คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงประตูเปิดฝากล่องช่วย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ถล่ม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แบบสบายเกือก 4-1 คว้ารองแชมป์กลุ่มไปครอง ขณะที่ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แม้จะแพ้เกมนี้ แต่ยังได้อันดับสามคว้าสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรปา ลีก ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย (กลุ่ม ดี.) เมื่อคืนวันอังคารที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย  (กลุ่ม ดี)

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2555

เรอัล มาดริด (สเปน) 4   -   1 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์)

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด, สเปน

　　"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว มี 8 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด เกมนี้ไม่มี อัลบาโร่ อาร์เบลัว แบ็คขวาที่ติดโทษแบน รวมไปถึง กอนซาโล่ อิกวาอิน กองหน้าตัวเก่งทีมชาติอาร์เจนติน่า และ มาร์เชโล่ วิเอยร่า แบ็คซ้ายจอมบุกทีมชาติบราซิล ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ส่วน ชาบี อลอนโซ่ กับ เซร์คิโอ รามอส ได้พัก ไม่มีชื่ออยู่ในทีม

　　แผงหลังให้ ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์แบ็คร่างใหญ่ชาวฝรั่งเศส ลงมายืนร่วมกับ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ในแดนกลางวาง ลูก้า โมดริช ปั้นเกมร่วมกับ กาก้า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยมี คาริม เบนเซม่า เล่นหน้าเป้า

　　ทางด้าน อาแจ็กซ์ฯ มีแค่ 4 แต้ม จากการลงสนาม 5 นัด อยู่อันดับ 3 ของกลุ่ม ดี. ไร้เงา โคลเบนน์ ซิกธอร์สสัน กองหน้าวัย 22 ปี ชาวไอซ์แลนด์ ที่เจ็บหัวไหล่ และ นิโคไล บอยเลเซ่น กองหลังดาวรุ่งวัย 20 ปี ชาวเดนมาร์ก ที่ยังเดี้ยงเช่นเดียวกับ ไรอัน บาเบิ้ล ดาวเตะตัวรุกวัย 25 ปี ที่ไหล่หลุด

　　สามประสานแดนหน้าวาง เดิร์ค บัวริกเตอร์, เซียม เดอ ยอง และ วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ เข้าขยี้ตาข่าย

　　ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้แค่ 11 นาที เจ้าบ้านโหมบุกทันทีน่าจะได้ประตูขึ้นนำ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลุยมาทางซ้ายก่อนไหลให้ ลูก้า โมดริช จ่ายทะลุเข้าเขตโทษให้ ฟาบิโอ โคเอนเตรา สอดมากดด้วยซ้ายบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย

　　ถัดมาสองนาที ราชันชุดขาว มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช ตัดบอลได้ในแดนตัวเองก่อนพาขึ้นมาแล้วตักให้ เบนเซม่า เกี่ยวบอลลงในเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กดด้วยขวากลางประตูเข้าไปให้ เรอัล มาดริด นำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็ว

　　ผ่านมา 23 นาที เรอัล มาดริด ต้องเปลี่ยนเอา ฟาบิโอ โคเอนเตรา ที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วให้ เปเป้ ลงมาเล่นแทน

　　เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 28 เรอัล มาดริด กดดันต่อจนมาได้ประตูที่สอง ลูก้า โมดริช ตักบอลจากกลางสนามให้ โฆเซ่ กาเยฆอน เกี่ยวบอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนจิ้มผ่าน เคนเน็ธ แฟร์เมียร์ เช็ดโคนเสาเข้าไปให้ทีมนำห่าง 2-0

　　อาแจ็กซ์ มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นในนาทีที่ 40 ให้ ลาสเซ่ โชน เล่นแทน คริสเตียน โพลเซ่น ที่มีอาการบาดเจ็บ

　　นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกที ลูก้า โมดริช เปิดเตะมุมมาถึง ราฟาแอล วาราน ขึ้นโขกบอลข้ามคานออกไป หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำก่อน 2-0

　　มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 4 นาที เจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กระชากขึ้นมาไหลสั้นๆให้กับ กาก้า พาบอลไปปั่นโค้งด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษบอลเลี้ยวเช็ดเสาเข้าไปสุดคลาสสิคให้ เรอัล มาดริด ทิ้งกระจาย 3-0 เข้าไปแล้ว

　　กระเถิบมาถึงนาทีที่ 55 เรอัล น่าได้ประตูที่สี่ ราฟาแอล วาราน เปิดจากทางด้านขวาให้กับ คาริม เบนเซม่า ขวิดหลุดเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้น

　　อย่างไรก็ตาม อาแจ็กซ์ ไล่มาเป็น 1-3 เมื่อผ่านมาหนึ่งชั่วโมงของเกมจากจังหวะที่ อันโตนิโอ อาดาน นายทวารของเรอัล มาดริด ชกบอลไม่ดีมาเข้าทางของ เดิร์ค บัวร์ริกเตอร์ แปสวนจากนอกเขตโทษเข้าประตูไป และเป็นประตูแรกของ บัวร์ริกเตอร์ ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ด้วย 

　　เรอัล กลับมาเร่งอีกครั้งมีโอกาสในนาที 63 เมื่อ กาก้า เปิดบอลให้กับ คาริม เบนเซม่า กดด้วยขวามุมแคบ แต่บอลไม่ตรงกรอบ

　　เพียงแค่สองนาทีต่อมา อาแจ็กซ์ สวนมาบ้าง เดิร์ค บัวร์ริกเตอร์ ยิงไกลด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ อันโตนิโอ อาดาน นายทวารของเรอัล มาดริด ยังเซฟไว้ได้

　　ข้ามมานาที 72 ชุดขาว ถอด กาก้า คนทำประตูที่สามออกแล้วส่ง โฆเซ่ โรดริเกซ ดาวรุ่งลงมาเล่นแทน

　　ถัดมาสองนาที นิคลาส มอยซานเดอร์ กองหลังของอาแจ็กซ์ ดันขึ้นมาซัดด้วยขวาบอลเฉี่ยวเสาขวาไป

　　นาทีที่ 82  โรนัลโด้ มาถูกกรรมการแจกใบเหลืองเนื่องจากเข้าสกัดคู่ต่อกรอย่างแรง

　　ชุดขาวมาได้ประตูปิดท้ายขาดเป็น 4-1 นาทีที่ 88 จาก โฆเซ่ กาเยฆอน เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม เรอัล มาดริด เก็บชัยสวยหรูเอาชนะไปได้ 4-1 เก็บสามแต้มเต็ม จบที่รองแชมป์กลุ่ม ส่วน อาแจ็กซ์ แม้จะแพ้เกมนี้ แต่ยังได้อันดับสามของกลุ่ม ดี. คว้าสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

　　เรอัล มาดริด: อันโตนิโอ อาดาน - นาโช่ เฟร์นานเดซ, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, ราฟาแอล วาราน, ฟาบิโอ โคเอนเตรา (เปเป้ น.23) - ซามี เคดิร่า, ลูก้า โมดริช - โฆเซ่ กาเยฆอน, ริคาร์โด้ กาก้า (โฆเซ่ โรดริเกซ น.72), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า (อัลบาโร่ โมราต้า น.80)

　　สำรองไม่ได้ใช้: เฆซุส เฟร์นานเดซ (ผู้รักษาประตู) - เมซุต โอซิล, อังเคล ดิ มาเรีย, เดนิส เชอริเชฟ

　　อาแจ็กซ์: เคนเน็ธ แฟร์เมียร์ - ริคาร์โด้ ฟาน ไรน์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, นิคลาส มอยซานเดอร์, ดาลี่ย์ บลินด์ - แดนนี่ โฮเซ่น (เอย็อง เอโนห์ น.77), คริสเตียน โพลเซ่น (ลาสเซ่ โชน น.40), คริสเตียน เอริคเซ่น - เดิร์ค บัวร์ริกเตอร์, เซียม เด ยอง (กัปตันทีม), วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ (โทเบียส ซาน่า น.77)

　　สำรองไม่ได้ใช้: ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น (ผู้รักษาประตู) - โจดี้ ลูโกกี, โจเอล เฟลท์แมน, มิทเชลล์ ไดก์ส

　　ผู้ตัดสิน: พาเวล คราโลเว็ค (สาธารณรัฐเช็ก)

สรุปผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

กลุ่ม เอ.
- ดินาโม ซาเกร็บ (โครเอเชีย) เสมอ ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  1 - 1
- เปแอสเช (ฝรั่งเศส) ชนะ เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส)  2 - 1

กลุ่ม บี.
- มงต์เปลลิเย่ร์ (ฝรั่งเศส)  เสมอ ชาลเก้04 (เยอรมัน)  1 - 1
- โอลิมเปียกอส (กรีซ) ชนะ อาร์เซน่อล (อังกฤษ)  2 - 1

กลุ่ม ซี.
- มาลาก้า (สเปน) เสมอ อันเดอร์เลชท์ (เบลเยียม)  2 - 2
- เอซี มิลาน (อิตาลี) แพ้ เซนิต (รัสเซีย)   0 - 1

กลุ่ม ดี.
- ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) ชนะ แมนฯ ซิตี้  (อังกฤษ)  1 - 0
- เรอัล มาดริด (สเปน) ชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์)  4 - 1