"ซิโก้" จะวางระบบ 4-3-3 มี กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นนายทวาร แบ็กขวาใช้ ทริสตอง สมชาย โด, ซ้ายเป็น "กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน เซนเตอร์อาล์ฟเป็นการจับคู่กันของ กรวิทย์ นามวิเศษ และธนบูรณ์ เกษารัตน์
 
         ส่วนแดนกลางให้ ปกเกล้า อนันต์ ตัดเกมร่วมกับ ชาริล ชัปปุยส์ ที่จะลงเล่นแทน สารัช อยู่เย็น ที่โดนแบน มี "เมสซี่เจ"ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นตัวปั้นเกม ปีกซ้ายวาง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ให้ มงคล ทศไกร ทำเกมกราบขวา ส่วนกองหน้า ธีรศิลป์ แดงดา รับหน้าที่กระซวกตาข่ายเช่นเดิม

  ยุ่นจัดเต็มทั้งคางาวะ, ฮอนดะ, โอกาซากิ
 

         ด้าน วาฮิด ฮาลิลฮอดซิซ ที่เข้ามาทำทีมญี่ปุ่นในปี 2015  จะวางระบบ 4-2-3-1 มาซาอากิ ฮิกาชิกูชิ จะรับหน้าที่เฝ้าเสา แนวรับ 4 คนมี ฮิโรกิ ซากาอิ, โกโตคุ ซากาอิ, มายะ โยชิดะ, โมริชิเกะ มาซาโตะ ส่วนแดนกลางให้ เรียวตะ โอชิมะ ตัดเกมกับ มาโกโตะฮาเซเบะ
 
         ส่วน ชินจิ คางาวะ บัญชาเกมรุก ขนาบข้างด้วย เคซึเกะ ฮอนดะ อยู่ทางซ้ายแล้วให้ ฮิโรชิ คิโยตาเกะ อยู่ทางขวา มี ชินจิ โอกาซากิ กองหน้าจากเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นตัวเป้า
 

  ช้างศึกใส่น้ำเงินฟัดปลาดิบสีขาว
 

         ขณะเดียวกัน มีรายงานออกมาแล้วว่า ทีมชาติไทย จะใส่เสื้อน้ำเงิน, กางเกงน้ำเงิน และถุงเท้าสีน้ำเงิน ส่วนผู้รักษาประตูจะมาในรูปแบบของเขียวทั้งชุด ด้าน ญี่ปุ่น ผู้เล่นจะใส่เสื้อสีขาวและนายทวารใส่สีเทา ลงสนามในเกมวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ส่วนจะมีการคูลลิ่ง เบรก ในการพักดื่มน้ำนาทีที่ 30 ของทั้งสองครึ่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ตัดสินที่จะดูเกมการแข่งขันจะเป่าให้พักหรือไม่
 

  เปิดสถิติ"ช้างศึก"ไร้ชัยในบ้านเหนือญี่ปุ่นนาน 19 ปี
 

         สำหรับสถิติในการพบกันของทีมชาติไทย กับ ญี่ปุ่น นั้น ประกอบด้วย วันที่ 12 ส.ค.1960 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-3 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 25 ส.ค.1962 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-3 (ก) เอเชียน เกมส์, วันที่ 10 ส.ค.1963 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-4 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 10 ก.ย.1964 ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 2-2 (ก) เมอเดก้า คัพ
 
         วันที่ 24 ส.ค.1965 ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 0-0 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 17 ธ.ค.1966 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-5 (ห) เอเชียน เกมส์, วันที่ 25 ส.ค.1968 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-2 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 4 ส.ค.1970 ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 0-0 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 4 ส.ค.1971 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 2-3 (ก) เมอเดก้า คัพ
 
         วันที่ 11 ส.ค.1975 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-4 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 16 ส.ค.1976  ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 2-2 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 8 ก.พ.1977 ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 3-3 (ห) อุ่นเครื่อง, วันที่ 23 พ.ค.1978 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 (ย) อุ่นเครื่อง, วันที่ 27 พ.ค.1978 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 (ย) อุ่นเครื่อง
 
         วันที่ 26 ก.ค.1978 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-4 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 29 มิ.ย.1979 ไทย แพ้ ญี่ป่น 1-2 (ก) เมอเดก้า คัพ, วันที่ 9 ก.ย.1982 ไทย ชนะ ญี่ปุ่น 1-0 (ก) ไลอ้อน คัพ, วันที่ 2 มิ.ย.1991 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-1 (ย) กิริน คัพ, วันที่ 8 มิ.ย.1993 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-1 (ย) ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก
 
         วันที่ 28 มิ.ย.1993 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-1 (ก) ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก, วันที่ 22 ก.พ.1995 ไทย ชนะ ญี่ปุ่น 3-2 (ห) คิงส์ คัพ, วันที่ 9 ก.พ.1997 ไทย เสมอ ญี่ปุ่น 1-1 (ห) คิงส์ คัพ, วันที่ 15 มี.ค.1997 ไทย ชนะ ญี่ปุ่น 3-1 (ห) อุ่นเครื่อง, วันที่ 24 มิ.ย.2004 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-4 (ก) เอเชียน คัพ
 
         วันที่ 6 ก.พ.2008 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 1-4 (ย) ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และวันที่ 14 มิ.ย.2008 ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 (ห) ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ซึ่งสรุปแล้ว พบกันมาทั้งหมด 26 ครั้ง ทีมชาติไทย เอาชนะ 3 เสมอ 8 แพ้ 17 ได้ 25 เสีย 61 ประตู
 
         ทั้งนี้ หนล่าสุดทีมชาติไทย เอาชนะญี่ปุ่นในบ้านครั้งสุดท้าย ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 15 มี.ค.1997 ที่ชนะไป 3-1 จากการยิง 2 ประตูของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ "ช้างศึก" คนปัจจุบัน ใน น.16, 67 และอีก 1 ลูกจาก ดุสิต เฉลิมแสน น.48