การแข่งขัน ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 7 ''ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์ คัพ ไทยแลนด์ 2012'' นัดเปิดสนาม เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 1 พ.ย. 2555

    กระแสแรงแฟนแห่เข้าชมคึกคัก

    ในช่วงก่อนพีธีเปิดการแข่งขันฟุซอลชิงแชมป์โลก 2012 จะเริ่มขึ้น แฟนฟุตซอลทั้งชาวไทยและต่างชาติก็เริ่มเดินถยอยเข้าสู่สนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมากอย่างต่อเนื่อง โดยเข้ามานั่งชมเกมคู่แรกระหว่าง ยูเครน กับ ปารากวัย ชิมลางไปก่อน

    หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 18.45 น. พิธีเปิดเกมการแข่งขันเริ่มขึ้น แฟนบอลก็ยังคงทยอยเข้าสนามอย่างต่อเนื่องจนทำให้ในสนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมากเต็มไปด้วยผู้ชมที่กว่า 7,500 คนเกือบเต็มความจุของสนาม และนอกจากผู้ชมที่ได้เข้ามาชมเกมในสนามแล้ว ยังมีแฟนบอลไทยอีกหลายร้อยคนที่เข้าชมเกมการแข่งขันของทีมชาติไทยไม่ได้ เนื่องจากบัตรที่วางจำหน่ายหน้าสนามหมดเรียบร้อยแล้ว

       
    "ยิ่งลักษณ์" ร่วมเปิดงานสุดยิ่งใหญ่

    จบการแข่งขันในคู่แรก เวลา 18.46 น. ถึงคราวพิธีเปิดการแข่งขันฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์ คัพ ไทยแลนด์ 2012 อย่างเป็นทางการ โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก "นายกฯปู" นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีพร้อมด้วย "บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง รวมถึง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกที่เดินทางมาร่วมงานด้วย

    พร้อมกันนั้น "นายกฯปู" นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ต่อด้วยการแสดงในพิธีเปิด ซึ่งถือเป็นการแสดงบ่งบอกเอกลักษณ์และวัฒนธรรมความเป็นชาติไทย ผ่านการถ่ายทอดสดไปยัง 180 ประเทศสมาชิกทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

       
    ชุดแรกไทยไม่ผลิกโผ "ศุภวุฒิ" ล่อเป้า

    หลังพิธีเปิดเสร็จสิ้น ก็เป็นการแข่งขันคู่สองระหว่าง "ช้างศึก" ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย พบกับ "กล้วยหอม" คอสตาริกา โดย 5 ผู้เล่นชุดแรกของทีมชาติไทย ที่ วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือชาวดัตช์จัดทัพชุดแรก ตามที่คาดการณ์เอาไว้

    ผู้รักษาประตูเปิดโอกาสให้ ประกิต ด่านขุนทด มือกาวหน้าใหม่ลงยืนเฝ้าเสา ขณะที่ สุรพงษ์ ทมพา นายด่านมากประสบการณ์หลุดเป็นสำรอง โดย ผู้เล่น 4 รายประกอบด้วย จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, กฤษดา วงษ์แก้ว, เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ยืนค้ำแดนหน้า

    ขณะที่ ดีเอโก้ โซลิส เฮดโค้ชคอสตาริกา จัดเต็มสูบเช่นกัน 5 ผู้เล่นชุดแรกประกอบด้วย ไจโร่ โตรูโน่ ผู้รักษาประตู, เอ็ดวิน คูบิลโล่, อเลฆานโดร ปาเนียกัว, อารอน เจเรซ และ ดีเอโก้ ซูนิก้า ซึ่งเพิ่งถูกเว็บไซต์ฟีฟ่าตั้งฉายาให้เป็น "โรนัลดินโญ่" แห่งวงการฟุตซอลโลกยุคปัจจุบัน

