ที่แย่กว่านั้นคือหลังจบ ด้วยการติด 5 อันดับแรกของศึกบุนเดสลีกา 5 ฤดูกาลติดต่อกัน ปี 2015 อาจต้องเป็นครั้งแรกในรอบ 29 ปีที่ ดอร์ทมุนด์ ต้องมาลุ้นหนีตายเพื่อไม่ให้ต้องกลายเป็นทีมลีกาสองแทน หนล่าสุดที่พวกเขาเกือบพ้นสภาพทีมในลีกสูงสุด เกิดขึ้นในฤดูกาล 1985-86 โดยตอนนั้น "เสือเหลือง" อยู่อันดับ 14 เมื่อจบครึ่งฤดูกาลแรก แต่ท้ายที่สุดลงเอยด้วยอันดับ 16 จนต้องเตะเพลย์ออฟกับ ฟอร์ทูน่า โคโลญจน์ ตัวแทนลีกาสอง ถึง 3 นัด เกมแรกไปแพ้ 0-2 กลับมาชนะ 3-1 สมัยนั้นถ้ามีอเวย์โกล์ ดอร์ทมุนด์ ตกชั้นไปแล้ว แต่แมตช์ที่ 3 พวกเขาชนะ 8-0

        กองเชียร์ ดอร์ทมุนด์ รุ่นใหม่ ที่ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ช่วงนั้น จึงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เพราะจู่ๆทีมที่เคยประสบความสำเร็จ กลับมาล้มเหลวภายในเวลาข้ามคืน ทั้งๆนักเตะซูเปอร์สตาร์ยังอยู่กันหลายราย ทั้ง มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์, มาร์โค รอยส์ หรือ เนเว่น ซูโบติช แถมลงทุนในการเสริมทัพไปแล้ว 54.1 ล้านยูโร (ประมาณ 2,750 ล้านบาท) เพื่อคว้าทั้ง ชินจิ คางาวะ จอมทัพชาวญี่ปุ่น, อาเดรียน รามอส แข้งโคลอมเบีย กับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ชาวอิตาเลียน เข้ามาเพิ่ม แม้มีปัญหาบาดเจ็บของ อิลคาย กุนโดกัน, นูรี่ ซาฮิน กับ ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ แต่ไม่น่าจะส่งผลถึงขนาดนี้

        ปัญหาคือหลายคนฟอร์มตก ทั้งนักเตะใหม่ และเก่า รามอส และ อิมโมบิเล่ ยิงในลีกรวมกันได้แค่ 5 (2+3) ประตูเท่านั้น ทั้งๆลงสนามถึงหลัก 12 แมตช์เรียบร้อยแล้วทั้งคู่ รอยส์ กับ คางาวะ จ่ายรวมไปเพียง 3 (2+1) ประตู ส่วน ฮุมเมิ่ลส์, ซูโบติช, มัทธีอัส กินเทอร์, สเวน เบนเดอร์ หรือ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ฟอร์มก็ไม่เหมือนเดิม "เสือเหลือง" เพิ่งชนะในลีกเมืองเบียร์หนที่ 4 ของฤดูกาล หลังเตะไปแล้ว 16 เกม โดยเพิ่งเก็บคะแนนนอกบ้านไปแค่ 4 แต้ม (ชนะ เอฟเซ เอาก์สบวร์ก 3-2 กับ เสมอ เอสเซ พาเดอร์บอร์น 2-2) แย่ที่สุดในลีก

        หลายคนโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้กับทีมที่เคยซิวแชมป์บุนเดสลี กา 2 สมัยซ้อน ช่วงปี 2011-12 และได้รองแชมป์ลีกอีก 2 หนใน 2 ฤดูกาลต่อมา เป็นเพราะผู้บริหาร มากกว่าตำหนิฝีมือการคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือคนเก่ง เพราะตั้งแต่แรกก็มีการวิเคราะห์กันว่าแทนที่สโมสรจะเน้นคุณภาพ ทุ่มซื้อแข้งดีๆไปเลยสัก 1-2 คน หลังการขาย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกทีมชาติโปแลนด์ ซึ่งยิงในลีกได้ 20 ประตู 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค แต่กลับเลือกเน้นปริมาณ ซื้อของราคาถูกมาเพียบ แต่ไม่มีใครทำผลงานดีสักราย

        ดอร์ทมุนด์ ที่มีดาราเต็มทีม กลับสร้างสถิติไม่ชนะในลีก 7 นัดรวด และพ่าย 5 เกมติดต่อกัน เหมือนขาดความมั่นใจทั้งแนวรับ และรุก แต่พวกเขาทั้งหมดเล่นเหมือนขาดความมั่นใจ พ่ายแม้แต่กระทั่งคู่แข่งอย่าง ฮันโนเวอร์ 96, 1. เอฟเอสเฟา ไมนซ์ 05 รวมถึง 1. เอฟเซ โคโลญจน์ ทีมน้องใหม่ แต่กลับเอาชนะ 4 นัดรวดในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่มี อาร์เซน่อล, กาลาตาซาราย และ อันเดอร์เลชท์ โดยมีผลต่างประตู 13-1 จนผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์แบบสบายๆ

        ล่าสุดแฟนบอล "เสือเหลือง" ขอให้ทีมตั้งใจเล่น เพราะอุตส่าห์ซื้อตั๋วแพง บางคนก็เดินทางไกลในการตามเชียร์แต่ละนัด แต่สิ่งที่ได้กลับมาเป็นผลงานที่แย่ของทีม จากที่เคยมีคำขวัญในหมู่สาวกพันธุ์แท้ว่า เอ็คเท่อ ลีเบอ หรือความรักอันแทัจริง แต่ตอนนี้กลับเกิดความคลางแคลงใจในทีม แม้ทางตัวเลขจะยังตามหลังพื้นที่โควตาฟุตบอลยุโรป 9 คะแนน ดูเหมือนไม่เยอะ แต่ในภาคปฏิบัติมันทำยาก เพราะถ้าง่ายจริง ดอร์ทมุนด์ รวมถึงยักษ์ใหญ่อีกหลายทีม เช่น เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท หรือ แวร์เดอร์ เบรเมน คงไม่มาร่วมวงกันหนีตกชั้นเหมือนอย่างทุกวันนี้

        ใครที่ตามเชียร์ ดอร์ทมุนด์ คงต้องทำใจว่าวันแห่งความทรงจำในบุนเดสลีกาอาจผ่านพ้นไปแล้ว แต่ทุกอย่างในโลกต่างมีช่วงเวลาของมัน ทั้งเรื่องดี และร้าย ตอน คล็อปป์ เข้ามาคุมทัพปีที่ 2 ในฤดูกาล 2009-10 พวกเขาเคยดีดตัวกลับมาจบด้วยอันดับ 5 หลังร่วงไปถึงอันดับ 15 หลังจบแมตช์ที่ 7 เพราะครึ่งฤดูกาลหลังสามารถทำผลงานดีชึ้น มันก็อาจเกิดขึ้นอีกครั้งก็ได้ หากนักเตะที่มีอยู่ขณะนี้ เรียกฟอร์มเก่งกลับคืน หรือมีการซื้อใครเข้ามาเพิ่มอีก ทั้งนี้ก็ต้องให้โอกาส คล็อปป์ ทำงานของเขาต่อไป เพราะหาเทรนเนอร์เก่งๆในยุคนี้ได้ค่อนข้างยาก

        ทุกคนควรอยู่ด้วยความหวัง แม้มันอาจเลือนลางสักเพียงใด หรือดูว่ามันเป็นเรื่องยากแค่ไหนก็ตาม