ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » คุยกับ ซีอีโอ ฉลาม : ย้อนอดีต สู่ปัจจุบัน ตามล่าดับเบิ้ลแชมป์

คุยกับ ซีอีโอ ฉลาม : ย้อนอดีต สู่ปัจจุบัน ตามล่าดับเบิ้ลแชมป์

Posted 22/08/2014 by goal.com

 

 

สกู๊ปพิเศษของ โกล ประเทศไทย ที่ขอพูดถึงเบื้องหลังในพัฒนาการ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของทีมภูธรฝั่งตะวันออกที่กลายมาเป็นมหาอำนาจลูกหนังอย่างทุกวันนี้ โดยผมได้นัด คุณอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ก่อตั้งสโมสรเพื่อพูดคุย สอบถาม ถึงเรื่องราวในอดีต และ สถานการณ์ปัจจุบัน ที่กำลังมีแววสร้างประวัติศาสตร์นำทัพฉลาม ลุ้น “ดับเบิ้ลแชมป์” อยู่ในขณะนี้

ย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา หลังจากการก้าวลงจากตำแหน่งของวิทยา เลาหกุล ในฐานะผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี คุณอรรณพ สิงห์โตทอง ก็เริ่มต้นภารกิจในการเดินหน้าหาผู้คุมบังเหียนคนใหม่ตั้งแต่สิ้นฤดูกาลที่แล้ว และ ในที่สุด มาซาฮิโร วาดะ คือผู้ที่เข้ามาเติมเต็มในส่วนนั้น

และจากการล้มลุกคลุกคลานในเลกแรก นายใหญ่คนใหม่เลือดปลาดิบก็ค่อยๆ จัดระเบียบสร้างบรรทัดฐานให้กับทีมฉลามน้ำเค็มทีมนี้ให้มีระบบ มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นไปลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพได้ในปีเดียวกัน

 

ต้องยอมรับนะครับว่าเราไม่ได้เห็นชลบุรี เอฟซีในมุมที่แข็งแกร่งแบบนี้มานานแล้ว นับตั้งแต่ฟุตบอลไทยลีกก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เพราะตั้งแต่การคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกและครั้งเดียวของชลบุรี เอฟซี พวกเขาก็ยังไม่เคยเข้าใกล้ความสำเร็จอีกเลย จนกระทั่งวันนี้

ซึ่งถ้าหากพวกเขาทำได้ ก็จะถือเป็นอีกหนึ่งก้าวกระโดดที่เรียกศรัทธาจากแฟนคลับหัวใจฟ้า-น้ำเงินให้กลับมาได้อีกเยอะ โดยเฉพาะถ้วยมูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ที่ยังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์ที่สดใสที่สุด

ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีต ชลบุรี เอฟซี ถือเป็นสโมสรภูธรที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นต้นแบบของฟุตบอลอาชีพเมืองไทย ซึ่งหากพูดกันให้แบบพอนึกภาพออก ในยุคที่ฟุตบอลไทยกำลังตั้งไข่ เริ่มต้นปูพื้นก่อนจะมายิ่งใหญ่และมีแฟนบอลหนาแน่นเฉกเช่นทุกวันนี้ จังหวะนั้นคงจะมีเพียงฉลามเมืองชลทีมเดียว ที่เกิดและตั้งอยู่อย่างจริงจัง

“ผมร่วมกับ คุณสนธยา คุณปลื้ม อดีต รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คุณวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี, คุณธนศักดิ์ สุระประเสริฐ เพื่อนรุ่นพี่ ที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ทำทีมฟุตบอลระดับเยาวชน ส่งแข่งฟุตบอลนักเรียน เมื่อสักประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว” คุณอรรณพ เล่าถึงจุดกำเนิด ทีม “ฉลามชล”

“พอวงการฟุตบอลเมืองไทยพัฒนาขึ้น เริ่มจะปรับตัวจาก ระบบสมัครเล่น สู่ระบบอาชีพ เรา 4 คน ก็มาคุยกันว่า จะทำฟุตบอลให้เป็นอาชีพ เพื่อ “ต่อยอด” และ สนับสนุนเด็กๆ ที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่วัยเยาว์ให้พวกเขาได้มีเงินรายได้เลี้ยงดูตัวเอง พร้อมเผื่อแผ่ไปถึง พ่อ แม่ พี่น้อง และ เครือญาติในครอบครัว”