       
    เปาสาวแซมบ้าร่วมตัดสินไทย

    เกมระหว่างไทยพบคอสตาริกา ถือเป็นนิมิตใหม่ของวงการผู้ตัดสินฟีฟ่า เพราะมีชื่อของผู้ตัดสินหญิงชาวบราซิล อย่าง เรนาเต้ ไลเต้ ร่วมทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินที่ 2 ส่วนผู้ตัดสินที่ 1 เป็น เฮคเตอร์ โรจาส ชาวเปรู, ผู้ตัดสินที่ 3 เจมี่ จาวิต้า จากเอกวาดอร์ และผู้รักษาเวลาเป็น ดาเนียล โรดริงเกวซ จากอุรุกวัย

       
    ไทย 3-1 คอสตาริกา

    
    ออกสตาร์ตครึ่งแรก ทีมชาติไทย ที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินล้วน เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นบุกจากขวาไปซ้าย และเพียงแค่นาทีแรก ก็มีโอกาสลุ้นก่อนจากลูกผ่านของ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง จากริมซ้าย บอลไม่ถึง เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ สุดท้ายโดนผู้เล่นคอสตาริกาเคลียร์สกัดทิ้งได้ทัน

    นาทีที่ 2 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ส่งบอลคืนประตูทั้งๆ ที่ยังไม่ผ่านกึ่งกลางสนาม ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นฟรีคิกติดเส้นเขตโทษ แต่ ดีเอโก้ ซูนิก้า ซัดติดเซฟ ประกิต ด่านขุนทด

    นาทีที่ 3 แฟนชาวไทยได้เสียวจากจังหวะที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ดึงหลอกคู่ต่อสู้ก่อนลากจี้เข้ากลางพร้อมกับง้างเท้ายิงไกล แต่สุดท้ายบอลยังหลุดกรอบ

    นาทีที่ 4 วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือไทยถอด ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง และ เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ออก แล้วส่ง ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน กับ เจษฎา ชูเดช ลงไปสร้างเกมรุกแทนที่

    นาทีที่ 5 โต๊ะเล็กไทยขยับส่ง ปิยะพันธ์ รัตนะ และ อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ ลงแทน กฤษดา วงษ์แก้ว กับ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ตามลำดับ

    นาทีที่ 8 เจษฎา ชูเดช ได้จังหวะซัดเหน่งๆ ริมฝั่งขวา แต่บอลยังติดมือ ไจโร่ โตรูโน่ นายด่านคอสตาริกาปัดทิ้งได้อย่างเหลือเชื่อ

    นาทีที่ 9 ฟุตซอลไทยต้องสลับกลับมาใช้ผู้เล่นชุดแรกอีกครั้ง เพื่อต้องการความเฉียบขาดในการจบสกอร์พื้นที่สุดท้าย

    โอกาสลุ้นทำประตูยังเป็นของไทยอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 11 กฤษดา วงษ์แก้ว ได้จังหวะซัดเต็มเท้า แต่บอลยังหลุดเสาสองออกไป

    นาทีเดียวกันนั้น ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง หลุดเดียวก่อนแต่งหลบนายด่าน คอสตาริกา สุดท้ายบอลปลิ้นหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

    นาทีที่ 13 ดีเอโก้ ซูนิก้า แนวรุกคอสตาริกาได้แปรจ่อๆ บริเวณจุดโทษ แต่บอลยังไม่ผ่านมือ ประกิต ด่านขุนทด ที่ดักทางเซฟเอาไว้ได้ทัน

    นาทีที่ 17 กฤษดา วงษ์แก้ว ไหลใส่พานให้ ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน ได้ซัดในวิถีที่ได้ลุ้น แต่เจ้าตัวดันจับบอลไม่อยู่กับเท้า ฝั่งคอสตาริกาเข้าบีบเร็ว ทำให้พลาดโอกาสยิงไปอย่างน่าเสียดาย

    กระทั่ง นาทีที่ 18 แฟนบอลไทยราว 7,000 คนภายในสนามอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมากต่างได้เฮกันลั่นจากจังหวะที่ เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ได้บอลหลุดขึ้นทางซ้าย เจ้าตัวมองเสาไกลทำท่าจะส่งต่อให้เพื่อน แต่สุดท้ายเลือกหลอกยิงไปที่เสาแรก บอลพุ่งเสียบตาข่ายชนิดที่ ไจโร่ โตรูโน่ นายด่าน คอสตาริกา ไม่ทันได้ป้องกัน ทำให้ทีมฟุตซอลไทยออกนำ 1-0 ในครึ่งเวลาแรก

