เผลอแป๊บเดียว ก็มาถึงซึ่งวันสุดท้ายของปี 2555 ตลอดปีที่ผ่านมา คอกีฬาทั้งหลายมีเรื่องให้ตื่นเต้น ได้ลุ้น ได้เชียร์ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยออกศึกกันมากมาย ซึ่งก็มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว อันเป็นสัจธรรมของการแข่งขัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ไหน สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในใจ และเต็มตื้นกับความรู้สึกอย่างไม่รู้ตัว นั่นคือความ รู้สึกร่วมถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความเป็น “ไทย” ที่มิอาจแบ่งแยก แม้จะแตกต่างกันด้วยเหตุและผลใดๆ ก็ตาม นี่คือคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของ “กีฬา” กับสังคมไทยที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

ช่วง 365 วันที่กำลังจะผ่านพ้น คงไม่มีมหกรรมกีฬาใดยิ่งใหญ่เท่ากับ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 30 “ลอนดอน 2012” ระหว่างวันที่ 27 ก.ค.-12 ส.ค. โดยก่อนแข่งขัน ไทยเราคาดหวังเอาไว้อย่างมาก โดยวางเป้าหมายไว้ถึง 2 เหรียญทอง แต่ทว่าสุดท้ายแล้วต้องพลาดเป้าไป ทำได้เพียง 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง

โดยกีฬาที่ใกล้เคียงที่สุดที่จะได้สัมผัสเหรียญทองคือ มวยสากลสมัครเล่น แต่แก้ว พงษ์ประยูร ก็ได้ดีที่สุดเพียงเหรียญเงิน จากการพ่ายซู ชิ หมิง ของจีน ไปแบบค้านสายตาของคนทั่วโลก ส่วนอีก 1 เงินได้จาก “น้องแต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว จอมพลังสาวจากขอนแก่น รุ่น 58 กก. ส่วน 1 เหรียญทองแดง เป็นผลงานของ “น้องเล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ นักเทควันโดสาวจากรุ่น 49 กก.หญิง

ขณะที่คนอื่นๆ แม้พยายามเต็มที่แต่ก็ไม่สามารถฝ่าด่านเข้าไปสัมผัสเหรียญได้ แต่ก็ยังมีที่ได้ลุ้น ได้เสียว สร้างความสุขให้กับชาวไทยทั้งประเทศอย่างแบดมินตัน “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ วัย 17 ปี เรียกเสียงฮือฮาก่อนไปตกรอบก่อนรองชนะเลิศหญิงเดี่ยว รวมถึงคู่ผสม สุดเขต ประภากมล กับสราลีย์ ทุ่งทองคำ กับชายคู่ บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร ก็ร่วงรอบก่อนรองชนะเลิศอย่างน่าประทับใจ

และนั่นทำให้ทัพนักกีฬาไทย พลาดเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี จบในอันดับที่ 57 เหรียญรวม เป็นที่ 10 ของเอเชีย ไปรอแก้ตัวกันใหม่ในอีก 4 ปีข้างหน้าที่บราซิล!

นอกจากนี้ในประเภททีม ทีมตบลูกยางสาวไทย ยังเป็นทีมนางกวัก เรียกแฟนๆกีฬาไทยได้ต่อเนื่อง โดยช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา สามารถคว้าแชมป์วอลเลย์บอลรายการเอวีซี เอเชียนคัพ 2012 ที่ประเทศคาซัคสถาน มาครองได้เป็นครั้งแรก โดยในรอบชิงชนะเลิศ โค่นจีนที่มีดีกรีแชมป์เก่า 2 สมัยลงได้ด้วยสกอร์ 3–0 เซต พร้อมได้สิทธิไปเล่นรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2013 ต่อไป

ยังมีนักกีฬาไทยที่โชว์ฟอร์มดีอีกคนในปีนี้ เป็นกีฬากอล์ฟ “โปรเล็ก” ถาวร วิรัตน์จันทร์ ผงาดคว้าแชมป์ทำเงินรางวัลสูงสุดของเอเชียนทัวร์ในปี 2012 คว้ารางวัลออเดอร์ ออฟเมอร์ริท ไปครองจากผลงานทำเงินไป 738,046 เหรียญสหรัฐฯ ตัวเลขกลมๆก็ปาเข้าไปกว่า 22 ล้านบาท ไม่เท่านั้นยังได้รางวัล นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี ที่ได้รับการโหวตจากเพื่อนนักกอล์ฟ และรางวัลนักกอล์ฟผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพอีก ซึ่งปีนี้คว้าแชมป์ไป 3 รายการจาก ควีนส์คัพ ที่ประเทศไทย, เซลังงอร์ มาสเตอร์ส ที่มาเลเซีย และอินเดียนโอเพ่น ที่อินเดีย ส่งผลให้ทำสถิติคว้าแชมป์มากที่สุดในเอเชียนทัวร์ 15 รายการไปแล้ว

