สัปดาห์ที่ 14 ของศึกพรีเมียร์ลีกผ่านพ้นไปแล้ว วีกนี้อาจจะไม่รุนแรง ดุเดือดมากนัก แต่ก็ยังมีประเด็นให้เราพูดถึงอีกเช่นเคย

เริ่มกันที่คืนวันเสาร์ประเดิมคู่สุดมันส์ประจำปีนี้เลยก็ว่าได้ เอเอฟซี บอร์นมัธ เปิดรังไล่ตามตีเสมอ เอฟเวอร์ตัน 3-3 ชนิดที่ต้องใช้คำว่า "โคตรระทึก" หลังทีมเยือนเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อน 2-0 ก่อนเจ้าบ้านจะตามตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทว่า รอสส์ บาร์คลี่ย์ ยิงให้ "ขุนพลทอฟฟี่" ขึ้นนำอีกครั้งนาที 90+5 ทำเกมท่าจะจบแต่การบุกครั้งสุดท้ายของ "เดอะ เชอร์รี่ส์" สร้างความช็อคให้กับทีมเยือนเมื่อ จูเนียร์ สตานิสลาส พังประตูตีเสมอนาที 90+8 เป็นหนึ่งแต้มที่ล้ำค่ามากๆสำหรับ บอร์นมัธ

คู่ถัดมา คริสตัล พาเลซ เปิดบ้านยำใหญ่ใส่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 5-1 โดย "สาลิกาดง" ขึ้นนำก่อนจาก ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ่ นาทีที่ 10 แต่หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็จัดมหกรรมรัวประตู 5 ดอกส์รวดให้ทีมเยือนกลับบ้านกันไม่ถูกเลยทีเดียว

"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม เชือด เซาธ์แฮมป์ตัน นิ่มๆ 3-1 กลับขึ้นไปนั่งแท่นจ่าฝูงอีกครั้ง ส่วน "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ทุบ สโต๊ค ซิตี้ 2-0 และเป็นการชนะสองนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้อีกด้วย

แอสตัน วิลล่า ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น 5 นัดติดต่อกันแล้ว หลังพ่ายคาบ้านให้ วัตฟอร์ด 2-3 ส่วนคู่ดึกประจำวัน "จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ เปิด คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม แชร์แต้มกับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 และแน่นอนประตูแรกของเกมที่เกิดขึ้นมาจากฝีเท้าของ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกฟอร์มฮอต ซึ่งเจ้าตัวทำลายสถิติยิงประตูติดต่อกันในลีก 10 นัดของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ แมนฯยูไนเต็ด ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรกจากลูกโขกของ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ มิดฟิลด์ชาวด๊อยช์

เข้าสู่วันอาทิตย์เริ่มด้วยศึก ลอนดอน ดาร์บี้ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ทำได้แค่เสมอ เชลซี ไปแบบจืดชืด 0-0 ต่อด้วย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็เปิดบ้านเจ๊า เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1

คู่ดึกสองคู่ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ นัดนี้ทำได้ดี ไล่ตามตีเสมอ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ไปแบบมีโอกาสชนะด้วยซ้ำ 1-1 ส่วนอีกคู่ "ศึกสองหงส์" ระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิด แอนฟิลด์ เฉือน "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้ 1-0 ได้ประตูโทนจากจุดโทษของ เจมส์ มิลเนอร์ นาทีที่ 62

"เดอะ มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังแดนผู้ดี ได้รวบรวม 10 ประเด็นฮอตจากศึกพรีเมียร์สัปดาห์ที่ 14 จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย...

1. หาก วาร์ดี้ มีค่าหัว 30 ล้านปอนด์ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก

ไม่ใช่แค่จะผลิตสกอร์เป็นกอบเป็นกำให้ทีมได้อย่างเดียว แต่เจ้าของดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกตอนนี้ทำได้มากกว่านั้น ทั้งไล่เพรสซิ่งกองหลังคู่แข่ง ลงมาช่วยเกมรับ มีความอึด แถมยังแข็งแกร่ง วิ่งไม่มีหมด ก็ไม่แปลกใจที่ทาง เลสเตอร์ จะตั้งค่าตัวของ วาร์ดี้ เอาไว้ที่ 30 ล้านปอนด์

2. เจ้าหนู วัตมอร์ มีแววจะเป็นดาวดัง

ไอหนุ่มวัย 21 ขวบ ถูกส่งลงมาแทน เจอร์เมน เดโฟ ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม และสร้างความปวดหัวให้กับแผงหลังของทีมเยือนได้เป็นอย่างดี แถมประตูของเขาในเกมนี้ ยังทำได้หมดจดงดงามอีกต่างหาก

3. ทีมเก็บคลีนชีตไม่ได้เลยเมื่อขาด ก็องปานี

การขาด แว็งซ็องต์ ก็องปานี นั้นมีผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อแนวรับของทัพเรือใบ ตั้งแต่ไม่มีกัปตันคนเก่งคอยบัญชาการแผงหลัง ทีมเสียประตูแทบทุกนัด และหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะส่งผลระยะยาวต่อการลุ้นแชมป์แน่นอน

4. สาลิกาดงไม่รอดแน่หาก แม็คคลาเรน ยังคุมทัพอยู่

นิวคาสเซิ่ล ยิ่งเล่นยิ่งกู่ไม่กลับ การทำประตูขึ้นทำ พาเลซ ไปก่อนไม่ทำให้ทีมถือความได้เปรียบเอาไว้ได้เลย แถมโดนรัวยับกลับบ้านอีกต่างหาก ดูจากผลงานที่ผ่านมาแล้ว บอร์ดบริหารควรทำอะไรซักอย่าง ก่อนที่มันจะสายเกินแก้ ตอนนี้ นิวคาสเซิล อันดับรูดมาอยู่รองบ๊วยของตารางเรียบร้อยแล้ว

5. ลูกากู ควรจะได้รับการสรรเสริญมากกว่านี้

ทุกสายตาจับจ้องและให้การยอมรับว่า เจมี่ วาร์ดี้ คือศูนย์ที่เจ๋งสุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ แต่อีกคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำผลงานยิงอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกันคือ โรเมลู ลูกากู รองดาวซัลโวที่ทำไปแล้ว 10 ประตู แต่คนกลับไม่ค่อยพูดถึงกันซักเท่าไหร่ ซึ่งผลงานในซีซั่นนี้ของหัวหอกชาวเบลเจี้ยนก็เยี่ยมยอดไม่แพ้ วาร์ดี้ เช่นกัน

6. อิกาโล่ คือคนที่ใช่สำหรับ วัตฟอร์ด

ดาวยิงทีมชาติไนจีเรีย คือบุคคลที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย ตอนนี้ "แตนอาละวาด" กลับมาได้แล้วหลังจากพลาดท่าในสองเกมล่าสุด และเห็นเงียบๆแบบนี้ก็ยิงเพียบเหมือนกัน เจ้าตัวกดไปแล้ว 8 ตุง รั้งดาวซัลโวอันดับสามต่อจาก วาร์ดี้  และ ลูกากู

7.  (ลุ้นแชมป์)ไหวหรือเปล่า "ไอปืนใหญ่" ?

เกมล่าสุด อาร์เซนอล สังเวยแข้งไปอีกสองรายแถมเป็นรายสำคัญเสียด้วยทั้ง อเล็กซิส ซานเชส และ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ รวมๆแล้วมี 9 ชีวิตที่เข้าไปนั่งนอนเล่นในโรงหมอ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีการเสริมทัพในช่วงปีใหม่ เรื่องการลุ้นแชมป์ก็ เซย์ กู๊ดบาย มันไปได้เลย

8. สเตอร์ริดจ์ เขากลับมาแล้ว!

เกือบจะได้ลงไปยืดเส้นยืดสายในเกมกับ บอร์กโดซ์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีแล้ว แต่เกิดโรคระแวงอาการบาดเจ็บเสียนี่ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าของฉายา "เต้ยโศก" มีโอกาสได้ลงไปวิ่งเล่นบนฟลอร์หญ้าร่วมๆ 20 นาทีสุดท้าย ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อพลพรรคหงส์แดงที่พวกเขาได้ สเตอร์ริดจ์ กลับสู่ทีมอีกครั้ง

9.  ขาด ปาเยต แต่ยังมี ซาราเต้

เห็นได้ชัดเลยว่า เวสต์แฮม ขาด ดิมิทรี ปาเยต ที่โดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป ส่งผลต่อการทำเกมรุกอย่างมาก แต่อย่าลืมว่ายังมีชายที่ชื่อ เมาโร ซาราเต้ อยู่อีกทั้งคน ถึงแม้ทีมจะทำได้แค่เสมอ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่แข้งอาร์เจนไตน์ก็สามารถฝากความหวังได้อยู่เช่นกัน และแน่นอนเจ้าตัวก็ใส่ชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ดจากลูกฟรีคิกสุดสวยได้ด้วย

10. อนาคตของ คอสต้า จะเป็นเช่นไรต่อไป ?

อนาคตของ คอสต้า กับ เชลซี ไม่แน่นอนเสียแล้วหลังจากที่เขากล้าๆโยนเสื้อวอร์มทิ้งมันซะอย่างงั้น เจ้าตัวหงุดหงิดไม่น้อยที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้ไปวอร์มแต่กลับไม่ส่งลงเล่นทั้งๆที่สถานการณ์ทีมต้องการประตู แน่นอนความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องดูกันต่อไปว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ถ้า มูรินโญ่ อยู่ คอสต้า ก็ต้องเป็นคนต้องไป