งเดอะวอยซ์ The Voice งานนี้โค้ชคิ้ม เจนนิเฟอร์ คิ้ม บอกจากใจดวงอวบๆ เลย ลูกทีมของตัวเอง ล้วนมีดีและเด่นในแต่ละสไตล์

นอกจากจะเป็นโค้ชให้ลูกทีมตัวเองแล้ว ในขณะที่สอนๆ พี่คิ้มเองได้เรียนรู้ได้พัฒนาตัวเองไปด้วยหรือไม่อย่างไร? “โอ๊ยยย พี่คิดว่าในทีมของพี่ที่มีอยู่ เก่งกว่าพี่(ยิ้ม)”  ใช้คำว่าเก่งกว่าได้เลย? “อืม!!! อย่างกลม(อรวี พินิจสารภิรมย์) เสียงเพราะมาก พี่ไม่คิดว่าเกิดมาจะมีเส้นเสียงเท่าเขาได้ มันเหมือนพระเจ้ายัดลูกแก้ววิเศษลงในคอของเขา เราฝันมากที่จะเสียงแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็อิจฉาเทคนิคบางอย่างที่กบ(วีระศักดิ์ เกลือกัน)มี เฮ้อ อิมโฟรไวซ์เสียงได้ยังไงนะ ทำเสียงแบบนี้ได้ยังไง ด้นสดแบบนี้ได้ยังไง

“ในขณะเดียวกันพี่ไม่ค่อยตื่นเต้นกับใครที่ร้องแนวนะ คุณที่ร้องแนวพี่เฉยๆ เหมือนคนแต่งตัว ถ้าเราแต่งตัวกรีดอายไลน์เนอร์หนา มีรอยสักที่ตัว มันจะแนวไปเองแต่ว่าลงลึกไป เราต้องหาแนวด้วยการคบกันคนนั้น พิสูจน์คนนั้นไปเรื่อยๆ ว่าจริงๆ แนวที่ความคิดหรือว่าแค่แนวววว(ลากเสียงยาว) แค่ตัว อยากให้แนวที่ความคิด อย่างเสียงที่แง้งแว้งๆ พี่จึงไม่ได้ไปตื่นเต้นกับมันมาก ถามว่ามันน่าจะเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับคนฟังไหมก็น่าจะ ถ้าเป็นรายการอื่นคนร่วงไปแล้ว ถ้ามาง่าวๆ ใส่อย่างนี้

“รายการนี้มาชูสิ่งนี้ให้เห็นว่ามันใช้ได้ มันเข้ารอบได้ คนก็ให้ความสำคัญกับมัน เราไม่ได้มองหาแค่แนว แต่เราต้องมองหาบางอย่างที่อยู่ในตัวคนนั้น เพราะว่าการรับงานจริงๆ เวลาเด็กออกมาแล้ว คุณต้องทำตามโจทย์ คุณไม่สามารถแนวววววได้ตลอดเวลา พี่ไม่สามารถพ่นไฟได้ตลอดเวลาที่พี่ร้อง เพราะบางครั้งลูกค้าก็สั่งมาประมาณหนึ่ง อยากได้อีซี่ลิสเซ็นนิ่ง (easy listening) อย่างนี้ อยากได้เพลงที่ให้ความหมายแบบนี้ เพราะคนฟังเป็นผู้ใหญ่ จะไปตะโกนใส่หูเข้าไม่ได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ ดังนั้น ถ้าตรงนี้มีอยู่แล้ว ตรงอื่นมีอีกไหม พี่หาอะไรที่คนอื่นเขาไม่หา พี่คิดว่าโค้ชคนอื่นก็หาตรงนี้เหมือนกัน มันควรจะมีอยู่ในแวดวงมานานแล้ว แต่ว่าไม่ได้รับการเชิดชูหรือเปิดเผย เราต่างร่วมหาสิ่งแปลกๆ นี้คือสิ่งที่นักร้องควรจะมี”.