ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » Give A Shout : จูเนียร์ เนเกรา - เพียงชายคนนี้ไม่ใช่กิเลน

Give A Shout : จูเนียร์ เนเกรา - เพียงชายคนนี้ไม่ใช่กิเลน

Posted 26/05/2016 by goal.com

จากจุดเริ่มต้นที่ล้มลุกคลุกคลานบนแผ่นดินสยาม เนเกรากลายเป็นดาวยิงแถวหน้าของไทยลีกประจำฤดูกาล 2016 เพียงชั่วข้ามคืน และนี่คือการเปิดใจครั้งแรกของเจ้าตัวกับ โกล ประเทศไทย

ตอนนี้ ผมมีความสุขกับฟอร์มของตัวเอง เพราะผมได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมทำอะไรได้ ผมเริ่มกลับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง และแสดงให้เห็นว่าผมคือนักฟุตบอลที่ดี ไม่ใช่ตัวตลกของใคร

ในวันที่เซ็นสัญญาและเปิดตัวครั้งแรกกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด จูเนียร์ เนเกรา ได้รับการจับตามองจากหลายฝ่ายในฐานะตัวความหวังที่จะการทวงบัลลังก์แชมป์จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทว่าสถานการณ์ในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม กลายเป็นเพียงฝันร้าย เมื่ออาถรรพ์หมายเลข 9 ของสโมสรแห่งนี้เล่นงานเขาอย่างหนัก จนต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอลมากมาย

หลังจากนั้นไม่นาน ดาวยิงสัญชาติบราซิลก็หลุดจากแผนการทำทีมตามคาด และต้องย้ายไปเล่นให้ พัทยา ยูไนเต็ด แต่ พลันที่เปลี่ยนสโมสรมาใส่ยูนิฟอร์มใหม่สีน้ำเงินปักที่หน้าอกเสื้อเป็นรูป โลมา เขาก็กลายร่างจากตัวตลกเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าของฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงไปถึง 9 ประตูจาก 12 นัด และเกือบสร้างสถิติยิงต่อเนื่องนานที่สุดในไทยลีกได้สำเร็จ

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หาคำตอบได้ที่นี่

สู่เมืองไทยและเมืองทอง

ก่อนจะเหยียบแผ่นดินสยาม เนเกรายอมรับตามตรงว่าเหตุผลหลักของเขาคือเรื่องเงินมากกว่าเรื่องอื่นๆ และเขาไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยมากนัก นอกจากตามคำบอกเล่าของเพื่อนนักเตะว่าฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นมาก

 

“ผมยอมรับว่าครั้งแรกที่ผมตัดสินใจมาที่ประเทศไทยก็คือเรื่องของเงิน ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองไทยเท่าไหร่ แต่ผมต้องการความท้าทายและพัฒนาตัวเองต่อไป ซึ่งผมเชื่อว่าฟุตบอลไทยน่าจะเหมาะกับผม"

“สมัยที่ผมอยู่บราซิล บอกตามตรงว่าผมไม่ได้ลำบากอย่างที่นักเตะบราซิลหลายคนเจอนะ พอถึงวันหนึ่งผมก็รู้สึกอิ่มตัว และผมต้องการความท้าทายใหม่ๆ อีกครั้งไ

“ในเวลานั้น ข้อเสนอจากเมืองทองก็มาถึงทรอมเบนเซ่ สโมสรของผม แน่นอนผมไม่มีทางปฏิเสธมัน"

“หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะมาเมืองไทย ผมก็ปรึกษากับนักเตะบราซิลหลายคนที่เล่นในไทย ไม่ว่าจะเป็น ราฟาเอล บ็อตติ หรือ ชูเลียโน มิเนโร ทั้งสองคนบอกว่าฟุตบอลไทยพัฒนาขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา และนักเตะบราซิลดีๆ หลายคนก็ย้ายมาค้าแข้งที่นี่”

กับวินาทีแรกที่เดินทางมาถึงเมืองไทย เขาต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ทั้งหมด เพราะนอกจากวิธีการเล่นฟุตบอลในสนามแล้ว ยังมีอุปสรรคอีกมากมาย อาทิ วัฒนธรรม ภาษา รวมถึง อาหาร การกินอยุ่อาศัยต่างๆ

