ใบเตย อาร์สยาม ยอมรับกลายเป็นคนเข้าถึงยาก เพราะงานเป็นเหตุ แต่ไม่เคยหยิ่งหรือลืมคนข้างหลัง วอนทุกคนเข้าใจ พร้อมฟุ้งความหรูหราไฮโซไม่ได้มาฟรี แต่เสียหลายอย่างแลกมา แถมยังเสียภาษีแบบจัดหนักเป็นสิบกว่าล้านบาทกันเลยทีเดียว  
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงการวางตัวยากขึ้นหรือไม่ กับการเป็น ใบเตย อาร์สยาม ที่ดังและงานเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ในเรื่องนี้ สาวใบเตย กล่าวว่า

“ความจริงก็ไม่นะคะ ก็เหมือนเดิม แต่แบบว่าจะเสียเวลาส่วนตัวมากขึ้น แล้วก็ปัญหานะวันนี้คือคนข้างหลังที่เค้าเคยแตะเราถึง แต่ ณ วันนี้ มันเอื้อมไม่ค่อยถึง ไม่ใช่เพราะเรา แต่ด้วยความที่เป็น ใบเตย อาร์สยาม คือมีหลายๆ เรื่องราวที่เราไม่สามารถวางตัว รักหรือพบกับใครเลย คือตอนนี้ใบเตยบอกเลยว่า เราอยู่ใกล้ชิดได้แค่คนใกล้ตัว เพราะว่าทุกวันนี้ ใบเตย อยู่กับคนเป็นหมื่นเป็นล้านแบบทุกวันเลย ในการเล่นคอนเสิร์ตหรือทำอะไรก็แล้วแต่ เราได้รู้จักโลกกว้างขึ้นมาก เพราะฉะนั้นต้องบอกผ่านเลยว่า เราไม่เคยลืมคนข้างหลัง เพราะที่ผ่านมาคนก็จะบอกว่า เฮ้ย ใบเตย ลืมเพื่อน ใบเตยดังไปไกลแล้ว ซึ่งมันเป็นความคิดของคุณทั้งนั้น แต่เพียงแค่ ณ วันนี้ เราหลุดมาจาก เค้าเรียกว่าจากอดีตที่ผ่านมา อยู่ในที่ที่มันสูงมาก กว้างมาก เป็นคนของประชาชน เยอะมาก มันก็เลยทำให้ ณ วันนี้ กลายเป็นว่า ที่มีข่าวว่า ใบเตย หยิ่ง เกาเหลา โน่นนี่นั่น มันไม่จริงเลยค่ะ หนูเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เพียงแค่หน้าที่การงานมันทำให้หนูต้องรับผิดชอบกับทุกๆ อย่างค่ะ”

นอกจากนี้ สาวใบเตย ยังกล่าวยอมรับแบบตรงๆ ว่า เป็นคนที่คนเข้าถึงยากมากขึ้นแล้ว “ค่ะ ยอมรับเลยค่ะ ก็มีเพื่อนๆ บ่น เราก็งง คือบางทีไม่ใช่แค่คนที่โทรเข้ามา พ่อกับแม่ยังไม่กล้าโทรหาหนูเลยทุกวันนี้ พอรู้ว่าลูกสาวทำงาน ลูกสาวไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ ลูกสาวบีซี่ แม้แต่พ่อกับแม่จากที่เคยคุยกัน มันเป็นเรื่องของความเข้าใจมากกว่า ถ้าคนเข้าใจโลกมาก ก็จะเข้าใจเรา แต่ถ้าใครเป็นคนที่ขี้นอยด์หน่อย หรือคิดมาก เค้าก็จะทิฐิแล้ว”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาวหรือไม่ สาวใบเตย รีบกล่าวตอบในทันทีว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว หนูมองว่าไม่ หนูว่ายิ่งสูงยิ่งเห็นอะไรเยอะมาก เยอะมากในที่นี้ คนที่ไม่ได้อยู่แบบเรามองไม่เห็น ทั้งเรื่องร้ายเรื่องดี หนูก็จะเห็นหมดว่าอะไรเป็นอะไร ตรงนี้ต้องทำยังไง คือการอยู่อย่างหนูน่ะ หนูว่ามันต้องใช้ไหวพริบ มันต้องใช้การปรับเปลี่ยนตัวเอง เหมือนจิ้งจกลอกคราบทุกวัน เพราะเราต้องคอยสู้ตลอด เหนื่อยนะ คือทุกคนคิดว่า เฮ้ย สบาย สวยหรู ดูใช้แบรนด์เนม แต่ว่าคือทุกบาททุกสตางค์ชั้นก็ต้องได้มาด้วยการแลกอะไรที่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเวลา รายได้มาก เสียภาษีมากนะคะ เสียภาษีมากที่สุด แล้วก็เราต้องเสียเวลา ภาษีเหรอคะ โอ้โห 8 หลักค่ะ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เลข 8 หลักเนี่ย เลขอะไรนำหน้า เลข 1 หรือ เลข 2 นั้น สาวใบเตย กล่าวว่า “เลข 1 พอค่ะ อยากจะกราบภาษีเลยค่ะ ทุกวันนี้ไม่อยากไหว้ใคร นอกจากภาษี ทุกวันนี้ก็เลยแบบเฮ้ย ต้องเริ่มประหยัดมากขึ้นแล้ว เพราะว่าบางทีทำงานใช้จนลืมว่าเราต้องเสียภาษี ถามว่าช็อปเก่งใช่มั้ย ก็ยอมรับว่าใช่ค่ะ ก็มากอยู่ หลายหลักอยู่ค่ะ หนักๆ ก็ตอนไปเมืองนอกค่ะ เมืองไทยก็ไม่ค่อย เพราะทำงานทุกวันค่ะ แต่ถามว่าวางตัวลำบากขึ้นมั้ยเนี่ย หนูวางตัวไม่ลำบากค่ะ ก็เป็นธรรมชาติ เป็นเรามากที่สุด พี่แมนเข้าใจ รายนั้นเค้ายิ่งเข้าใจ ยิ่งกับคนรัก เราไม่มีทางทำให้ลำบากใจอะไรอยู่แล้ว เราก็พยายามมีเวลาให้เค้าค่ะ”

และจากที่ สาวใบเตย เสียภาษีเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาทนั้น คาดว่า รายได้ที่เข้ามาในปีที่ผ่านมาของเธอนั้น มีรายได้มากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหล่าดาราที่คาดว่าน่าจะเสียภาษีในรอบปีที่เป็นจำนวนเงินถึง 8 หลัก ก็น่าจะมีนักร้องสาว หญิงลี ศรีจุมพล ที่มีงานชุกไม่แพ้ สาวใบเตย อาร์สยาม รวมทั้งพระเอกฮอต “เจมส์” จิรายุ ตั้งศรีสุข ที่มีงานโฆษณาหลายชิ้น และค่าตัวแต่ละชิ้นงานเป็นจำนวนเงินกว่า 10 กว่าล้านบาท ซึ่งรวมแล้วรายได้ในรอบปีก็สูสีกับ สาวใบเตย เช่นกัน ส่วนทางด้านของนางเอกพระเอกฮอตอย่าง “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต, “ปู” ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก, ณเดชน์ คูกิมิยะ, “ญาญ่า” อุรัสยา สเปอร์บันด์ , “ใหม่” ดาวิกา โฮร์เน่ ก็น่าจะเสียภาษีเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 7 หลัก และน่าจะเสียภาษีมากขึ้นด้วย เพราะมีงานทั้งโฆษณา และอีเว้นท์กันอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับนางเอกสาว “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ นั้น จากที่เมื่อปีที่ผ่านมา รับงานน้อยลงทั้งงานอีเว้นท์และงานละคร มีงานโฆษณาน้อยลงเช่นกัน ก็ทำให้ในรอบปีที่ผ่านมา สาวอั้ม-พัชราภา เสียเงินภาษีน้อยกว่าในทุกปีที่ผ่านมา