หลังจากที่เราได้เห็นการเปิดศึกสงครามน้ำลายระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และอาร์แซน เวนเกอร์ ก่อนเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ เชลซี จะพบกับ อาร์เซน่อล ในวันที่ 2 ส.ค. นี้ จะเห็นได้ว่ากุนซือฝีปากกล้าอย่าง มูรินโญ่ นั้นสามารถทำให้เกมการกุศลธรรมดา ๆ ที่ลงเตะเป็นธรรมเนียมทุกปีก่อนเปิดฤดูกาลใหม่กลายเป็นเกมที่ส่อแววดุเดือด และมีความหมายต่อแฟนบอลทั้ง 2 ทีมขึ้นมาทันตา

แน่นอนด้วยความที่เป็นตัวของตัวเองสูงทำให้ กุนซือชาวโปรตุเกส ผู้นี้ต้องมีคู่ปรับนอกเหนือจาก อาร์แซน เวนเกอร์ อยู่แล้ววันนี้ espnfc.com ได้ทำการรวบรวมรายชื่อคู่ปรับของยอดเทรนเนอร์มาดกวนผู้นี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาให้ชมกัน

บาร์เซโลน่า

ในเดือนมีนาคมของปี 2005 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ เชลซี พ่ายให้กับ บาร์เซโลน่า 1-2 โดยในเกมนี้ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ดาวยิงคนสำคัญของทีม ถูกไล่ออกจากสนามเนื่องจากปะทะกับ บิคตอร์ บัลเดส เกิดประเด็นร้อนขึ้นเมื่อ มูรินโญ่ ออกมากล่าวหลังจบเกมว่าเขาเห็น แฟรงค์ ไรจ์การ์ด กุนซือบาร์ซ่า ในขณะนั้นแอบพบกับ อันเดอร์ส ฟริสค์ ผู้ตัดสินอย่างลับ ๆ ช่วงพักครึ่ง

มูรินโญ่ ก็ออกมาตราหน้าว่านี่คือ "ศัตรูของโลกฟุตบอล" ก่อนที่ โฟลเกอร์ ร็อธ หัวหน้าผู้ตัดสินของ ยูฟ่า จะสั่งแบน ฟริสค์ ออกจากการตัดสินเกมระดับยุโรปแถม ฟริสก์ ก็ได้ถูกขู่ฆ่ายกครัวจนต้องแขวนนกหวีดไปก่อนกำหนด นับว่านี่ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฟนบอล บาร์เซโลน่า นั้นส่งเสียงโห่ใส่ มูรินโญ่ ทุกครั้งที่มีโอกาส

อาร์แซน เวนเกอร์

คู่นี้ไม่ต้องพูดสรรพคุณมากมายทุกคนรู้ดีว่าทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ และอาร์แซน เวนเกอร์ นั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ปีแรกที่ มูรินโญ่ เข้ามาสู่เวที พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2004-2005 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังเสมอต้นเสมอปลาย

และประโยคคลาสสิกที่เป็นการประกาศศึกของ มูรินโญ่ ก็คือ "ผมคิดว่าเขาเป็นพวกถ้ำมอง เขาชอบที่จะรู้เรื่องของคนอื่น ๆ เขาพูด ๆ เกี่ยวกับ เชลซี ตลอดเวลา แต่เขาไม่กังวัลเรื่องของ อาร์เซน่อล บ้างเลยเขาเป็นห่วงเราเพราะ เขาพูดถึงแต่ เชลซี, เชลซี และเชลซี"

 ราฟา เบนิเตซ

นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่ปรับตลอดกาลของ โชเซ่ มูรินโญ่ ตั้งแต่สมัยที่ ราฟา เบนิเตซ ยังคุมทีม ลิเวอร์พูล โดย มูรินโญ่ ค่อนข้างจะหัวเสียที่ทีมของเขาต้องตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2004-2005 ด้วยน้ำมือของ "หงส์แดง" พร้อมกับประตูของ หลุยส์ กาเซีย ที่เขามักพูดเสมอว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

ขณะที่ ราฟา เบนิเตซ ก็เคยพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับ มูรินโญ่ เมื่อปี 2007 อย่างแสบ ๆ คัน ๆ ว่า "ผม และโชเซ่ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนกระทั่ง ลิเวอร์พูล เริ่มทำผลงานได้ดี หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน"

และล่าสุด มูรินโญ่ ก็ปรามาส ราฟา ว่าคอยตามมาคุมทีมที่เขาเคยสร้างความสำเร็จเอาไว้อย่าง อินเตอร์ มิลาน, เชลซี และล่าสุดก็เป็น เรอัล มาดริด ดูท่าคู่นี้คงจะเป็นคู่ปรับกันไปอีกนาน

 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

สมัยที่ มูรินโญ่ ยังคุม เรอัล มาดริด และ เป๊ป ยังคุม บาร์เซโลน่า เวลานั้นทุกคนจะต้องรู้สึกว่าศึก "เอล กลาซีโก้" จะดุเดือดทวีคูณขึ้นมาหลายเท่าตัว และในปี 2014 นายใหญ่ทัพ "สิงห์บลูส์" ก็ได้พูดถึง กุนซือ "เสือใต้" แบบสุดแสบว่า "เมื่อคุณได้เพลิดเพลินกับสิ่งที่คุณทำอยู่ ผมของคุณก็คงไม่ร่วง แต่ กวาร์ดิโอล่า หัวล้านแสดงว่าเขาไม่ได้สนุกกับฟุตบอลเลย"

เคลาดิโอ รานิเอรี่

โชเซ่ มูรินโญ่ ได้มาคุมทีม เชลซี ต่อจาก เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่ถูกปลดไปในปี 2004 โดยทั้งคู่ก็เปิดศึกสงครามน้ำใส่กันเป็นระยะ ๆ โดย "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ให้ออกมาพูดเมื่อปี 2008 สมัยคุมทีม อินเตอร์ มิลาน ว่า "ผมเรียนภาษาอิตาเลียน 5 ชั่วโมงต่อวันมานานหลายเดือน ก็เพื่อทำให้แน่ใจว่า ผมสามารถสื่อสารกับลูกทีม, สื่อ และแฟนบอลได้ ขณะที่ รานิเอรี่ อยู่ใน อังกฤษ มานานร่วม 5 ปีแล้ว แต่เขายังมีปัญหากับการพูดคำว่า กู๊ด มอร์นิ่ง, กู๊ด อาฟเตอร์นูน อยู่เลย"

ปิเอโตร โล โมนาโก

ตลอดช่วงเวลา 2 ปีกับ อินเตอร์ มิลาน ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ถือว่าความเป็นกุนซือฝีปากกล้าของเขาได้สร้างศัตรูใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยรวมถึง ปิเอโตร โล โมนาโก ผู้อำนวยการสโมสร คาตาเนีย ถึงขนาดเคยให้นิยามของ มูรินโญ่ ไว้ว่า "เขาถือเป็นคนที่สมควรถูกตบเข้าเต็ม ๆ ที่ปาก" ขณะที่ มูรินโญ่ ก็พูดถึง ปิเอโตร โล โมนาโก สั้น ๆ แต่เจ็บถึงใจว่า "โมนาโก หรือ ? ผมไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร"

สื่อ อิตาลี

กุนซือชาวโปรตุเกส ถูกสื่อของ อิตาลี เล่นงานอย่างหนักว่าเป็นคนหน้าซื่อใจคด เขาจึงตั้งฉายาให้กับสื่อแดน "มักกะโรนี" ว่า "โสเภณีทางปัญญา" เรียกได้ว่าถึงพริกถึงขิงเลยทีเดียว

เฮซาลโด้ เฟอร์ไรร่า

แม้กระทั่งคนบ้านเดียวกัน และแถมยังเป็นกุนซือจอมเก๋าแห่งวงการลูกหนัง โปรตุเกส อย่าง เฮซาลโด้ เฟอร์ไรร่า อดีตนายใหญ่ ปอร์โต้ ก็ไม่เว้น มูรินโญ่ ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า "กุนซือผู้มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เป็นหนึ่งในกุนซือที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีไม่เคยได้รับรางวัลอะไรเลย กับกุนซือที่คุมทีม 3 ปี แต่คว้าหนึ่งแชมป์ที่ยิ่งใหญ่"