เว็บไซต์ทางการของ เอเอฟซี ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ยาวของสองคู่หูจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่าง "มุ้ย"​ ธีรศิลป์ แดงดา และ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในโอกาสที่ "กิเลนผยอง" แชมป์จากประเทศไทย หวนคืนสู่เวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังหายหน้าไปสี่ปี...

การได้เล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์​ ลีก 2017 มีความหมายอย่างไรบ้างกับพวกคุณทั้งคู่?
ธีรศิลป์: "ผมขอโฟกัสเป็นนัดๆ ไป ตอนนี้ เรามองไปที่คู่แข่งรายแรก แล้วก็ค่อยมาดูกันว่า เราจะไปได้ไกลแค่ไหน คู่แข่งแต่ละทีมต่างกันออกไป และเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเข้าไว้"

ชนาธิป: "ผมตื่นเต้นมากๆ กับความท้าทายใหม่ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017 มันคือโอกาสที่ดีในการได้เจอกับทีมแข็งๆ สุดยอดในเอเชีย แน่นอนว่า มันจะช่วยยกระดับฝีเท้าของผม รวมถึงพวกเราทั้งหมดในฐานะทีมด้วย เราจะได้พัฒนาตัวเองไปอีกระดับ"

สำหรับ ชนาธิป, คุณได้อยู่ในทีมชุดที่พลาดรอบเพลย์ออฟเมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วย ย้อนให้ฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
ชนาธิป: "ปีที่แล้ว ทีมเรายังใหม่ โค้ชก็ใหม่ นักเตะหลายคนก็ยังใหม่ แท็กติกก็ใหม่ ตอนนั้น เรายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับแท็กติก และเล่นยังไม่เข้าที่เข้าทางในช่วงแรก เราทำได้ไม่ดีในการเจอกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี แต่นั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทีมทีมนี้"

แล้ว ธีรศิลป์, คุณคือสมาชิกทีม เมืองทองฯ​ ชุดสุดท้ายที่ได้เล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก (ปี 2013) คุณประหลาดใจไหมกับการต้องรอนานถึงสี่ปี กว่าที่ เมืองทองฯ​ จะได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มอีกครั้ง?
ธีรศิลป์: "ช่วงระหว่างนั้น เราได้เล่นรอบเพลย์ออฟ แต่มันไม่ง่ายเลยในการเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม ผมคงไม่พูดว่ามันน่าเซอร์ไพรส์อะไร แต่มันเป็นช่วงเวลาของการสร้างทีม การทำงานหนัก และพร้อมเต็มที่เพื่อจะก้าวขึ้นไปในระดับนั้นอีกครั้ง"

นอกเหนือไปจาก บริสเบน รอร์ และ อุลซาน ฮุนได ที่ชนะในรอบเพลย์ออฟแล้ว คุณยังได้อยู่ร่วมกลุ่มกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ด้วยในรอบแบ่งกลุ่ม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ พวกคุณมองแชมป์เจลีกอย่างไรบ้าง?
ธีรศิลป์: "พวกเขาถือเป็นสโมสรใหญ่มากในญี่ปุ่น และเอเชีย ผมได้ดูพวกเขาเล่นในรายการชิงแชมป์สโมสรโลก ซึ่งน่าประทับใจทีเดียว คาชิม่า แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานฟุตบอลญี่ปุ่นเหนือไปอีกขั้นแล้ว ทีมเวิร์กพวกเขาสุดยอดทั้งหลัง, กลาง และหน้า ในนัดชิงชนะเลิศ​ มาตรฐานของพวกเขาสูสีกับ เรอัล มาดริด เลย แต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้าย พวกเขามีอาการล้าเลยดร็อปลงไป เพราะพวกเขาเล่นหลายนัดมากกว่า เรอัล มาดริด"

ชนาธิป: "ผมไม่ได้รู้จัก คาชิม่า ลึกซึ้งนัก แต่ผมรู้ว่า พวกเขาคือทีมที่แข็งแกร่ง และเล่นได้ดีมากกับ เรอัล มาดริด จนเกือบเอาชนะได้ นั่นแสดงให้เห็นว่า พวกเขามีศักยภาพในการต่อกรกับทีมชั้นนำได้ ผมไม่ได้เซอร์ไพรส์กับสิ่งที่พวกเขาทำ เพราะฟุตบอลคือเกมของคน 11 ต่อ 11 เท่ากัน และใน 90 นาที อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ โดยอาจไม่ใช่ดาวดังที่ฉายแสงก็ได้"

ธีรศิลป์ คุณได้เล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2013 และการได้เห็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แสดงผลงานในรายการนี้ โดยผ่านเข้าถึงรอบแปดทีมสุดท้าย ได้ช่วยให้คุณมีแรงกระหายอย่างไรบ้างไหม?
ธีรศิลป์: "ผมรู้สึกภาคภูมิใจเสมอเมื่อเห็นทีมจากประเทศไทยสร้างประวัติศาสตร์ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมบุรีรัมย์ ทำได้ดีมากในปี 2013 หากย้อนกลับไปในปี 2003 ทีมอย่าง บีอีซี เทโร ศาสน ก็ยังผงาดเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศด้วย ผมชื่นชมผลงานของพวกเขามาก แน่นอน ผมต้องการให้ทีมของเราเข้าถึงรอบน็อคเอ๊าต์ด้วย และขอมุ่งสมาธิไปที่การสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเอง"

สุดท้าย,​ อะไรคือเป้าหมายโดยส่วนตัวของพวกคุณในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้?
ชนาธิป: "เป้าหมายแรกของผมคือการพัฒนาตัวเอง และก้าวขึ้นไปอีกระดับในฐานะนักเตะ รวมถึงเล่นให้ดีใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017 สำหรับ เมืองทองฯ ผมคิดว่า สโมสรต้องเข้าให้ถึงรอบน็อคเอ๊าต์เป็นอย่างน้อย จากนั้น คุณอาจไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศก็ได้ ใครจะไปรู้"

ธีรศิลป์: "ผมยังไม่เคยยิงประตูได้ใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เลย ดังนั้น ผมจึงอยากซัดเม็ดแรกให้ได้ในรายการนี้ และช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบถัดไป แน่นอน สโมสรจากจีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้ เราก็มีโอกาสแสดงให้เห็นว่า ตัวแทนจากประเทศไทยสามารถทำอะไรได้บ้าง เราซ้อมกันหนัก และเตรียมตัวเต็มที่ มันคือโอกาสของเราในการทำให้เห็นถึงผลของการทำงานหนักเหล่านี้"