    ครึ่งเวลาหลัง วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือโต๊ะเล็กไทยจัดส่งผู้เล่นชุดแรกอย่าง ประกิต ด่านขุนทด เป็นผู้รักษาประตู, จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, เกียรติยศ แฉล้มเขตร์, กฤษดา วงษ์แก้ว และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ลงบู๊ชุดแรก ขณะที่คอสตาริกา ยังวางแกนหลักอย่าง ดีเอโก้ ซูนิก้า ยืนค้ำแดนหน้า

    นาทีที่ 22 ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ได้ซัดแบบไร้ตัวประกบ แต่บอลยังหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

    เกมครึ่งหลังคอสตาริกาพยายามเน้นความแน่นอนในการพาบอลลำเลียงขึ้นไปยังแดนหน้า แต่สุดท้ายยังไม่ผ่านเท้าของ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร แนวรับที่ยืนดักทางได้หมด

    นาทีที่ 25 ผู้เล่นชุดสองของไทยอย่าง อารีฟ อาหามะ, อภิวัฒน์ แจ่มเจริญ , ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน รวมถึง ปิยพันธ์ รัตนะ เริ่มได้โอกาสร่ายเพลงแข้งอีกครั้ง

    นาทีที่ 26 อารีฟ อาหามะ จ่ายให้ ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน จับหนี่งจังหวะก่อนได้ง้างเต็มเหนี่ยว แต่สุดท้ายบอลยังไม่เข้ากรอบดั่งที่หวัง

    นาทีที่ วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือไทยยังคงเน้นหนักเรื่องการเปลี่ยนตัว นาทีที่ 27 ตัดสินใจส่ง จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, เกียรติยศ แฉล้มเขตร์, กฤษดา วงษ์แก้ว และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง สลับลงไปบู๊อีกระลอก

    นาทีที่ 29 เสียงเชียร์จากแฟนชาวไทยเริ่มดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง จากจังหวะที่ ประกิต ด่านขุนทด นายด่านไทยขว้างเร็วให้ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง หมุนตัวเกี่ยวบอลติดเท้า 1 จังหวะก่อนสับด้วยซ้าย ส่งบอลพุ่งแรงเสียบโคนเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ไทยหนีห่าง คอสตาริกา เพิ่มเป็น 2-0

    นาทีที่ 30 ไทยดักโต้กลับ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ดักบอลได้จากแนวรุกคู่แข่งก่อนแทงขึ้นซ้าย กฤษดา วงษ์แก้ว เกี่ยวติดหลุดเดี่ยวก่อนที่เจ้าตัวตัดสินใจงัดข้ามหัวนายด่านคอสตาริกาแต่บอลยังแรงเหินข้ามคานออกไป

    นาทีที่ 31 คอสตาริกาได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา แต่ มิคาเอล คอร์โดบา ซัดไปติดบล็อกไทย

    นาทีที่ 34 เอ็ดวิน คูบิลโล่ แข้งคอสตาริกายิงไกลติดผู้เล่นไทยอีกครั้ง

    นาทีที่ 36 เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ถูก ดีเอโก้ ซูนิก้า เบียดปั๊มแย่งทำให้เกียรติยศเจ็บข้อเท้าต้องเปลี่ยนตัว ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน ลงเล่นแทน

    นาทีที่ 37 ประกิต ด่านขุนทด ผู้รักษาประตูไทยถูกผู้เล่นคอสตาริกา วางเท้าใส่ที่ท้องในจังหวะเบียดแย่งบอลถึงขั้นเล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยน สุรพงษ์ ทมพา ลงมายืนเฝ้าเท้าแทน

    นาทีที่ นาทีเดียวกันนั้น คอสตาริกา ได้ประตูตีไข่แตกจากลูกยิงไกลสุดสวยของ ดีเอโก้ ซูนิก้า ที่ซัดจากซ้ายส่งบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ คอสตาริกา ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2

    นาทีที่ 38 ฟุตซอลไทย ยังไม่เสียกำลังใจง่ายๆ สุดท้ายก็มาได้ประตูที่ 3 จากจังหวะที่ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ตวัดจากซ้ายให้ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร จับหนึ่งจังหวะก่อนดีดข้ามตัวนายด่านคอสตาริกาเข้าไปทำให้ไทยหนีเพิ่มเป็น 3-1

    เวลาที่เหลือคอสตาริกาไม่สามารถเจาะประตูตีคืนเพิ่มได้ จบเกมทีมฟุตซอลทีมชาติไทยชนะ คอสตาริกา 3-1 ประเดิมคว้า 3 แต้มพร้อมรั้งจ่าฝูงสาย เอ ในเกมแรก

    ชัยชนะเหนือคอสตาริกา 3-1 ในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะเกมที่ 3 ของทีมฟุตซอลไทยในเวทีฟุตซอลโลก ต่อจากแมตช์ที่ชนะ ออสเตรเลีย 3-2 ปี 2004 ที่กัวเตมาลา และครั้งที่ 2 ในเกมที่ชนะ สหรัฐอเมริกา 5-3 ปี 2008 ที่บราซิล

       
    ยูเครน  3-3  ปารากวัย

    
    ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก คู่แรก เป็นการประเดิมสนามของ สาย เอ ระหว่าง ยูเครน พบ ปารากวัย โดยทั้งสองทีมไม่เคยพบกันมาก่อน ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

    เกนนาดี้ ลิเซนซุค กุนซือยูเครน ส่ง 5 ผู้เล่นหลักลงชุดแรก ประกอบด้วย เลฟเก็น อีวานยัค ผู้รักษาประตู, มาร์เลนโก้ โรมานอฟ, เซอร์กี้ ซูบร้า, ดิมิโตร โซโรคิน และ ดิมิโตร เฟดอร์เชนโก้ ส่วน แม็กซิม ฟาลเลนโก้ กัปตันทีมออกสตาร์ตเป็นตัวสำรอง

    ส่วนฝั่ง "เฟอร์นานโด ไลเต้" กุนซือปารากวัยส่ง 5 คนประกอบด้วย คาร์ลอส เอสปิโนล่า ผู้รักษาประตู, เอ็มมานูเอล อยาล่า, กาเบียล อยาล่า, วอลเตอร์ บิลลาบา และ มาร์กอส เบนิเตซ ขณะที่ ฟาบิโอ อัลคาเรซ กัปตันทีมตัวทีเด็ดเป็นตัวสำรองเนื่องจากยังไม่ฟิต 100 เปอร์เซ็นต์

    โดยเกมการแข่งขัน ทั้งสองทีมเสมอกันไปอย่างสุดมันส์ 3-3 โดย ปารากวัย ได้ประตูจากการ เอ็มมานูเอล อยาล่า ซัดแฮตทริก นาทีที่ 9, นาทีที่ 30 และลูกจุดโทษจุดที่ 2 ในนาทีที่ 37 ก่อนที่ นาทีที่ 39 เจ้าตัวจะโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง

    ส่วนยูเครนได้ประตูจาก แม็กซิม ฟาลเลนโก้ นาทีที่ 10, นาทีที่ 40 รวมถึง เปโตร เซอร์โคมา ซัดจุดโทษจุดที่ 2 นาทีที่ 35 จบเกมทั้งสองทีมแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน

    บิ๊กแป๊ะกร้าวสร้างประวัติศาตร์ใหม่ได้แน่

          
    ด้าน ''บิ๊กแป๊ะ'' ถิรชัย วุฒิธรรม ผู้จัดการทีมฟุตซอลไทยเปิดเผยว่า ดีใจกับชัยชนะในวันนี้ ถือเป็น 3 แต้มแรกที่สำคัญ ที่จะสร้างกำลังใจให้กับลูกทีมฝ่าด่านเข้าสู่รอบสองเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตซอลไทย ต้องยอมรับภาพรวมวันนี้เราดีทีเดียวเล่นได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ไม่ถึงกับดีมาก เพราะคอสตาริกาวันนี้เขาเล่นผิดพลาดเองเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แรก ยูเครน กับ ปารากวัยแล้ว ต้องยอมรับคอสตาริกายังห่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชมลูกทีมคือเรามีสมาธิในเกมนับที่ดีทำให้ไม่ค่อยผิดพลาดมากนัก นัดหน้าเจอกับยูเครนวันที่ 4 พ.ย.ยอมรับเป็นงานที่หนักเท่าที่ดูเขาแข็งแกร่งมากและเร็ว แต่ถ้าเรามีสมาธิกับเกมรับเช่นวันนี้แต่มีการจบสกอร์ที่คมก็เชื่อว่ามีลุ้น ขอแค่วันั้นเรามีแต้มเท่านั้นโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบสองมีแน่นอน ฝากถึงแฟนบอลชาวไทยช่วยเข้ามาให้กำลังใจกับนักเตะเยอะเพื่อให้ทีมก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

       
    วิคเตอร์ปลื้มฟอร์มลูกทีมเปิดตัวหรู

    หลังเกมการแข่งขันคู่ระหว่าง ทีมชาติไทย ที่เอาชนะคอสตาริกา 3-1 ทางด้าน วิคเตอร์ เฮอร์แมน กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทย ได้กล่าวว่า ''วันนี้ลูกทีมทุกคนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม 3 คะแนนที่เราได้เป็น 3 คะแนนที่สำคัญอย่างมาก จุดเด่นที่ต้องชมเป็นพิเศษในเกมนี้ต้องยกให้กับผู้เล่นในเกมรับ เล่นได้อย่างรัดกุมบีบให้ผู้เล่นของทางฝั่งคอสตาริกาเล่นได้ไม่ถนัด ส่วนในเรื่องของ ประกิต ด่านขุนทด ผู้รักษาประตูที่ได้รับอาการบาดเจ็บ ทางเราก็ต้องเช็กอีกครั้งว่ารุนแรงแค่ไหน แต่ผมไม่เป็นกังวลเพราะว่าผู้รักษาประตู สุรพงษ์ ก็มีฝีมือที่เยี่ยมเหมือนกัน''
    คอสตาริกาชม ''เจ้าอาร์ม'' ยอดนักเตะ

    ส่วนทางด้าน ดิเอโก้ โซลิต กุนซือของทางฝั่งคอสตาริกา ได้กล่าวว่า ''ในเกมนี้ต้องยอมรับว่าทีมชาติไทยสมควรเป็นผู้ที่ชนะในเกมนี้ เรามีปัญหาในเรื่องของเกมรับ ไม่สามารถหยุดยั้งผู้เล่นเกมบุกของไทยได้ โดยเฉพาะ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ในเกมนี้เขาทำให้เกมรับของเราย่ำแย่ ประตูที่เราเสียเป็นผู้เล่นที่มีส่วนกับทั้ง 3 ประตู ขอชมนักเตะรายนี้เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมระดับนานาชาติเลยก็ว่าได้ ''
    นักเตะช้างศึกรับอัดฉีดอื้อเกือบ 2 ล้านบาท

    สำหรับการที่ทีมชาติไทยได้ชัยชนะเหนือทีมคอสตาริกาในเกมประเดิมสนาม นักเตะทีมธาติไทยได้รับเงินอัดฉีดเป็นขวัญและกำลังใจจากผู้สนับสนุนมหาศาล โดยได้รับอัดฉีดจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจำนวน 1 ล้านบาท บวกกับโครงการของโมเดิล นาย ''ก้าว หิน แกร่ง'' ที่ร่วมอัดฉีดอีก 9 แสนบาท ร่วมเงินอัดฉีดหลังจากคว้า 3 คะแนน ประเดิมสนามทั้งหมด 1.9 ล้านบาท