ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน

(นัดที่ 19 ฤดูกาล 2013-14)

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2557

เอสปันญ่อล 0 - 1 เรอัล มาดริด 

สนาม: เอสตาดี้ กอร์เนญ่า-เอล ปราต, (บาร์เซโลน่า, สเปน)     ผู้ชม: 31,500 คน

        "ไอ้นกแก้ว" เอสปันญ่อล ต้องขาด ดาบิด โลเปซ กับ เซร์คิโอ เตเฆร่า สองผู้เล่นกองกลางที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึง เซร์คิโอ การ์เซีย กองหน้าความเร็วสูงที่ติดโทษแบน แต่ได้ บิคตอร์ ซานเชซ กับ ฆวน ฟวนเตส พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม โดยวาง จอน กอร์โดบา กองหน้าตัวเป้าเข้าทำประตู

        ทางด้าน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด รั้งอันดับ 3 ของตารางคะแนน ต้องขาด ฟาบิโอ โคเอนเตรา, ราฟาแอล วาราน และ ซามี เคดิร่า ที่บาดเจ็บทั้งหมด แต่ได้ ชาบี อลอนโซ่ กับ แกเร็ธ เบล ฟิตลงเล่นได้

        ในแดนกลางดร็อป อีสโก้ เป็นสำรอง แล้วให้ แกเร็ธ เบล, อังเคล ดิ มาเรีย และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วยกันร่ายเกมรุกสนับสนุน คาริม เบนเซม่า กองหน้าตัวเป้าทีมชาติฝรั่งเศส เข้าทำสกอร์

        ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่ 4 นาที เอสปันญ่อล ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ฆวน ฟวนเตส โยนให้กับ คริสเตียน สตูอานี ดาวเตะชาวอุรุกวัยโหม่งเฉี่ยวเสาออกไป

        สามนาทีต่อมา โอกาสของราชันชุดขาว มาบ้าง เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย โยนให้กับ คาริม เบนเซม่า ยิงด้วยซ้ายถากเสาซ้ายไป

        ผ่านมา 20 นาที เรอัล มาดริด คุมเกมได้หมดแล้ว อังเคล ดิ มาเรีย ยิงไกลไปตรงตัว ฟรานซิสโก้ กาซีย่า นายทวารเอสปันญ่อล ก่อนที่เจ้าบ้านจะสวนเร็วขึ้นมา กาเบรียล ตอร์เย่ จ่ายให้ จอน กอร์โดบา อาศัยความแข็งแกร่งเลี้ยงบอลไปอัดมุมแคบหลุดกรอบไป

        เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 32 ชุดขาว น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อ ดิ มาเรีย จ่ายบอลให้กับ คริสเตียโน่  โรนัลโด้ กระหน่ำเต็มหลังเท้าบอลพุ่งส่าย แต่ กาซีย่า นายด่านเจ้าบ้านชกบอลออกข้ามคานออกไป

        ถัดมา 2 นาที เรอัล ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อัดบอลผ่านกำแพงหมุดลงกำลังจะเข้าประตู แต่ กาซีย่า ใช้ขาป้องกันเอาไว้ได้

        ก่อนหมดครึ่งแรก 3 นาที เรอัล มาดริด ทิ้งโอกาสทองไปเมื่อ โมดริช กระชากบอลขึ้นมาไหลออกซ้ายให้กับ อังเคล ดิ มาเรีย หลุดมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายไม่ยอมยิง ดันเลือกจ่ายเข้ากลางให้เพื่อน แต่ย้อนหลังไป ทว่า แกเร็ธ เบล ตาม
        ไปเก็บบอลมาโยนให้ คาริม เบนเซม่า สะบัดโหม่งหลุดเสาไป หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 9 นาที เอสปันญ่อล ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ บิคตอร์ ซานเชซ ไหลให้กับ คริสเตียน สตูอานี ยิงด้วยขวาจากนอกเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือของ ดีเอโก้ โลเปซ นายทวารของเรอัล มาดริด

        อย่างไรก็ตามเป็น เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช เปิดลูกฟรีคิกมาให้กับ เปเป้ ปราการหลังที่ดันขึ้นมาสูง เทคตัวโหม่งเข้าประตูไป

        ล่วงเลยมานาทีที่ 61 ทีมเยือนได้ลุ้นต่อเนื่อง โมดริช เปิดมุมให้กับ เซร์คิโอ รามอส โหม่ง แต่โดน ฟรานซิสโก้ กาซีย่า นายทวารเจ้าบ้านป้องกันได้

        นาทีเดียวกันนั้นชุดขาวมีโอกาสอีก ดิ มาเรีย ไหลให้กับ โรนัลดด้ ยิงด้วยขวาไม่ผ่านมือของ กาซีย่า อีกตามเคย

        เกมสวนเร็วของเรอัล ยังอันตราย มีลุ้นในนาทีที่ 65 ดิ มาเรีย ไหลขึ้นหน้าให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดไปทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ยิงด้วยขวาถากเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย

        สองนาทีต่อมา การ์บาฆาล แบ็คขวาจอมบุกของชุดขาว ผ่านให้กับ เซร์คิโอ รามอส โหม่งไปติดผู้เล่นเอสปันญ่อล ช่วยสกัดออกมาได้อีก

        ท้ายเกมนาทีที่ 76 เรอัล มาดริด เปลี่ยนเอา แกเร็ธ เบล ออกมาพักแล้วส่ง เฆเซ่ โรดริเกซ ดาวรุ่งที่ฟอร์มกำลังดีลงมาเล่นแทน

        เวลาที่เหลือยังคงเป็น ราชันชุดขาวที่โหมบุกอย่างหนักหวังพังประตูเพิ่ม แต่ไม่ผ่านแนวรับและ นายด่าน ไอ้นกแก้ว จบเกม เรอัล มาดริด บุกมาชนะ เอสปันญ่อล 1-0 เก็บสามแต้มสำคัญ รั้งอันดับ 3 ของตาราง พร้อมกับลดช่องว่างเหลือตามหลัง บาร์เซโลน่า จ่าฝูงแค่ 3 แต้มเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

        เอสปันญ่อล: ฟรานซิสโก้ กาซีย่า - ฆวน ฟวนเตส, ดีเอโก้ โกล็อตโต้, เอคตอร์ โมเรโน่, ราอูล โรดริเกซ - ฆาบี โลเปซ, บิคตอร์ ซานเชซ, อเลฆานโดร เฟร์นานเดซ (มานู ลันซาโรเต้ น.64), กาเบรียล ตอร์เย่ (ซิเมา ซาโบรซ่า น.64) - จอน กอร์โดบา, คริสเตียน สตูอานี่
        สำรอง: เคร์มัน ปาร์เรนโญ่ (ผู้รักษาประตู) - ซิดเนย, ปิซซี่, โจน กัปเดบีล่า, อบราอัม กอนซาเลซ

        เรอัล มาดริด: ดีเอโก้ โลเปซ - ดาเนียล การ์บาฆาล, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เซโล่ วิเอยร่า - ลูก้า โมดริช, ชาบี อลอนโซ่ - แกเร็ธ เบล (เฆเซ่ โรดริเกซ น.76), อังเคล ดิ มาเรีย, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า
        สำรอง: อีเกร์ กาซียาส (ผู้รักษาประตู) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, นาโช่ เฟร์นานเดซ, อัลบาโร่ โมราต้า, อีสโก้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ 

        ผู้ตัดสิน: โฆเซ่ อันโตนิโอ เตยเชยร่า บีเตียเนส