“ก้าวแรกของผมหลังเท้าแตะพื้นที่สนามบิน ผมรู้สึกว่าทุกอย่างในไทย แตกต่างกับบราซิลทั้งหมดเลย ทั้งสภาพอากาศ วัฒนธรรม และผู้คนก็แตกต่าง ทุกคนที่นี่รักฟุตบอลมาก แฟนบอลทุกคนให้ความเคารพในตัวนักเตะ ซึ่งมันไม่เหมือนที่บราซิลเลย เพราะการจัดการอะไรต่างๆ ของหลายสโมสรในลีกล่างของบราซิลไม่ได้มีความเป็นมืออาชีพเลย บางสโมสรก็ข่มขู่นักเตะ อะไรทำนองนี้”

“การมาประเทศไทยครั้งแรก ผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลยนะ ผมคิดแค่ว่าการมาที่นี่ก็เพื่อหาความท้าทายใหม่ๆ และแค่วินาทีแรก ผมก็มั่นใจว่าผมทำอะไรได้หลายอย่าง ผมไม่เคยคิดยอมแพ้แม้แต่วินาทีเดียว ตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจย้ายออกมาจากประเทศบราซิล ผมจะต้องสู้ ไม่ว่าผมจะล้มกี่ครั้ง ผมก็ไม่คิดที่จะกลับบราซิล หากผมล้มเหลวกับเมืองทอง ผมก็ต้องการหาสโมสรอื่นเพื่อที่จะได้อยู่ในประเทศไทยต่อไป”

ความล้มเหลวแบบไม่คาดคิด

จูเนียร์ เนเกรา เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางการจับตามองของสื่อมวลชนจำนวนมากในฐานะดาวยิงความหวังซึ่งจะเดินตามรอยความสำเร็จของบรรดาแข้งบราซิลในไทยลีก ไม่ว่าจะเป็น เคลตัน ซิลวา, เฮแบร์ตี้ เฟร์นานเดซ หรือดิโอโก หลุยส์ ซานโต้ ก่อนที่ความผิดหวังจะจู่โจมเขาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเนเกราเชื่อมั่นว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่อง อาถรรพ์หลายเลข 9 ในถิ่นกิเลนผยองแม้แต่น้อย

“หลายคนอาจบอกว่าเป็นเพราะอาถรรพ์เสื้อหมายเลข 9 ของเมืองทอง แต่ผมเชื่อในสิ่งที่เป็นรูปธรรม มากกว่า มันไม่เกี่ยวกับเบอร์เสื้อหรอก มันเกี่ยวกับว่าใครใส่เสื้อเบอร์นั้นมากกว่า"

“ทุกอย่างมันไม่ง่ายเลย ผมแทบไม่รู้เรื่องฟุตบอลไทย อากาศก็ร้อนมาก แถมความฟิตของผมเองก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะก่อนมาเมืองทอง เชื่อไหมว่าผมไม่ได้เล่นฟุตบอลมานานกว่า 2 เดือน ร่างกายของผมไม่พร้อมเลยจริงๆ ในเวลานั้น ผมรู้สึกผิดมากที่ผมตัดสินใจลงเล่นหลายๆ เกมโดยที่รู้ตัวเองว่าไม่พร้อม นั่นคือเหตุผลหลักที่ผมทำผลงานได้ไม่ดี”

“ผมจำเกมที่เมืองทองเจอยะโฮร์ได้ ผมรู้เลยนะว่าเกมนั้น ผมทำได้ไม่ดีแน่ๆ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่แย่ที่สุดที่ผมรู้สึก ก่อนเกมผมบอกโค้ชและโค้ชฟิตเนสว่าผมไม่พร้อม ผมอยากให้ร่างกายฟิตกว่านี้ แต่โค้ชเชื่อว่าผมลงเล่นได้ คุณแค่ทำให้ดีที่สุด คุณยังมีเวลาให้พิสูจน์ตัวเอง ผมก็โอเค แต่พอผมลงไปในสนาม สุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด ผมเล่นได้ไม่ดี ความรู้สึกตอนนั้นผมรู้สึกว่าทุกคนไม่เชื่อมั่นในตัวผมเลย เขาไม่ได้พูดกับผมตรงๆ หรอกนะ แต่ผมรู้สึก และหลังจบเกมวันนั้น ผมก็คิดว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่ผมต้องย้ายทีม เพราะผมรู้สึกไม่มั่นใจเลย”

“ผมก็ทำแต่สิ่งแย่ๆ ให้ทุกคนเห็น ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลกในสนาม ผมรู้เลย แต่ละวันที่เมืองทอง ทุกอย่างผ่านไปเร็วมาก และมันก็มาถึงวันที่ผมต้องเก็บของออกจากเมืองทอง แต่ในหัวผมไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้ ผมยังอยากจะสู้ต่อ ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่า ผมจะกลับบ้านเกิดก็ต่อเมื่อผมเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่กลับไปในฐานะผู้แพ้”

“แต่ก็ยอมรับนะว่ามีบางครั้งที่ความคิดเรื่องการหนีกลับบราซิลมันก็แวบเข้ามาในหัวผมเหมือนกัน เพราะถ้าหากผมกลับไปที่นั่น ผมก็ไม่ต้องปรับตัวอะไร แต่เอาล่ะ ผมว่าผมไม่ยอมแพ้ดีกว่า และผมก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ผมตัดสินใจถูกที่ไม่กลับบราซิล (หัวเราะ)”

“แต่วันนั้นผมก็ไม่รู้ตัดสินใจยังไง ผมไปบอกเมืองทองว่า ถ้าคุณไม่ต้องการผมแล้ว คุณช่วยหาทีมในไทยทีมอื่นให้ผมได้ไหม ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมเองก็ทำได้ดีเช่นกัน”

สู่ดาวซัลโวของโลมา

จากฟอร์มที่ย่ำแย่กับกิเลนผยอง หลายคนอาจรู้สึกไม่เชื่อมั่นกับการที่เนเกราย้ายไปค้าแข้งกับพัทยา พร้อมฟันธงว่า น่าจะไปไม่รอดแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับขุมกำลังที่เหมือนเป็นการสร้างทีมขึ้นมาใหม่พร้อมเยาวชนมากมาย

“หลังจากที่ผมมาพัทยา ผมรู้สึกว่าบรรยากาศทุกอย่างมันต่างจากเมืองทองมาก วันแรกที่ผมไป ผมรู้สึกว่าที่นี่แหละคือที่ของผม ทุกคนให้การต้อนรับ โค้ช เพื่อนร่วมทีม ทุกคนเข้ากับผมเร็วมากทั้งอันโตนิโอ พีน่า, ซุนนี สะอั๊ด ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม และมันทำให้ผมมั่นใจมาก ผมรู้สึกดีจริงๆ ผมอยากช่วยพวกเขาด้วยความเต็มใจ ผมรู้สึกสนุก ผมเริ่มมั่นใจ ผมเริ่มทำได้ดี และเริ่มแสดงให้เห็นว่าผมเป็นยังไง ไม่เหมือนตอนที่ผมอยู่เมืองทองเลย และคุณก็เห็นแล้วใช่ไหมในตอนนี้ (หัวเราะ)”

“จริงอยู่ที่หกเกมแรกเราไม่ชนะเลย มันเกิดขึ้นได้เพราะวันแรกที่พัทยารวมตัวกันเรามีนักเตะถึง 45 คน โค้ชไม่รู้เลยว่าจะเลือกใครบ้าง และจะจัดลงระบบแบบไหน

“เราก็เริ่มคุยกันว่าจะเอาไงดี ทุกอย่างมันต้องใช้เวลาว่าโค้ชต้องการอะไรจากนักเตะ และนักเตะต้องการอะไรจากโค้ช”

“หลังจากที่เราไม่ชนะใครมา 6 เกมติด เราก็เริ่มทำได้ดี เก็บชัยชนะมาครองได้เรื่อยๆ ติดต่อกัน ส่วนผมก็ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง เราต่อกรกับทีมใหญ่ได้ ในเกมกับเมืองทองเราทำได้ดีมาก และน่าจะชนะด้วยซ้ำ ตอนนี้พัทยาจะไม่มีทางเหมือนตอนต้นฤดูกาลแน่นอน ตอนนี้เราเหมือนครอบครัว ทุกคนรู้ใจกัน เราคือทีม”

“ผมไม่เสียดายนะที่อดทำสถิติยิงต่อเนื่อง แม้มันอาจจะเป็นเกียรติประวัติในการค้าแข้งของผม แต่ผมคิดแค่ว่าผมอยากจะเล่นให้ดี ทุกครั้งที่ผมเล่นได้ดี ผมจะทำประตูได้ ประตูมันก็เป็นเหมือนรางวัลเวลาที่เราเล่นได้ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำประตูให้ได้คุณต้องเล่นให้ดีเสียก่อน นั่นคือความคิดของผม

“ตอนนี้ผมมั่นใจมากจริงๆ ที่จะช่วยพัทยาและเพื่อนร่วมทีม การที่ผมทำได้ดี ผมอยากจะยกเครดิตให้กับทุกคนในพัทยาจริงๆ ทั้งสต๊าฟฟ์, แฟนบอล เพื่อนร่วมทีมที่เชื่อใจผม ถ้าผมไม่มีพวกเขา วันนี้อาจจะไม่มีกองหน้าที่ชื่อเนเกราที่ยิงไปหลายประตูในไทยลีก และแน่นอน แม้วันใดวันหนึ่งผมจะต้องจากพัทยาไป แต่ผมจะไม่ลืมทุกคนที่นี่แน่นอน เพราะทุกคนช่วยเหลือผมตลอดเวลาจริงๆ”

“นอกจากนี้บรรดาผู้เล่นต่างชาติห้าคนในทีม ผม, ซุนนี, ยูกิยะ ซูกิตะ, คิม จิน คยู และ พีน่า เรามีกิจกรรมร่วมกันเสมอ เราสนิทกันมาก มันยิ่งทำให้เรารู้ใจกันมากขึ้นในสนาม ผมมองตาพีน่าหรือซุนนีเมื่อไหร่ ผมจะรู้ทันทีว่าผมต้องวิ่งไปตรงไหน ผมต้องทำยังไง โดยที่เราไม่ต้องตะโกนบอกกัน และผลสกอร์ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้ว”

“ถ้าผมมีไทม์แมชชีน ผมอยากกลับไปแก้ไขทุกเรื่องราวที่ผมเป็นเหมือนตัวตลก ผมจะไม่ลงสนามให้เมืองทองทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ฟิต หากผมฟิตแบบที่เป็นในตอนนี้ ผมจะทำผลงานให้เมืองทองได้ดีอย่างแน่นอน”

“แต่เอาตามตรงนะ ถ้าผมกลับไปเมืองทอง ผมก็อาจจะทำได้ไม่ดีอีกก็ได้ เพราะผมพยายามทำความเข้าใจกับปรัชญาของแต่ละสโมสรเสมอ แต่ที่เมืองทอง ผมแทบไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เหมือนกับที่พัทยา ที่นี่ ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเอง ผมก็รู้แล้วว่าผมต้องทำอะไรบ้าง”

เป้าหมายและอนาคต

ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงที่ยิงไปแล้วทั้งสิ้น 9 ประตูในศึกโตโยต้า ไทยลีก แน่นอนว่าคงมีหลายทีมจับจ้องตาเป็นมัน เมื่อสัญญาของเจ้าตัวกับ “โลมาน้ำเงิน” กำลังนับถอยหลังรอวันหมดลงเต็มที

“ผมพร้อมฟังทุกข้อเสนอนะ แต่ก็ต้องรอพัทยาก่อนว่าสุดท้ายพวกเขาจะเอายังไง มีข่าวว่าพวกเขาเจรจากับผมแล้ว แต่ผมยืนยันว่าผมยังไม่ได้เจรจากับใครเลยเรื่องการต่อสัญญา ผมอยากอยู่กับสโมสรที่ต้องการตัวผม และแน่นอน เป้าหมายแรกก็คือการอยู่พัทยาต่อ เพราะผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาจริงๆ”

“ผมบอกได้เลยว่าถ้าผมได้อยู่พัทยาต่อและนักเตะต่างชาติทุกคนยังอยู่กับทีม ผมมั่นใจว่าเราจะจบฤดูกาลที่อันดับเลขตัวเดียวอย่างแน่นอน เพราะผมเชื่อว่านี่คือจุดแข็งของพัทยา มันอาจจะไปไม่ถึงการเป็นแชมป์ แต่ผมกล้ารับประกันว่าเราจะจบจบฤดูกาลด้วยอันดับเลขตัวเดียวอย่างแน่นอน”

