ปรีวิวฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ)

วันพุธที่ 7 ธันวาคม 2559

เรอัล มาดริด (สเปน) - ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)

ถ่ายทอดสด: บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา: 02.45 น.)

สนาม: เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, (มาดริด, สเปน)

          ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์คนดังชาวฝรั่งเศสของ ''ราชันชุดขาว'' เรอัล มาดริด พาทีมเก็บไปแล้วทั้งหมด 11 คะแนนจากการลงสนาม 5 นัด รั้งอันดับสองของกลุ่มเอฟ การันตีการเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แล้ว และ หากเกมนี้เปิดรังคว้าชัยเหนือ ดอร์ทมุนด์ ได้ จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ทันที

          ความพร้อมเกมนี้ เรอัล มาดริด ต้องขาด แกเร็ธ เบล สตาร์ตัวเก่งทีมชาติเวลส์วัย 27 ปี ที่มีอาการบาดเจ็บข้อเท้ารุนแรง อาจต้องพักยาวราว 4 เดือน รวมไปถึงไม่มี ฟาบิโอ โกเอนเตรา ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์

          ขณะที่ โทนี่ โครส กับ อัลบาโร่ โมราต้า เพิ่งกลับมาฝึกซ้อมเรียกความฟิต ยังไม่พร้อมช่วยทีมในเกมนี้ แต่ เปเป้ กับ คาเซมีโร่ ฟิตพร้อมลงเล่นตัวจริงแทน ราฟาแอล วาราน กับ มาเตโอ โควาชิช ส่วน ฮาเมส โรดริเกซ ยังเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น

          แผงหลังวาง ดาเนียล การ์บาฆาล, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม) และ มาร์เชโล่ วิเอยร่า ลงประจำการ ส่วนแดนกลางส่ง ลูก้า โมดริช คุมเกมกับ คาเซมีโร่ เปิดทางให้ ลูกัส บาซเกซ, อีสโก้ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปั้นเกมช่วย คาริม เบนเซม่า กองหน้าชาวฝรั่งเศส เข้าทำประตู

          สลับมาดู ''เสือเหลือง'' โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทัพของโธมัส ทูเคิ่ล โชว์ผลงานยอดเยี่ยมในรายการนี้ มี 13 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอฟ เข้ารอบ 16 ทีมไปแล้ว และ หากเกมนี้บุกมาเก็บผลเสมอในรังราชันชุดขาวได้ จะเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มทันที

          สภาพทีมของดอร์ทมุนด์ ต้องปราศจาก มาริโอ เกิทเซ่, ชินจิ คางาวะ, นูริ ซาฮิน, ราฟาเอล เกร์เรยโร่, สเวน เบนเดอร์, มิเกล เมรีโน่ และ โรมัน บูร์กี้ ที่มีอาการบาดเจ็บรุมเร้าทั้งหมด

          อย่างไรก็ตามรายของ ยูเลี่ยน ไวเกิ้ล กับ อันเดร เชือร์เร่ พร้อมหวนคืนสู่ทีมหลังมีชื่อเป็นตัวสำรองเกมล่าสุดกับกลัดบัค ส่วน มาร์โค รอยส์ กับ คริสเตียน ปูลิซิช จะเริ่มต้นด้วยการเป็นสำรอง

          ตำแหน่งผู้รักษาประตูใช้งาน โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ ลงมาเฝ้าเสา พร้อมได้ ลูคัสซ์ พิซเซ็ค, โซคราติส ปาปาสธาโธปูลอส, มาร์ก บาร์ตร้า และ มาร์เซล ชเมลเซอร์ (กัปตันทีม) ลงประจำการเกมรับ

          ขยับมาดู ยูเลี่ยน ไวเกิ้ล คุมเกมแดนกลางกับ มัทธีอัส กินเทอร์ ปล่อยให้ อุสมาน เดมเบเล่, กอนซาโล่ กาสโตร และ อันเดร เชือร์เร่ ปั้นเกมสนับสนุน ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง เข้าทำประตู

          รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

          เรอัล มาดริด: เค ย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, เปเป้, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ลูก้า โมดริช, คาเซมีโร่ - ลูกัส บาซเกซ, อีสโก้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า

          ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ - ลูคัสซ์ พิซเซ็ค, โซคราติส ปาปาสธาโธปูลอส, มาร์ก บาร์ตร้า, มาร์เซล ชเมลเซอร์ (กัปตันทีม) - ยูเลี่ยน ไวเกิ้ล, มัทธีอัส กินเทอร์ - อุสมาน เดมเบเล่, กอนซาโล่ กาสโตร, อันเดร เชือร์เร่ -ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง

          ผู้ตัดสิน: ซีม่อน มาร์ชีเนี๊ยค (โปแลนด์)

         ข้อมูลที่น่าสนใจ

         - เรอัล มาดริด และดอร์ทมุนด์ เจอกันเป็นครั้งที่ 8 ใน ชปล. จาก 5 ฤดูกาลหลังสุด (4 เกมรอบแบ่งกลุ่ม, 2 เกมรอบก่อนรองฯ, 2 เกมรอบรองฯ)

         - ดอร์ทมุนด์ไม่ชนะใน 5 เกมเยือนที่เรอัล มาดริด (เสมอ 1 แพ้ 4) โดยเสียอย่างน้อย 2 ประตูตลอด 5 เกมดังกล่าว

         - เรอัล มาดริดชนะ 11 จาก 14 เกม ชปล. หลังสุด ที่เปิดบ้านพบทีมเยอรมัน (เสมอ 2 แพ้ 1) โดยครั้งเดียวที่แพ้มาจากเกมกับชาลเก้ เมื่อมีนาคม 2015 (3-4)

         - ที่เบร์นาเบว เรอัล มาดริด ชนะ 20 จาก 21 เกมหลังสุดในรอบแบ่งกลุ่ม ชปล. (เสมอ 1) รวมถึง 12 เกมหลังสุด อย่างไรก็ดี ดอร์ทมุนด์เป็นทีมสุดท้ายที่ไม่แพ้ที่นี่ จากเกมเมื่อพฤศจิกายน 2012 (2-2)

         - ขณะเดียวกัน มิลานเป็นทีมสุดท้ายที่บุกชนะ เรอัล มาดริด ในรอบแบ่งกลุ่ม (3-2 เมื่อตุลาคม 2009)

         - เรอัล มาดริด และดอร์ทมุนด์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์แล้ว แต่ เรอัล มาดริด ต้องชนะสถานเดียว เพื่อคว้าแชมป์กลุ่ม

         - เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ชปล. เป็นฤดูกาลที่ 20 ติดต่อกัน เป็นสถิติรายการนี้

         - เรอัล มาดริด ชนะในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มตลอด 9 ฤดูกาลหลังสุด

         - ดอร์ทมุนด์มีโอกาสชนะรวด 3 เกมเยือนรอบแบ่งกลุ่ม ชปล. เป็นครั้งแรก โดยความจริงแล้ว ดอร์ทมุนด์ชนะ 7 จาก 9 เกมเยือนหลังสุดในรอบแบ่งกลุ่ม ชปล. (แพ้ 2)

         - ดอร์ทมุนด์ ทำไปแล้ว 19 ประตูในฤดูกาลนี้ และต้องการอีกแค่ 1 ประตูเพื่อทาบสถิติยิงมากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม ชปล. (แมนฯ ยูไนเต็ด 1998-99, บาร์เซโลน่า 2011-12, เรอัล มาดริด 2013-14)

         - มีเพียง 2 จาก 27 เกม ชปล. หลังสุดของดอร์ทมุนด์ ที่จบด้วยผลเสมอ (ชนะ 16 แพ้ 9)

         - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำ 4 ประตูจาก 6 เกม ชปล. ที่พบ ดอร์ทมนุด์ รวมถึงประตูเปิดหัวในเกมล่าสุดที่เจอกันเมื่อเดือนกันยายน (2-2)

         - โรนัลโด้ยิงประตู (80) และแอสซิสต์ (23) มากกว่าผู้เล่นทุกรายในชปล. นับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีมเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2009-10

         - อัลบาโร่ โมราต้า ทำ 4 ประตูจาก 5 เกม ชปล. หลังสุดที่เบร์นาเบว (3 ลูกกับ เรอัล มาดริด, 1 ลูกกับยูเวนตุส)

         - มีเพียงเนย์มาร์ (7) ที่แอสซิสต์มากกว่า อุสมาน เดมเบเล่ แข้งวัย 19 ปีของ ดอร์ทมุนด์ (5) ในชปล. ฤดูกาลนี้