ท่ามกลางความยินดีของคนไทยทั้งประเทศ ที่ได้เห็น "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันมือหนึ่งของไทย ได้โอกาสไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ที่ริโอ เด จาเนโร ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เราก็ไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป มีหลายๆอย่างที่เราต้องเก็บเอามาเป็นบทเรียน ให้กับวงการกีฬาในอนาคตข้างหน้า

 ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการนำสารใดๆเข้าไปในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญมาก เรื่องนี้ ตัวนักกีฬา แพทย์ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องมั่นใจจริงๆว่า มันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆทั้งนั้น

ในยุคปัจจุบัน โลกกำลังตื่นตัวเรื่องการใช้สารกระตุ้นอย่างหนัก มีนักกีฬาที่ดังกว่ารัชนกหลายเท่าโดนแบนไปแล้วร่วมปี ดังนั้น เพื่อไม่ให้เราต้องมาลุ้นจนหยดสุดท้ายแบบนี้อีก เราควรให้ความรู้ความเข้าใจ กับเหตุการณ์นี้ให้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น ว่ามันเริ่มอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และ ทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่

 สารกระตุ้นถูกตรวจพบเมื่อไหร่

ในปีนี้ ถือเป็นปีที่เมย์ พัฒนาฝีมืออยู่ในระดับสูงสุด ก่อนหน้านี้ จากนักแบดระดับท็อปเท็นของโลก เธอกวาดสามแชมป์ติดต่อกัน และก้าวขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลก พร้อมกับความหวังเหรียญประวัติศาสตร์ในโอลิมปิกเกมส์ที่ริโอ ด้วยความที่เธออยู่ในฟอร์มที่ดี ทำให้แม้จะมีสภาพร่างกายไม่เต็มร้อยนัก แต่รัชนก ก็พร้อมลงเล่นต่อเนื่อง เธอลงแข่งขันต่อในรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่หวู่ฮั่น ในจีน รวมถึง แข่งต่อในรายการ โทมัส อูเบอร์ คัพ ที่เจียงซู

วันที่ 15 พฤษภาคม หลังจบการแข่งขันโทมัส อูเบอร์คัพวันแรก ไทยเอาชนะอินเดียไปได้ 3-2 รัชนก ถูกสุ่มตรวจปัสสาวะ และปัสสาวะสองส่วน ได้ถูกนำไปตรวจสอบ ที่ สถาบันตรวจการโด๊ปแห่งชาติจีน (CHINADA) และ อีกส่วนถูกส่งไปที่แลปในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (TADL)

หลังการตรวจ 1 เดือน ทางสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ ได้รับการยืนยันว่า ในร่างกาย ของรัชนกมีสาร Triamcinolone Acetonide ซึ่งเป็นสารต้องห้ามของนักกีฬา และแน่นอน ถ้าไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ รัชนก โดนแบนแน่นอน

 เข้าไปในร่างกายได้อย่างไร?

Triamcinolone Acetonide (ไตรแอมซิโนโลน) เป็นสารสังเคราะห์จากสเตียรอยด์ ในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ซึ่งถือเป็นยาที่รักษาได้หลายอาการ ทั้งต้านการอักเสบ และกดภูมิคุ้มกันต่างทานโรค

สรรพคุณของไตรแอมซิโนโลน สามารถรักษาอาการข้ออักเสบ กดอาการของโรคภูมิแพ้ ถือเป็นตัวยาที่มีประโยชน์มาก แต่ด้วยความเป็นสเตียรอยด์ ทำให้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นได้ด้วย

ซึ่งจะรักษาโรค หรือ เสริมสร้างร่างกาย ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้

ก่อนการแข่งขัน โทมัส อูเบอร์คัพ รัชนกยังคงมีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า ซึ่งเป็นอาการที่รักษาต่อเนื่องมาสักระยะแล้ว วันที่ 13 พฤษภาคม แพทย์ได้ฉีดยาตัวนี้เข้าไปที่เส้นเอ็น ซึ่งรัชนก ได้สอบถามแพทย์แล้วว่า ยาตัวนี้ ใช้ได้จริงหรือไม่ แต่แพทย์ยืนยันว่า สามารถฉีดเข้าไปที่เส้นเอ็นโดยตรงอย่างไม่มีปัญหา

 การฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในร่างกาย ทำให้ถูกตรวจพบทางปัสสาวะในอีก 3 วันต่อมา ซึ่ง ทางแล็ปที่โตเกียว เมื่อเห็นผลตรวจ ได้ส่งข้อความมาถาม BWF ว่าเมย์ รัชนก ได้แจ้งหรือไม่ ว่าจะใช้สารตัวนี้เข้าสู่ร่างกาย

 ซึ่งผลสรุปแล้ว รัชนก และสมาคมแบดมินตัน ไม่ได้แจ้งใดๆทั้งสิ้น ทำให้ ทาง BWF ต้องดำเนินการสืบสวนขั้นต่อไป

  ทำไมรัชนกถึงไม่ผิด?

"เมย์"ยืนยันมาตลอดว่าเธอไม่เคยคิดทุจริตด้วยการใช้สารกระตุ้น แต่แน่นอน เมื่อมีสารต้องห้ามในร่างกาย ทำให้ต้องมีการสืบสวน  ตามหลักแล้วคนที่ใช้สาร คอร์ติโคสเตียรอยด์ จะโดนแบนประมาณ 3 เดือน ถึง 2 ปี อย่างไรก็ตาม สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้อธิบายทุกข้อกล่าวหาอย่างละเอียด

ตามลิสต์สารต้องห้ามของ สหพันธ์ป้องกันการโด๊ปนานาชาติ (WADA) ในหน้า 7 มีระบุว่า สารในร่างน้องเมย์ สามารถใช้ได้ แต่ห้ามใช้ผ่านการ 1 กิน 2 ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ 3 ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และ 4 ฉีดทางทวารหนัก ซึ่งแพทย์ฉีดโดยตรงเข้าที่เส้นเอ็น ดังนั้น ถือว่าไม่ผิดกฎใดๆ

การฉีดเข้าเส้นเอ็น เป็นการสื่อชัดเจนว่า รัชนกใช้ยาตัวนี้เพื่อรักษาโรคจริงๆ และสมาคมก็ชี้แจงไปด้วยว่า สาเหตุที่ไม่แจ้ง BWF ว่าใช้สารตัวนี้ ก็เพราะเข้าใจว่า การฉีดเส้นเอ็น ไม่ได้ผิดเงื่อนไขแต่แรก จึงเข้าใจว่า ไม่ต้องไปแจ้งอะไรให้วุ่นวาย

จริงๆก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของทีมแพทย์ แต่ถ้าแจ้งเรื่องกับ BWF แต่แรกเรื่องอาจไม่ซับซ้อนมากมายขนาดนี้

  สิ่งที่เราต้องเรียนรู้

 ในยุคปัจจุบัน นักกีฬาไทยที่กำลังจะก้าวสู่ระดับโลก เราต้องรู้ว่า ชาติอื่นๆจ้องจะเล่นงานเราทุกวิถีทาง หากเล่นงานไม่ได้ในสนาม ก็พร้อมจ้องเล่นงานนอกสนาม ถ้ามีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็พร้อมทำลายทันที

 ดังนั้นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ คือ ต้องระมัดระวังมากที่สุด ในการจะทำอะไรสักอย่าง ต้องไม่มีข้อผิดพลาดให้โดนโจมตีได้

 การนำสารใดๆเข้าสู่ร่างกาย ตัวนักกีฬาเอง ต้องรู้ชัดเจนว่า มันคือสารอะไร ไม่ใช่แค่บอกว่า "แพทย์บอกว่าใช้ได้" แค่นั้นแล้วก็จบ แต่ต้องชัดเจน เพราะมันหมายถึงชีวิตของตัวเอง

 เช่นเดียวกับ แพทย์ หรือ ทางสมาคมกีฬา เวลาจะนำสารเข้าไปในร่างกายของนักกีฬาก็ต้องแจ้งกับทางองค์กรผู้ดูแลในระดับโลกทุกครั้ง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ

 ในเคสของรัชนก ถือว่าเราโชคดี ที่มีการสอบสวนอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าอนาคตข้างหน้าเราไม่โชคดีแบบนี้ล่ะ

 ถ้าเกิดเราโชคร้าย นักกีฬาโดนแบนไปก่อนล่วงหน้า 3 เดือน กว่าจะสืบสวนจนกว่าจะได้ข้อสรุป แบบนี้ก็จะทำให้พวกเขาเสียโอกาสไป

 ทุกคนต้องเข้าใจว่า เรื่องทางการแพทย์ไม่ใช่สิ่งล้อเล่น ในยุคที่การตรวจสารกระตุ้นมันจริงจังมากขนาดนี้

 มาเรีย ชาราโปว่า ใช้ยาตัวนึงเป็นสิบปี เธอไม่เคยรู้เลยว่า อยู่ๆยาที่ใช้เป็นประจำ ในปี 2016 มันจะกลายเป็นตัวยาต้องห้าม ทำให้สุดท้ายเธอโดนแบนอย่างน่าสงสาร

 ดังนั้น จากนี้ไปการที่สมาคมต่างๆจะให้ความรู้กับนักกีฬาเรื่องตัวยา และสารกระตุ้นเป็นเรื่องสำคัญมาก สมาคมต้องอัพเดทอยู่เสมอว่า ตัวยาชนิดที่ใช้ ยังโอเค ที่จะใช้ได้อยู่หรือไม่

 สำหรับวันนี้ "รัชนก อินทนนท์" ได้ไปโอลิมปิกเกมส์ เหมือนกับคนไทยถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

แต่คิดในความเป็นจริงหวยรางวัลที่หนึ่ง ในชีวิตคนเรา จะถูกได้กี่ครั้งกัน

การเตรียมพร้อม และป้องกัน ย่อมง่ายกว่าการมาหาทางแก้ไขกันแบบใจหายใจคว่ำแบบนี้แน่นอน