“ส่วนเรื่องจำนวนประตู ผมคงไม่พูดหรอกว่าผมจะยิงกี่ประตู แต่ผมจะยิงให้เยอะที่สุด (หัวเราะ) ผมไม่อยากตั้งเป้าว่าผมต้องยิงกี่ประตู ต้องยิงมากกว่า 20 ประตูอะไรแบบนั้น ผมไม่คิดถึงเรื่องนี้เลย เพราะผมชอบทำมากกว่าจะพูด หากผมบอกว่าผมจะยิงสัก 20 ประตู แต่ผมทำได้แค่ 15 ประตู ทุกคนจะมองว่าผมแย่ มองว่าผมพูดเก่งกว่าทำ แต่ผมอยากทำมากกว่าพูด”

“ตอนนี้ผมตกหลุมรักเมืองไทยแล้ว ผมอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ ประเทศไทย คือเมืองที่บ้า (หัวเราะ) บ้าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความหมายในทางที่แย่นะ บ้าในที่นี่หมายถึงคนที่ดูมีความสุข ดูสนุกตลอดเวลาโดยเฉพาะในเกมฟุตบอล ผมชอบและรักความบ้าแบบนี้มากๆ”

“ผมรู้สึกสนุกจริงๆ ที่ได้มาอยู่เมืองไทย ทุกคนที่นี่น่ารัก ที่นี่เป็นสถานที่ที่สวยงาม ตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่นี่ ผมรู้สึกดีมากจริงๆ และผมเชื่อว่านี่แหละจะเป็นบ้านหลังที่สองของผม แม้ผมจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ผมก็รู้สึกอยากอยู่ที่ประเทศไทยไปนานๆ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • กิเลนงง!!คณะวินัยไม่เห็นเคส ''บิรัม'' จิ้มตา
    เพียรศักดิ์ อ่อนสำอางค์ ผจก.ทีม เอสซีจี เมืองทองฯ สุดงงกับการตัดสินของ คณะอนุกรรมการพิจารณามารยาทวินัยฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากไม่มีบทลงโทษ ดิยุฟ บิรัม ที่เอานิ้วจิ้มตา มาริโอ อบานเต้ กับ ทริสตอง โด ได้อย่างไร เพราะรายแรกถึงขั้นมีเลือดออกที่ตา จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลและไม่ได้ซ้อมกับทีม 2 วันเต็มๆ และอาจจะทำให้ตาบอดได้ โดยถามหามาตรฐานในการตัดสินของคณะนี้ว่าอยู่ตรงไหน?
  • กิเลนขยับขึ้นติดท็อปเทนแร้งกิ้ง''ฟุตบอลดาต้าเบสเอเชีย''
    เว็บไซต์ฟุตบอลดาต้าเบส (Footballdaase) ซึ่งเป็นแหล่งรวมฐานข้อมูลที่เป็นการจัดอันดับและเก็บสถิติผลการแข่งขันของสโมสรทั่วโลกตั้งแต่ปี2010 ล่าสุดได้ประกาศผลการจับอันดับทีมทั่วโลกล่าสุดในรอบเดือน พ.ค. โดยผลปรากฏว่า''กิเลนผยอง''เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จ่าฝูงฟอร์มแรงแห่งโตโยต้า ไทยลีก2016 ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 9 เอเชีย โดยถือเป็นการผงาดติดท็อปเท็นเอเชียเป็นครั้งแรกอีกด้วย
  • 'อเล็กซ์ เวสลี่ย์' เจ็บ...ทำ...ช็อต
    หลังจากที่ 'นกใหญ่พิฆาต' ชัยนาท ฮอร์นบิล ประสบปัญหาอย่างหนัก ในเรื่องของการทำประตู ในซีซั่น 2014 ที่ผ่านมา เนื่องจากบรรดากองหน้า นัดกันฟอร์มฝืดบ้าง หรือแม้กระทั่งมีอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้ 'เสี่ยแฮ๊งค์' อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล ตัดสินใจไปดูฟอร์มแข้งนอกรายหนึ่ง ถึงเกาหลีใต้ เมื่อปิดฤดูกาลดังกล่าว
  • จับติ้วช้างเอฟเอกิเลนชนอยุธยา,บุรีรัมย์เจอม.วงษ์ชวลิตฯ
    เมืองทองฯบุกเยือน อยุธยา วอริเออร์,แบงค็เชียงราย ดวล บีบีซียู บ้านบึง ยูไนเต็ด ผ่านเข้ารอบอัตโนมัติ เนื่องจาก ภูเก็ต เอฟซี ถอนตัวจากการแข่งขันใน ศึกช้าง เอฟเอ คัพ 2016 รอบ 64 ทีม

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »