ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2559

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1 - 1 ลิเวอร์พูล
 

สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน

        บิ๊กแม็ตช์ประจำวันเสาร์ ซึ่งเป็นคู่เร็วของวันด้วย ทางเจ้าบ้าน สเปอร์ส ขนผู้เล่นชุดใหญ่ ติดตั้งระบบ 4-2-3-1 มิเชล ฟอร์ม - ไคล์ วอร์คเกอร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส - เอริก ดายเออร์, วิคเตอร์ วานยาม่า - คริสเตียน เอริกเซ่น, เดเล่ อัลลี่, เอริก ลาเมล่า - แฮร์รี่ เคน สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม

        ข้ามฝากมาทาง หงส์แดง กันบ้าง ทาง เยอร์เก้น คล็อปป์ วางหมาก 4-3-3 ซิมง มินโญเล่ต์ - เนธาเนี่ยล ไคลน์, โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์ - อดัม ลัลลาน่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

        การเจอกันสองนัดเมื่อซีซั่นที่แล้วทั้งคู่กินกันไม่ลง เสมอที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน 0-0 และ 1-1 ที่ แอนฟิลด์

        เปิดฉากครึ่งแรกทั้งสองทีมเดินเกมบุกใส่กันอย่างรวดเร็วตามสไตล์ เข้าสู่นาทีที่ 4 ทีมเยือนเกือบได้ประตูขึ้นนำจากความผิดพลาดของ คริสเตียน เอริกเซ่น เมื่อโดน อดัม ลัลลาล่า ตัดบอลได้ และจ่ายต่อให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนไหลต่อให้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แปด้วยขวาจ่อๆ แต่ยิงไปติด มิเชล ฟอร์ม อย่างไม่น่าเชื่อ

        หนึ่งนาทีถัดมา เจ้าบ้านได้ฟรีคิกตรงกรอบเขตโทษด้านซ้าย เอริกเซ่น ยิงยัดเข้าไป ซิมง มินโญเล่ต์ ทุบออกมาได้หวุดหวิด

        นาที 12 แดนนี่ โรส ตักบอลจากซ้ายเข้าเขตโทษ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม โขกสกัดไม่ดีมาเข้าทาง เดเล่ อัลลี ที่ยืนรออยู่ที่หัวกระโหลก ซัดด้วยซ้ายบอลหลุดออกหลังไป

        ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง นาที 25 บอลจากทางขวา เนธาเนียล ไคลน์ ต่อให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกเข้าในก่อนตักให้ คูตินโญ่ ที่รออยู่ด้านซ้ายพักอกแล้วซัดด้วยขวา แต่ ฟอร์ม ยังยืนปิดมุมดีเซฟเอาไว้ได้ และจังหวะต่อเนื่อง ไคล์ วอร์คเกอร์ มีอาการบาดเจ็บถูกเปลี่ยนตัวออกไป โดยส่ง วินเซนต์ แยนเซ่น หัวหอกดัตช์ลงมา และปรับมาเล่นแผน 4-4-2

        อย่างไรก็ตาม ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก 3 นาที หงส์แดง มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะ เอริก ลาเมล่า สะกิด ฟีร์มิโน่ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้เป็นจุดโทษ ก่อนทาง เจมส์ มิลเนอร์ จะสังหารไม่พลาด และจบครึ่งแรกด้วยจังหวะนี้เป็นทาง ลิเวอร์พูล บุกมานำ 1-0

        กลับสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ได้ทักทายก่อนจากจังหวะ ฟีร์มิโน่ วิ่งตัดเข้ากลางก่อนปล่อยบอลต่อให้ ไวจ์นัลดุม จับแล้วซัดด้วยขวาจากระยะ 20 หลา บอลเฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น

        5 นาทีถัดมาเจ้าบ้านตอบโต้บ้าง เอริกเซ่น รับบอลจากตรงกลาง พาตะลุยมาก่อนกดด้วยขวาบอลหลุดเสาไกลออกไป

        ทีมเยือนเกือบขึ้นนำ 2-0 เจมส์ มิลเนอร์ เปิดมุมจากทางด้านซ้าย บอลมาเข้าหัว โฌแอล มาติป สะบัดข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้น

        เป็นอีกครั้งที่ทาง ลิเวอร์พูล น่าได้ประตูที่สอง จากการสวนกลับมาทางด้านซ้าย ไวจ์นัลดุม พาตะบึงขึ้นมาก่อนไหลต่อเข้าเขตโทษให้ ลัลลาน่า ตบเข้าใน มาเน่ วิ่งมาแปจ่อเข้าประตู ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้เป็นจังหวะล้ำหน้าของ อดัม ลัลลาน่า

        เจ้าบ้านมีลุ้นเหมือนกัน นาที 61 เอริก ดายเออร์ ที่ถูกขยับมาเล่นแบ็กขวา เติมขึ้นมาก่อนตะบอลเข้ากลางให้ เอริกเซ่น แปด้วยซ้าย บอลข้ามาคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

        สองนาทีถัดมา สเปอร์ส น่าจะได้ประตูตีเสมอสุดๆ จากจังหวะลูกเตะมุมด้านซ้าย โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ได้โขกเหน่งๆ แต่ไปติดเซฟ ซิมง มินโญเล่ต์

        ก่อนเข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ทีมเยือนขยับเปลี่ยนตัวคนแรก ดิว็อก โอริกี้ ถูกส่งลงมาแทน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

        อย่างไรก็ตาม ไก่เดือยทอง ก็มาได้ประตูตีเสมอสำเร็จ นาที 72 เอริก ดายเออร์ ตักเข้ากลางบอลเลยไปถึง แดนนี่ โรส ที่เติมขึ้นมาพอดิบพอดี ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลผ่าน มินโญเล่ต์ เข้าประตูไป

        เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม เจ้าบ้านขยับตัวสำรองคนที่สอง จอช โอโนมาห์ ถูกส่งลงมาแทน แฮร์รี่ เคน ที่นัดนี้โชว์ฟอร์มไม่ออก

        3 นาทีสุดท้ายก่อนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนผู้เล่นคนที่สองส่ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงสนามแทน ซาดิโอ มาเน่

        ช่วงทดเวลาบาดเจ็บทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 เป็นการเสมอเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกันของทั้งสองทีม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม :

สเปอร์ส : มิเชล ฟอร์ม - ไคล์ วอร์คเกอร์(วินเซนต์ แยนเซ่น น.28), โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น, แดนนี่ โรส - เอริก ดายเออร์, วิคเตอร์ วานยาม่า - คริสเตียน เอริกเซ่น(แฮร์รี่ วิงส์ น.90+3), เดเล่ อัลลี่, เอริก ลาเมล่า - แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม)(จอช โอโนมาห์ น.83)

ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเล่ต์ - เนธาเนี่ยล ไคลน์, โฌแอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, เจมส์ มิลเนอร์ - อดัม ลัลลาน่า(เควิน สจ๊วร์ต น.90+4), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม - ซาดิโอ มาเน่(แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น. 88), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่(ดิว็อก โอริกี้ น.69)

ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต แม้ดลี่ย์