“ตอนสมัยยังเป็นฟุตบอลนักเรียน หรือ ฟุตบอลสมัครเล่น พวกผม 4 คน ก็ใช้งบประมาณส่วนตัว ทำทีม ส่งแข่งและดูแลเด็กๆซึ่งมีหลายร้อยคน แต่พอเริ่มจะเป็นฟุตบอลกึ่งอาชีพที่ต้องใช้งบประมาณ จำนวนมาก ผมกับ ตุ๋ย (ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ) ถือโมเดล แบบสนามฟุตบอล ไปคุยกับ คุณธนิต ธรรมสุคติ ผู้บริหารเบียร์ช้างในขณะนั้น คุณธนิต ก็ไปบอก คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง

"จนในที่สุด คุณเจริญ ก็ให้งบมาสร้างสนามที่บ้านบึง” บอสใหญ่ฉลามชล เล่าย้อนอดีต ถึงจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ให้ฟัง

 

“เราได้รับเงินสนับสนุนจากช้าง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่นโปรวิเชียน ลีก และนับตั้งแต่นั้น ช้างก็อยู่เคียงข้างเรามาโดยตลอด ซึ่งในตอนนั้นเราได้เงินมาทำทีมประมาณ1 ล้านบาท พร้อมกับเงินช่วยทำสนามอีกจำนวนหนึ่ง”

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ช้าง ก็ยังเป็นหนึ่งในแบรนด์หลักบนหน้าอกฉลามชลมาโดยตลอด เรียกได้ว่ามีเสื้อชลบุรี เอฟซีที่ไหน ก็ต้องเห็นช้างที่นั่น จากอดีต จนถึงยุคเฟื่องฟูของฟุตบอลไทย

“ไม่ใช่แค่สโมสรชลบุรี เอฟซี แต่ยังหมายรวมถึงสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี, การจัดอบรมโค้ช, การจัดฟุตบอลเด็ก, การจัดทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากช้างซึ่งที่ผ่านมาผมคงต้องขอขอบคุณทางช้าง ที่ให้การสนับสนุนเราตลอดมา ดังนั้น ผมจึงพุดได้เต็มปากเต็มคำว่าถ้าไม่มีช้างก็คงไม่มีวันนี้ของชลบุรี เอฟซีเช่นกัน” รองประธาน “ฉลามชล” กล่าวขอบคุณ ช้าง ผู้สนับสนุนรายใหญ่ ที่ทำให้ ชลบุรี ประสบความสำเร็จ ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลว่า เป็น สโมสรฟุตบอลอาชีพชั้นนำในวงการฟุตบอลไทย

ส่วนผลงานที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ จนมีโอกาส สร้างประวัติศาสตร์ คว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” รองประธานฯ ฉลามชล เปิดเผยว่า “ แม้สถานการณ์ปัจจุบันชลบุรี จะมีลุ้นถึง 2 ถ้วย ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และ ฟุตบอล เอฟเอคัพ แต่ผมยังไม่อยากมองไกลไปขนาดนั้น ผมขอมองแบบนัดต่อนัดมากกว่า"

"ซึ่งถ้าถามว่าถ้วยไหน มีโอกาสได้มากกว่ากันก็คงจะเป็น ถ้วย เอฟเอคัพ ที่เหลืออีกเพียง 2 ด่านเท่านั้น ที่จะได้ชูถ้วย ขณะที่ ฟุตบอลลีก ยังเหลือการแข่งขันอีก 7 เกม ซึ่งผมขออยู่แบบเงียบๆ เหมือน ต้นฤดูกาล ที่ไม่มีใครสนใจเรา ปล่อยให้ ทีมยักษ์ใหญ่ อย่าง บุรีรัมย์ฯ และ เมืองทอง แย่งแชมป์กันดีกว่า” คุณอรรณพ กล่าวทิ้งท้ายอย่างถ่อมตน

คงต้องมาลุ้นกันนะครับว่า ฉลามร้ายจากภาคตะวันออกตัวนี้ จะกลับมา “อาละวาด” และ “ผงาด” ในวงการลูกหนังเมืองไทยได้อีกครั้งหรือไม่ เนื่องจาก พวกเขา ร้างรา จากตำแหน่งแชมป์มานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แชมป์ลีก ที่พวกเขาเคยได้ เพียงครั้งเดียวในปี 2007 ขณะที่ แชมป์ เอฟเอคัพ พวกเขา เคยทำได้เมื่อปี 2010

ถ้าพวกเขา ทำได้ ไม่ว่าแชมป์ใดแชมป์หนึ่ง แฟนฉลาม ทั่วประเทศ คงจะมีความสูข รวมไปถึง เครื่องดื่ม “ช้าง” ที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังตลอดมา คงจะมีความสูขเช่นกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »