ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2559

บาร์เซโลน่า 1 - เรอัล มาดริด 1

        สนาม: เอสตาดิโอ คัมป์ นู, (บาร์เซโลน่า)

        ผู้ชม: 98,485 คน

         "อาซูลกราน่า" บาร์เซโลน่า ผลงานช่วงหลังแผ่วลงไป เสมอมาทั้งในลา ลีกา และโกปา เดล เรย์ รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดแรก ที่ล่าสุดเจ๊ากับ เอร์กูเลส 1-1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

         หลุยส์ เอ็นรีเก้ เทรนเนอร์ "เจ้าบุญทุ่ม" ขาดแค่ เฌเรมี่ มาติเยอ ที่บาดเจ็บเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ข่าวดีคือได้ อันเดรส อีเนียสต้า กองกลางตัวเก่งกลับมาฟิตมีชื่อเป็นสำรอง

         สามประสานแดนหน้าส่ง ลีโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ลงสังหารประตู

         สลับมาดู "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กลับมาติดเครื่องอีกครั้ง ล่าสุดในโกปา เดล เรย์ ถล่ม เลโอเนซ่า 6-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนในลา ลีกา ลงเล่นไปแล้ว 13 นัด ยังไม่แพ้ใคร นำโด่งเป็นจ่าฝูงของตารางอยู่

         ซีเนดีน ซีดาน กุนซือ "ราชันชุดขาว" ไม่มี แกเร็ธ เบล กับ อัลบาโร่ โมราต้า ที่บาดเจ็บ ขณะที่ โทนี่ โครส กลับมาซ้อมแล้ว แต่ไม่พร้อมสำหรับนัดนี้ ทว่าได้ ราฟาแอล วาราน ฟิตกลับมาคุมเกมรับกับ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีม

         แนวรุกวาง ลูกัส บาซเกซ, อีสโก้ และ  คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปั้นเกมสนับสนุน คาริม เบนเซม่า ถล่มตาข่าย

         ก่อนเริ่มเกมมีการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับ ผู้เล่นสโมสรชาเปโคเอนเซ่ ทีมในศึกบราซิเลียโร่ ลีก บราซิล ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เมเดยิน ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

         ออกสตาร์ตครึ่งแรกมาได้ประมาณ 11 นาที โอกาสลุ้นของบาร์ซ่า เมื่อ เนย์มาร์ กระชากขึ้นมาทางกราบ.ายแล้วโยนไปเสาสองให้ เซร์จี้ โรเบร์โต้ พยายามเอี้ยวตัวยิง แต่บอลไปติดหน้าอกของ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังของเรอัล มาดริด ออกหลังไป

         จากนั้นห้านาที เรอัล มาดริด ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ ลูกัส บาซเกซ โยนให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โขก แต่ไม่ผ่านการป้องกันของ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น นายทวารของบาร์ซ่า

         ผ่านมา 37 นาที ราชันชุดขาว ได้โอกาสอีกจากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช จ่ายให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลากมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนซัดด้วยซ้าย แต่ มาร์ค-อังเดร แทร์ ชเตเก้น นายทวารของบาร์ซ่า ปัดออกหลังไปได้ทัน

         นาทีต่อมา ทัพชุดขาว ได้ลุ้นต่อเนื่อง ลูกัส บาซเกซ พักอกเอาบอลลงแล้วไหลจากขวาเข้าในให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สอดมาจิ้มบอลอ้อมตัวของ มาสเคราโน่ ไปได้ ก่อนจะจิ้มด้วยขวาแต่บอลตรงตัวของ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น

         นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ทีมเยือนได้ลุ้นอีกครั้ง อีสโก้ โยนให้กับ ราฟาแอล วาราน โหม่งกลางกรอบเขตโทษ แต่ มาร์ค-อังเดร แทร์ ชเตเก้น รับไว้ได้อีก หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

         มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้ 8 นาที เจ้าบ้านได้ฟรีคิกทางด้านซ้าย เนย์มาร์ เปิดโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัย ขึ้นขวิดจ่อๆ เข้าประตูไปช่วยให้ บาร์ซ่า นำก่อน 1-0 และเป็นประตูที่ 9 ของซัวเรซ ในลา ลีกา ซีซั่นนี้

         หนึ่งชั่วโมงของเกมการแข่งขัน บาร์เซโลน่า เปลี่ยนเอา อันเดรส อิเนียสต้า ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ลงเล่นแทน อีวาน ราคิติช ส่วน เรอัล มาดริด ให้ คาเซมีโร่ เล่นแทน อีสโก้ ในนาทีที่ 66

         กระเถิบมานาทีที่ 68 บาร์ซ่า น่าได้ประตูที่สอง เมื่อ อิเนียสต้า จ่ายให้กับ เนย์มาร์ ทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย โยกหนี การ์บาฆาล กองหลังของเรอัล ก่อนปั่นด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

         ล่วงเลยมานาทีที่ 76 เรอัล มาดริด ได้โอกาสบ้าง โมดริช เปิดลูกเตะมุมให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขึ้นโหม่งบอลหลุดเสาไป

         เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยสกอร์นี้ แต่แล้วนาทีสุดท้ายของเกม ราชันชุดขาว ไล่ตามตีเสมอสำเร็จ 1-1 เมื่อ ลูก้า โมดริช เปิดฟรีคิกจากทางกราบซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังกัปตันทีมวิ่งสอดมาขวิดเข้าประตูไปอย่างสวยงามช่วยให้ เรอัล มาดริด บุกมาเสมอกับ บาร์เซโลน่า 1-1 เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน แบ่งแต้มกันไป ทำให้ ราชันชุดขาว ยังผงาดนำเป็นจ่าฝูงทิ้งห่าง บาร์เซโลน่า ที่ตามมาเป็นอันดับสองอยู่ 6 คะแนนเหมือนเดิม เมื่อผ่านมา 14 นัด

        รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         บาร์เซโลน่า : มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น - เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, จอร์ดี้ อัลบา - อีวาน ราคิติช (อันเดรส อีเนียสต้า น.60), เซร์คิโอ บุสเก็สต์, อันเดร โกเมส (อาร์ด้า ตูราน น.78) - ลีโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์ (เดนีส ซูอาเรซ น.87)

         เรอัล มาดริด : เคกย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เซโล่ วิเอยร่า - มาเตโอ โควาซิช (มาเรียโน่ ดิอ๊าซ น.86), ลูก้า โมดริช - ลูกัส บาซเกซ, อีสโก้ (คาเซมีโร่ น.66), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า (มาร์โก อาเซนซีโอ น. 77)

        ผู้ตัดสิน: การ์ลอส โกลส โกเมซ