ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี

วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2556

เรอัล มาดริด (สเปน) 2-1 ยูเวนตุส (อิตาลี)

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
 
         เปิดเกมครึ่งแรกได้แค่ 4 นาที ราชันชุดขาว มาได้ประตูออกนำก่อนอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ซามี เคดิร่า จ่ายจากทางด้านขวาเข้าในให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย เลี้ยงตัดมาหน้าเขตโทษแล้วแทงให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดไปในเขตโทษก่อนขยับหลอก จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารของยูเวนตุส ไปได้ แล้วตักบอลมุมแคบเข้าไปนิ่มๆ เหนือชั้นเป็นที่สุดช่วยให้ เรอัล มาดริด นำเร็ว 1-0
 
         จากนั้นนาทีที่ 15 ยูเวนตุส มีโอกาสเป็นครั้งแรก เมื่อ คาร์ลอส เตเวซ ลากตัดจากซ้ายแล้วซัดด้วยขวาตรงหน้าเขตโทษบอลข้ามคานไป
 
         อย่างไรก็ตามนาทีที่ 22 ยูเว่ ตามตีเสมอสำเร็จจากจังหวะที่  มาร์ติน คาเซเรส พาบอลขึ้นทางขวาแล้ววางข้ามมาที่เสาสอง ปอล ป็อกบา โขกมุมแคบติดเซฟ กาซียาส บอลกระดอนมาเข้าทาง เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ล้มตัวกวาดบอลเข้าตุงตาข่ายช่วยให้ ไอ้ม้าลาย ตามมาเป็น 1-1
 
         เจ็ดนาทีต่อมา ราชันชุดขาว ได้จุดโทษจากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช เปิดฟรีคิกเข้าไปในเขตโทษ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังยูเว่ ไปเหนี่ยวไหล่ของ เซร์คิโอ รามอส ไม่ให้ขึ้นโหม่ง จนล้มไปทั้งคู่ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นทีมเยือน จน อาร์ตูโร่ วิดัล รับใบเหลืองไป จากลูกจุดโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงเน้นๆ ผ่านมือ บุฟฟ่อน ตุงตาข่าย เป็นประตูที่สองของ โรนัลโด้ ในเกมนี้ช่วยให้ เรอัล มาดริด นำ 2-1
 
         ผ่านมา 34 นาที ม้าลาย มีลุ้นตีเสมอ เตเวซ ฉีกไปรับบอลทางขวาแล้วลากตัดมาหน้าเขตโทษก่อนซัดจากด้วยขวา บอลพุ่งแรงจน กาซียาส นายทวารของเรอัล มาดริด ต้องออกแรงรับถึง 2 จังหวะ
 
         ชุดขาวสวนกลับมาน่ากลัว มีลุ้นในนาที 41 ดิ มาเรีย วางออกทางขวาให้ เบนเซม่า ควบไปรับบอลแล้วตบเข้ากลาง โรนัลโด้ สอดมายิงหลุดกรอบไป หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำก่อน 2-1
 
         กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังได้แค่ 3 นาที สถานการณ์ของยูเว่ หนักกว่าเดิมอีก เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พาบอลกระชากขึ้นมาแล้วโดน จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังของไอ้ม้าลาย ใช้ท่อนแขนฟาดใส่หน้าจนร่วง ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าฟรีคิก พร้อมแจกใบแดงไล่ คิเอลลินี่ ออกทันที ทำให้ยูเวนตุส เหลือแค่ 10 คนเท่านั้น สกอร์ก็ตามหลัง จากลูกฟรีคิก โรนัลโด้ ลุกมายิงเองติดกำแพงออกมา
 
         ทีมเยือนต้องแก้เกมทันทีด้วยการส่ง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ลงมาเล่นในเกมรับแล้วถอด ยอเรนเต้ คนทำประตูให้ทีมออกมา ในนาทีที่ 50
 
         สามนาทีต่อมา เรอัล ลุยขึ้นมาอีกครั้ง โมดริช ให้บอลไปที่ ดิ มาเรีย ยิงไปติดบล็อคของ อาร์ตูโร่ วิดัล กองกลางของยูเว่ ที่ลงมาช่วยเกมรับได้เร็ว
 
         จากนั้นนาที 59 ยูเว่ เปลี่ยนเอา ปีร์โล่ ออกแล้วส่ง คว้าดโว่ อซาโมอาห์ ลงมาเล่นในแดนกลางแทน
 
         หนึ่งชั่วโมงของเกม ชุดขาว น่าได้ประตูที่สามอย่างยิ่ง เมื่อ ดิ มาเรีย ยกบอลข้ามกองหลังให้กับ อาร์เบลัว เติมมาปาดด้วยขวาเข้ามาหน้าประตูให้กับ เบนเซม่า ชาร์จจ่อๆข้ามคานไปอย่างไม่น่าเชื่อ
 
         ถัดมานาทีที่ 67 เรอัล มาดริด ทำการถอด เบนเซม่า ที่เล่นได้ไม่ดีออกแล้วให้ แกเร็ธ เบล สตาร์ทีมชาติเวลส์ เจ้าของตำแหน่งผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดในโลก ลงมาเล่นแทน
 
         สองนาทีให้หลัง ยูเว่ เปลี่ยนตัวให้ เซบาสเตียน โจวินโก้ ลงมาเสริมเกมรุกแล้วถอด อ็อกบอนน่า ออกมาพัก
 
         ท้ายเกมนาทีที่ 70 โจวินโก้ ตัวสำรองของยูเว่ ได้ส่องเต็มๆ แต่ อีเกร์ กาซียาส นายทวารของเรอัล มาดริด ปัดทิ้งออกหลังไปได้ทัน
 
         สองนาทีให้หลัง เรอัล เปลี่ยน อิยาร์ราเมนดี้ ออกแล้วให้ อีสโก้ ลงมาเล่นแทน
ซึ่งเจ้าบ้านยังเหนือกว่ามีโอกาสจากการชิปของ เคดิร่า แต่ บุฟฟ่อน รับไว้ได้ในนาทีที่ 73
 
         เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อีก จบเกม เรอัล มาดริด เปิดรังเอาชนะ ยูเวนตุส ที่เหลือแค่ 10 คนไปได้สวยงาม 2-1 เก็บ 9 คะแนนเต็มนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม บี ต่อไป
 
         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
         เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ซามี เคดิร่า, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ - อังเคล ดิ มาเรีย, ลูก้า โมดริช, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า
         สำรอง: ดีเอโก้ โลเปซ (ผู้รักษาประตู) - ราฟาแอล วาราน, ฟาบิโอ โคเอนเตรา, แกเร็ธ เบล, ดาเนียล การบาฆาล, อัลบาโร่ โมราต้า, อีสโก้ 
 
         ยูเวนตุส: จานลุยจิ บุฟฟ่อน (กัปตันทีม) - มาร์ติน คาเซเรส, อันเดรีย บาร์ซายี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า - อาร์ตูโร่ วิดัล, ปอล ป็อกบา, อันเดรีย ปีร์โล่ - คาร์ลอส เตเวซ, เฟร์นานโด ยอเรนเต้, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ
         สำรอง: มาร์โก สโตรารี่ (ผู้รักษาประตู) - เซบาสเตียน โจวินโก้, เฟเดรีโก้ เปลูโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, ซิโมเน่ ปาโดอิน, คว้าดโว่ อซาโมอาห์, เมาริซิโอ อิสล่า  
 
         ผู้ตัดสิน: มานูเอล เกรเฟ่อ (เยอรมัน)