ยังไม่ได้บทสรุปกรณีเรื่องวุ่นๆ ระหว่างอีสาน ยูไนเต็ด กับ ศรีสะเกษ เอฟซี หลัง ''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ยังยืนยันตามเดิมว่า สมาคมลูกหนังเห็นตามที่ ''บิ๊กแป๊ะ'' พิจารณา แต่เมื่อมีเรื่องของกฎหมายที่มีการฟ้องร้องกันเป็นคดีอาญาเกิดขึ้นจึงต้อง ให้ฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลฯ หาข้อสรุปก่อนที่ 26 ก.พ. นี้จะเรียก 3 ผู้เกี่ยวข้องทั้ง สมบัติ เกียรติสุรนนท์, ธเนศ เครือรัตน์ และ สรศาสตร์ ศรีธัญญรัตน์ มาชี้แจง

         ยังคงไม่ได้บทสรุปสำหรับเรื่องที่ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการที่นำโดย "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรมได้ตัดสินให้อีสาน ยูไนเต็ด คืนสิทธิในการทำทีมส่งทีมเข้าร่วมศึกโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก 2013 ให้กับ ศรีสะเกษ เอฟซี โดยในการประชุมสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อ 19 กพ. 56 ที่ผ่านมานั้น

 
         "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯได้ออกมากล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า สมาคมฟุตบอลยังคงยืนยันตามที่คณะกรรมการที่นำโดย”บิ๊กแป๊ะ”ได้ตัดสินให้ อีสาน ยูไนเต็ด คืนสิทธิทำทีมให้กับ บ.ศรีสะเกษ เอฟซี จำกัด ของ ธเนศ เครือรัตน์ แต่ในเมื่อมีเรื่องของกฎหมายมาเกี่ยวข้องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอาญา

 
         ทางสมาคมฟุตบอลฯจึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของสมาคมฟุตบอลหาข้อสรุปเรื่อง ดังกล่าวอยู่แต่เนื่องจากติดภารกิจทำให้ฝ่ายกฎหมายไม่สามารถมาร่วมประชุมใน วันนี้ได้ สมาคมฟุตบอลฯจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ทั้ง คุณสมบัติ เกีรยติสุรนนท์ , ธเนศ เครือรัตน์ ,สรศาสตร์ ศรีธัญญรัตน์ มาชี้แจงหารือร่วมกัน ในวันที่ 26 กพ. นี้ที่สมาคมฟุตบอลโดยหากทั้ง 3 ฝ่ายยังไม่สามารถเจรจากันได้สมาคมฟุตบอลฯจะเป็นผู้ตัดสินเอง โดยเราพร้อมจะช่วยเหลือนักเตะทีมอีสานฯ ในการให้หาทีมใหม่เล่นได้หากผลการตัดสินออกมาคงเดิมคือให้ศรีสะเกษ ได้เล่นไทยลีกแทน

 
         ส่วนเรื่องที่อีสานฯ จะฟ้องร้องไปยังฟีฟ่านั้นผมเองยังไม่รู้เรื่องว่ามีการยื่นฟ้องไปแล้วหรือ ไม่แต่สมาคมฟุตบอลไทยพร้อมปฎิบัติตามหากว่าฟีฟ่าสั่งการณ์มาให้อีสานฯเป็น ผู้ชนะและได้สิทธิทำทีม
    
      

 
         "บังยี" ยังกล่าวถึงกรณีที่ เอเอฟซี ทำหนังสือแจ้งมายังฟีฟ่าว่า ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่น ที่ได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ตัดสินเกมนัดชิงไทยคม เอฟเอ คัพ คู่ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ อาร์มี่ฯ ได้รายงานต่อเอเอฟซีและฟีฟ่า ว่าเขานั้นได้รับการติดต่อให้มีการทำหน้าที่ล็อคผลการแข่งขันในเกมดังกล่าว ว่า ตัวเขาเองจะไปฟังเรื่องดังกล่าวจาก เอเอฟซี ในการประชุม ระหว่าง 20-21 กพ. นี้ ที่ทำการเอเอฟซี ที่ มาเลเซีย

 
         โดยในส่วนของสมาคมฟุตบอลฯก็จะไปชี้แจงในส่วนของเราเอง ส่วนกรณีที่จะมีตำรวจสากลมาร่วมตรวจสอบด้วยนั้นจะเป็นการเข้ามาตรวจสอบเท่า นั้นแต่หากมีการกระทำผิดจริงผู้ที่จะลงโทษจะเป็นสมาคมฟุตบอลของชาตินั้นๆที่ มีเรื่องราวขึ้นมา"