สืบเนื่องจากประตูปัญหาที่เป็นที่ค้างคาใจของทีมอาร์มี่ ยูไนเต็ดรวมถึงแฟนฟุตบอลทั่วไปในเกมที่บีอีซี เทโรศาสนทำประตูได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งประตูตีเสมอของ ''มังกรไฟ'' กับจังหวะที่ ชนานันท์ ป้อมบุบผา จ่ายให้ ศิวกรณ์ เตียตระกูล ยิงเข้าไป โดยผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 อย่าง ''บินหลา ปรีดา'' ได้ยกธงขึ้นมา แต่ผู้ตัดสินอย่าง ''อลงกรณ์ ฝีมือช่าง'' ได้ปล่อยให้เล่นต่อไป ''ไม่มีเสียงนกหวีด'' พร้อมกับเป่าให้เป็นประตู จนนักเตะของอาร์มี่ ยูไนเต็ด ไม่พอใจจนเกมต้องหยุดลงไปประมาณ 3 นาที

ล่าสุดสยามกีฬาได้สอบถามไปยัง "ผศ.ดร.ชูชัย บัวบูชา" เลขาธิการคณะกรรมการผู้ตัดสิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯที่ได้เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า "จริงๆหลายคนเข้าใจว่าจังหวะประตูตีเสมอ 1-1 ที่ บีอีซี เทโรศาสน ทำได้ในเกมที่บุกเยือนอาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.59 นั้น เป็นลูกล้ำหน้า แต่จริงๆแล้วกฏกติกาของฟีฟ่าและเอเอฟซีเขาเปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งเปลี่ยนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว จังหวะดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นลูกล้ำหน้า"

"ผมจะเรียนอย่างนี้ว่า กติกาและความเข้าใจที่ฟีฟ่าและเอเอฟซีได้เปลี่ยนแปลงไปนั้น เขาจะดูจากผู้เล่นตัวสุดท้ายเกมรับมีเจตนาเล่นลูกจังหวะนั้นหรือไม่ แต่เดิมกรณีแบบนี้ถ้าลูกบอลแฉลบผู้เล่นเกมรับไปยังผู้เล่นฝ่ายรุกที่ยืนล้ำหน้าอยู่แล้ว จังหวะนี้จะถือเป็นลูกล้ำหน้า แต่ปัจจุบันกฏกติกาได้เปลี่ยนไปแล้ว"

"ฟีฟ่าและเอเอฟซีกำชับว่า ให้ผู้ตัดสินถูกเจตนาของผู้เล่นฝ่ายรับว่ามีปฎิกิริยาที่จะเล่นลูกจังหวะนั้นหรือไม่ ซึ่งผู้เล่นอาร์มี่คนดังกล่าวจากภาพช้าแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีเจตนาที่จะเล่นบอลและมีส่วนเกี่ยวข้องกับจังหวะดังกล่าว จนบอลมาถึงผู้เล่นบีอีซี เทโรศาสน ซึ่งจังหวะนี้ผมขอยืนยันว่า อลงกรณ์ ฝีมือช่าง เขาค่อนข้างที่จะแม่นกฏกติกามาก เขาเลยไม่เป่า แต่ต้องยอมรับว่าในรายของ บินหลา ปรีดา เขาอยู่ในตำแหน่งไม่ดี โดนบังจนมองไม่เห็น และทำให้ต้องยกธงว่าเป็นล้ำหน้า แต่ถึงอย่างไรจังหวะดังกล่าวก็จะต้องฟังผู้ตัดสินเป่าเพียงอย่างเดียว และทำให้เป็นบทเรียนว่าหากกรรมการผู้ตัดสินเป่าซึ่งถือว่ามีอำนาจมากที่สุดในสนามไม่เป่า ผู้เล่นควรที่จะเล่นต่อไป ยังไม่ควรคิดไปเองว่าเป็นลูกฟาวล์หรือลูกล้ำหน้าแต่อย่างใด"

"ทั้งนี้ก่อนที่จะเปิดลีก สมาคมกีฬาฟุตบอลฯได้เชิญทาง ฟาฮัด อับดุลลาเยฟ ที่ปรึกษาฝ่ายผู้ตัดสินของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี มาอบรมความรู้และติวกฏกติกาใหม่ให้กับผู้ตัดสินเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะจังหวะนี้ก็มีการติวกันอย่างเข้มข้นด้วย แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องของทีมเวิร์คของผู้ตัดสินที่ต้องสื่อสารกันให้ดี และหากเป็นไปได้ก็ควรที่จะต้องมีการนำผู้ตัดสินและสโมสรสมาชิกมาอบรมร่วมกันเพื่อการทำความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน"