10 ยอดทีมชาติพลาดตั๋วไปเวิลด์คัพ
Posted 19/11/2013 by goal.com
ในคืนวันอังคารนี้นอกจากโปรตุเกสและสวีเดนจะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งเป็นฝ่ายไป ฝรั่งเศสที่ดวลยูเครนก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ และคงต้องมาลุ้นกันว่าทีมใดจะซ้ำรอยตำนานสุดช้ำเหล่านี้บ้าง
ในยุค 1970s คือยุคมืดของทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง หลังจากที่พวกเขาไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายของรายการใหญ่รายการใดเลยตั้งแต่ปี 1970-1978 โดยครั้งที่ชอกช้ำใจที่สุดคงหนีไม่พ้นการตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก เมื่อปี 1974
พวกเขาต้องการคว้าชัยชนะในเกมพบโปแลนด์ ในนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือกที่ลอนดอน แต่กลับทำได้เพียงเสมอกันไป 1-1 เพราะต้องเจอกำแพงจากฟอร์มซูเปอร์เซฟของ Jan Tomaszewski ที่ไบรอัน คลัฟ เคยปรามาสเอาไว้ก่อนเริ่มเกมว่าเป็นแค่ "ตัวตลก" คนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่ต้องผิดหวังเพราะเป็นแค่รองแชมป์ในฟุตบอลโลกปี 1978 ดาวรุ่งยุคใหม่ของฮอลแลนด์ก็รับสานต่องานจากรุ่นพี่ จนเรียกเสียงฮือฮาได้แบบสุดๆ ในช่วงกลางของยุค 1980s ซึ่งประกอบด้วยขุนพลสำคัญเป็นสามประสานอย่าง มาร์โก ฟาน บาสเทน, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และรุด กุลลิต
อย่างไรก็ดี ทีมกังหันสีส้มกลับต้องอกหักในฟุตบอลโลก 1986 เนื่องจากพลาดท่าพ่ายต่อประเทศเพื่อนบ้านอย่างเบลเยียมด้วยในรอบเพลย์ออฟ เพราะกฎประตูทีมเยือนเสียนี่
แม้ว่าจะได้อานิสงค์จากความยิ่งใหญ่ของดินาโม เคียฟ ที่คว้าคัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1975 แต่ทัพสหภาพโซเวียตที่นำโดย โอเล็ก บล็อคคิน กลับจบเพียงอันดับ 2 ของกลุ่ม 9 ตามหลังทีมชาติฮังการี โดยมีความพ่ายแพ้แบบช็อคโลกต่อกรีซไป 1-0 เป็นรอยแผลที่หลายคนยังจดจำมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากที่คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ มาครองได้สองสมัยในยุค 1930s พลพรรคอัซซูรีกลับต้องอยู่ในสภาพตกต่ำในยุค 1950s โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1958 ที่พวกเขาพลาดคว้าตั๋วไปสวีเดน เพราะพ่ายแพ้แต่ไอร์แลนด์เหนือที่เบลฟาสต์แบบสุดช็อควงการ ส่งผลให้เจ้าบ้านได้โควต้าไปเล่นในแดนไวกิ้งแทน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอิตาลี และต้องรอจนถึงปี 1960 หรืออีกมากกว่าสองปีครึ่งหลังจากวันนั้นที่ขุนพลแดนมะกะโรนีจะพบชัยชนะอีกนัด
ยุคทองของโปรตุเกสที่ประกอบด้วย หลุยส์ ฟิโก้, รุย คอสต้า และเจา ปินโต้ ทำให้พวกเขามีโอกาสดีที่สุดที่จะไปได้ถึงแชมป์เวิลด์คัพ นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคของยูเซบิโอเป็นต้นมา อย่างไรก็ดี พวกเขากลับพลาดโอกาสไปเล่นในฟุตบอลโลก 1998 หลังจากที่จบเป็นอันดับสามของกลุ่มด้วยการตามหลังเยอรมันและยูเครน ทำให้ต้องชมฟุตบอลโลกอยู่ที่บ้านเหมือนในปี 1990 และ 1994 ไม่มีผิดเพี้ยน
เกรแฮม เทย์เลอร์ อาจยังรักษาเก้าอี้เอาไว้ได้แบบเหลือเชื่อ หลังจากที่ทีมชาติอังกฤษพบหายนะในยูโร 1992 แต่พวกเขาก็ยังไม่มีโชคเอาเสียเลยในปี 1994 ที่ทัพสิงโตคำรามยังพลาดโอกาสไปเวิลด์คัพที่สหรัฐอเมริกาแบบน่าเจ็บใจ อังกฤษจบด้วยการเป็นอันดับสามของกลุ่มตามหลังนอร์เวย์และฮอลแลนด์ รวมถึงเคยเสียประตูแบบน่าขายหน้าในเวลาเพียง 7 วินาที เกมพบ ซานมาริโน อีกด้วย
เป็นเรื่องน่าเสียที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกฟุตบอลที่ยูโกสลาเวียไม่ได้แม้แต่จะเข้าร่วมรอบคัดเลือกสู่ฟุตบอลโลก 1994 เนื่องจากพวกเขามีปัญหาเรื่องสงครามกลางเมืองจนต้องแตกออกเป็นอีกหลายประเทศในภายหลัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายูโกสลาเวียในเวลานั้นถือเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ถ้าไม่เชื่อคุณลองนึกภาพทีมที่มีนักเตะอย่าง ดรากัน สตอยโควิช, ซโวนิเมียร์ โบบัน, เดยัน ซาวิเซวิช, ดาวอร์ ชูเคอร์, ดาร์โก ปานเชฟ, ซินิซา มิไฮจ์โลวิช, โรเบิร์ต โปรซิเนคสกี้ และซเร็คโก คาตาเน็ค อยู่ในทีมเดียวกันดูสิ ว่าจะยอดเยี่ยมขนาดไหน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1960s ถึงต้น 1970s สก็อตแลนด์ ถือเป็นทีมที่ได้รับการยอมรับไปทั่วยุโรป หลังจากที่เซลติคคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 1967 และเรนเจอร์สคว้าคัพ วินเนอร์ส คัพ ในอีก 5 ปี ต่อมา
ขุนพลตาร์ตันมีบรรดานักเตะชั้นนำของ สองยักษ์ใหญ่แห่งกลาสโกว์ อาทิ จิมมี จอห์นสโตน และจอห์น เกร็ก รวมถึงสตาร์จากในอังกฤษอย่าง เดนิส ลอว์ และบิลลี เบรมเนอร์ แต่พวกเขากลับต้องจบด้วยอันดับตามหลังเยอรมันตะวันตกในรอบคัดเลือกของฟุตบอล โลก 1970 เพราะความพ่ายแพ้ในเกมสุดคลาสสิคตลอดกาลเกมหนึ่งไป 3-2 ที่ฮัมบูร์ก
แม้ว่าจะมีนักเตะระดับโลกล้นทีมทั้ง เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, รุด ฟาน นิสเตลรอย, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และยาบ สตัม และกังหันสีส้มของหลุยส์ ฟาน กัล กับจบเพียงอันดับสามในรอบคัดเลือกด้วยการตามหลังโปรตุเกสและไอร์แลนด์ โดนเฉพาะอย่างยิ่งความพ่ายแพ้แบบเหลิอเชื่อในเกมตัดสินกับทีมยักษ์เขียวที่ ดับลินไป 1-0
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์