แต่ที่ต้องถือว่าแรงเกินคาด แรงสุดๆแห่งปีก็ว่าได้ ชนิดหักปากกาเซียนไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ต้องยกให้กับ มหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ที่กรุง ลอนดอน ซึ่งทัพนักกีฬาคนพิการไทยเดินทางไปแข่งขันด้วยบรรยากาศที่เงียบเหงา เพราะในช่วงนั้นต่อเนื่องจากกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งไทยเราออกจะผิดหวังกลับมา แต่ทว่าผลงานที่นักกีฬาคนพิการ ที่ทำให้กับประเทศชาติ และสร้างพลังให้กับชาวไทยทั้งประเทศนั้นยิ่งใหญ่มหาศาล

พูดได้ว่าไม่มีกีฬาพาราลิมปิกครั้งไหนที่คนไทยให้ความสนใจและติดตามเท่าครั้งนี้ ซึ่งพี่น้องเราช่วยกันคว้ามาได้ 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ได้อันดับ 31 เหรียญรวม จากทั้งหมด 167 ประเทศ เป็นที่ 5 ของเอเชีย อย่างเต็มภาคภูมิ

โดยเฉพาะการคว้าคนเดียว 2 เหรียญทองจากกีฬาบอคเซีย ของพัทธยา เทศทอง ถือเป็นไฮไลต์สำคัญ!!!

พัทธยาเริ่มฉายแวว ความดัง ในฐานะกัปตันทีม ที่คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมอย่างวิษณุ ฮวดประดิษฐ์ มงคล จิตรเสงี่ยม และวัชรพล วงษา อยู่ตลอด จนทำให้ทีมไทยคว้าเหรียญทองทีมผสม บีซี 1-2 มาครองได้ก่อน ด้วยการเอาชนะ ทีมจีนไปขาดลอย 10-5

จากนั้นพัทธยาลุยเดี่ยว ล้มมือเต็งๆ และกรุยทางเข้ารอบชิงชนะเลิศ เดี่ยวผสม บีซี 1 จนพิชิต เดวิด สมิธ ของเจ้าถิ่น ไปได้อีก 7-0 คว้าเหรียญทองที่ 2 ให้ตัวเอง ก่อนที่เจ้าตัวแสดงความดีใจด้วยการลงจากรถเข็นไปนอนกับพื้น ชูมือประกาศชัยชนะ และก้มลงกราบผู้ชมทั้งสนาม ขณะที่ผู้ชมทั้งสนามให้เกียรตินักกีฬาไทย ด้วยการลุกขึ้นยืนปรบมืออย่างกึกก้องนานกว่า 5 นาที กลายเป็นภาพที่ประทับใจคนทั่วโลก และเต็มตื้นกับความรู้สึกของชาวไทยทั้งชาติ เรียกน้ำตาแห่งความปีติในทันที

ชัยชนะของพัทธยา และการแสดงออกที่ปรากฏนั้น มากด้วยมิติที่กระตุ้น ปลุกเร้าให้เกิดพลังในแต่ละตัวคน จนไม่สามารถมาชี้แจง อธิบายเหตุผลได้รอบด้าน ขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่จะเข้าถึง แต่ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมใด ร้อยทั้งร้อยจะเป็นพลังในด้านบวก เพื่อให้ทุกผู้คนนำไปเป็นแบบอย่างเพื่อสู้ชีวิตกันต่อไป ตามวิถีทางของแต่ละท่าน

นี่จึงทำให้ “กราวกีฬาไทยรัฐ” ไม่ลังเลที่จะยกตำแหน่งยอดนักกีฬาแห่งปี 2555 ให้กับ พัทธยา เทศทอง ด้วยความจริงใจ และภูมิใจยิ่ง!

พัทธยา ปัจจุบันอายุ 33 ปี เป็นชาวจังหวัดอำนาจเจริญ เริ่มเล่นกีฬาบอคเซีย หรือเปตอง มาตั้งแต่ช่วงเริ่มเรียนแรกๆ ก่อนอายุ 20 ปี เจ้าตัวคลอดก่อนกำหนด 2 เดือน แพทย์ระบุว่าสมองบางส่วนพิการ ขาดออกซิเจน ทำให้ควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้ จนแม่ฉวีวรรณไม่กล้าไปแจ้งเกิด กลัวเป็นอะไรไปก่อน เพราะช่วงแรกตัวเขียว ไม่ร้อง ไม่กินอะไร ต้องรักษาอยู่นาน แถมตอนอายุ 15-16 ปี ยังคิดฆ่าตัวตายอีก เพราะรำคาญตัวเอง เบื่อชีวิต แต่ดีที่ชีวิตหันเห ได้เรียนหนังสือตอนอายุ 18-19 ปี ทำให้มีสังคม มีเพื่อน ได้เล่นกีฬา จนมาประสบความสำเร็จในที่สุด

พัทธยากล่าวว่า ยังจะเล่นกีฬาบอคเซียต่อไป ตอนนี้อยู่ระหว่างฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในนามจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมๆกับจะสานต่อการสร้างอาคารกีฬาซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งบอคเซียและฟุตซอล ที่บ้านเกิด มูลค่า 4 ล้านบาทให้เสร็จ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาและสร้างนักกีฬาบอคเซียต่อไป

สำหรับเงินรางวัลที่ได้รับมาจากความสำเร็จในกีฬาพาราลิมปิกร่วม 20 ล้านบาท พัทธยาเล่าให้ฟังว่า ทั้งหมดได้เก็บเข้าบัญชีไว้ โดยให้คุณพ่อสวัสดิ์ดูแล เพื่อเป็นทุนเอาไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งการที่มีเงินเข้ามา ไม่ได้ทำให้ชีวิตของตนเปลี่ยนไปเลย ตนยังใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติเหมือนเดิม

ขณะที่ พล.ต.โอสถ ภาวิไล นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ กล่าวเสริมว่า พัทธยาเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นนักกีฬาแห่งปี นอกจากผลงานที่ปรากฏ ความเป็นนักสู้ของเจ้าตัวก็น่าชื่นชม ที่ผ่านมาพัทธยา เคยเข้าร่วมพาราลิมปิกเกมส์มาแล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ทว่าเจ้าตัวมุ่งมั่นตั้งใจมาก จนมาทำได้ในที่สุด

“เป็นตัวอย่างที่นักกีฬาทุกคนควรเอาอย่าง ไม่ควรท้อแท้กับอุปสรรค และที่สำคัญ แม้ว่าเจ้าตัวจะมีเงินทองเข้ามามากหลังประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเปลี่ยนไป รู้จักอดออม ซึ่งพัทธยามีวินัยในเรื่องนี้อยู่แล้ว ที่บ้านของเค้าทำเฟอร์นิเจอร์ขาย พัทธยาก็เป็นคนทำบัญชี ดังนั้น เรื่องเงินทองจึงไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด” พล.ต.โอสถกล่าว

นักกีฬาคนพิการไทยคนอื่นยังสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเยี่ยมยอดเช่นกัน โดยอีก 2 เหรียญทองที่ได้มาในพาราลิมปิก เป็นของ รุ่งโรจน์ ไทยนิยม วัย 26 ปี จากเทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส 6 ที่เอาชนะอัลวาโน วาลีนา เต็ง 1 จากสเปน ในรอบชิงชนะเลิศ 3-1 เกม พร้อมกับถูกจารึกในประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยว่าเป็นนักตบลูกเด้งทีมชาติไทยคนแรก ที่ได้เหรียญทองจากมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ขณะที่อีกเหรียญทอง เป็นผลงานของ “น้องแวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบ เอเป้บุคคลหญิง ประเภทบี เมื่อรอบชิงชนะเลิศ พิชิตคู่ปรับ ซิโมเน บรีเซ บาเอ็ตเค จากเยอรมนี ขาดลอย 15-8 นับเป็นเหรียญที่ 2 ในชีวิตการแข่งขันพาราลิมปิกของเธอ

ทั้งหมดนี้คือความเป็นไปเป็นมาตลอดปี 2555 ที่นักกีฬาทีมชาติไทยได้สร้างสรรค์เอาไว้ เราเชื่อมั่นว่าทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนเองกันอย่างเต็มที่แล้ว