ปรีวิวฟุตบอล ยู-21 ชิงแชมป์ยุโรป

(นัดชิงชนะเลิศ)

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558

สวีเดน - โปรตุเกส

ถ่ายทอดสด : PPTV HD (เวลา 01.45 น.)

สนาม : เอเดน อารีน่า

        ฮาคาน เอริคสัน เทรนเนอร์เด็กไวกิ้ง พาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบรองชนะเลิศ เมื่อถล่มเอาชนะ เดนมาร์ก 4-1 โดยผลงานดีสุดของพวกเขาก่อนหน้านี้คือการเป็นรองแชมป์เมื่อปี 1992

        สภาพทีมมีข่าวดีที่จะได้ โยเซฟ บัฟโฟ่ หายเจ็บกลับมา ส่วนตัวหลักอื่นยังอยู่กันครบครัน นำโดย จอห์น กุยเด็ตติ และ ไซม่อน ทิบบลิง ที่กำลังนำเป็นดาวซัลโวของทีมที่จำนวน 2 ประตูเท่ากัน

        ผู้รักษาประตูเป็น พาทริค คาร์ลเกร็น แนวรับ โยเซฟ บัฟโฟ่ จับคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟกับ อเล็กซานเดอร์ มิโลเซวิช ขนาบข้างด้วย วิคเตอร์ นิลส์สัน-ลินเดลอฟ และ ลุดวิก เอากุสตินส์สัน

        ออสการ์ ฮิลเยมาร์ค ปักหลักกลางสนามกับ ออสการ์ เลวิคกี้ ริมเส้นเป็น อับดุล คาลีลี่ และ ไซม่อน ทิบบลิง กองหน้า จอห์น กุยเด็ตติ จับคู่ล่าตาข่ายกับ อิซัค เธลิน

        ด้าน รุย จอร์จ กุนซือโปรตุกีสชุดเล็ก โชว์ฟอร์มสุดยอดในรอบตัดเชือกด้วยการอัดยับทีมเต็งอย่าง เยอรมัน 5-0 โดยผลงานดีสุดของพวกเขาคือการเป็นรองแชมป์เช่นกันเมื่อปี 1994

        อย่างไรก็ตาม แมตช์นี้ต้องรอทดสอบความฟิตของ ติอาโก้ อิลอรี่ หากไม่ไหวจะเป็น โทเบียส ฟิเกเรโด้ ที่ได้คุมเกมรับแทน นอกนั้นไม่มีปัญหา ชูเอา มาริโอ, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ยังพร้อมนำทัพเหมือนเดิม

        โชเซ่ ซา รับหน้าที่เฝ้าเสา เปาโล โอลิเวยร่า ยืนปราการหลังตัวกลางกับ ติอาโก้ อิลอรี่ หรือ โทเบียส ฟิเกเรโด้ แบ็กสองข้างใช้ ริคาร์โด้ เอสกาโย่ และ ราฟาเอล เกร์เรยโร่

        วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ ประสานงานแดนกลางกับ ชูเอา มาริโอ และ เซร์คิโอ โอลิเวยร่า วาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำหน้าที่เพลย์เมกเกอร์อยู่ข้างหลังคู่หัวหอก อิวาน คาวาเลยโร่ กับ ริคาร์โด้ เปเรยร่า

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

        สวีเดน : พาทริค คาร์ลเกร็น - วิคเตอร์ นิลส์สัน-ลินเดลอฟ, โยเซฟ บัฟโฟ่, อเล็กซานเดอร์ มิโลเซวิช, ลุดวิก เอากุสตินส์สัน - อับดุล คาลีลี่, ออสการ์ ฮิลเยมาร์ค, ออสการ์ เลวิคกี้, ไซม่อน ทิบบลิง - จอห์น กุยเด็ตติ, อิซัค เธลิน

        โปรตุเกส : โชเซ่ ซา - ริคาร์โด้ เอสกาโย่, เปาโล โอลิเวยร่า, ติอาโก้ อิลอรี่ (โทเบียส ฟิเกเรโด้), ราฟาเอล เกร์เรยโร่ - ชูเอา มาริโอ, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, เซร์คิโอ โอลิเวยร่า - แบร์นาร์โด้ ซิลวา - อิวาน คาวาเลยโร่, ริคาร์โด้ เปเรยร่า

        ผู้ตัดสิน : ซีโมน มาซีเนียค (โปแลนด์)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เป็นการเข้าชิงครั้งที่ 2 ของทั้งคู่ โดยครั้งก่อนทั้งสองทีมอกหักจากการผ่ายต่อ อิตาลี ในปี 1992 และ 1994 ตามลำดับ
- คู่นี้เจอกันครั้งล่าสุดในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โปรตุเกส ออกนำก่อนจาก กอนซาโล่ ปาเซียนซ่า จากนั้น ไซม่อน ทิบบลิง ยิงตีเสมอในช่วงนาทีสุดท้าย เสมอกันไป 1-1 กอดคอกันเข้ารอบ
- ย้อนไปเมื่อปี 2004 คู่นี้ก็ได้ดวลกันในรายการยู-21 ซึ่งในเกมเปิดสนามปีนั้น สวีเดนเอาชนะ 3-1
- ปีเดียวกันนั้นทั้งสองทีมตีตั๋วเข้ารอบรองฯ แต่ก็แพ้ และได้ดวลกันอีกครั้งในเกมเพลย์ออฟโอลิมปิก คราวนี้โปรตุเกสเป็นฝ่ายเอาชนะ 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังเสมอกันใน 90 นาทีที่สกอร์ 2-2
- ไอ้แอ้ดฝอยทอง เป็นทีมเดียวที่ผ่านมาเข้ามาในรอบรองชนะเลิศที่ไม่เคยเป็นฝ่ายตามหลัง
- เด็กฝอยทองครองบอลได้มากถึง 53.9 เปอร์เซนต์ มีเพียง เยอรมัน (55.9) และอังกฤษ (55.8) เท่านั้นที่ทำได้ดีกว่า ขณะที่ สวีเดน ทำได้เพียง 38.6 เปอร์เซนต์เานั้น
- โปรตุเกส เป็นทีมที่เล่นลูกกลางอากาศดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ โดยแย่งบอลกลางอากาศได้มากถึง 23.7 เปอร์เซนต์ ขณะที่ สวีเดน ทำได้เพียง 16.3 เปอร์เซนต์
- สวีเดน เป็นทีมที่ผ่านบอลเข้าเป้าห่วยสุดของทัวร์นาเมนต์ (72.8 %) ขณะที่ โปรตุเกส ทำได้ดีที่สุดอันดับ 3 (82.6 %) เป็นรองเพียง เยอรมัน (84.3 %) และอังกฤษ เท่านั้น (82.7)
- เด็กไวกิ้ง ทำฟาวล์ต่อเกมมากที่สุดอันดับ 3 ของการแข่งขัน (15) เป็นรองเพียง สาธารณรัฐเช็ก (17.7) และ อิตาลี (15.7) ขณะที่ โปรตุเกส ทำฟาวล์น้อยที่สุด ร่วมกันกับ เยอรมัน (10.7)
- มีเพียง อังกฤษ (20) ทีมเดียวเท่านั้น ที่ตัดบอลต่อเกมได้มากกว่า โปรตุเกส (19) ขณะที่ สวีเดน ตัดบอลได้น้อยที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (7.7)
- นอกจากนี้สิงโตน้อย ยังเป็น (9.7) ทีมเดียวเท่านั้น ที่มีค่าเฉลี่ยทำประตูจากนอกเขตโทษมากกว่า โปรตุเกส (8.7) ขณะเดียวกัน สวีเดน ทำประตูจากลูกยิงลักษณะนี้ได้น้อยที่สุด (3)